การจัดการความรู้ป่าชุมชน
เราไปจัด KM workshop ให้กับโครงการติดตามและสนับสนุนชุมชน : การจัดการความรู้และพัฒนาการจัดการป่าโดยชุมชน (PDF) เมื่อวันที่ ๘-๑๐ มิถุนายน ๒๕๔๘ ที่ผ่านมา ณ พระนครแกรนด์วิว มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร กรุงเทพฯ ซึ่งงานนี้ผู้จัดต้องการให้ผู้เข้าร่วมมีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะความสามารถในการจัดกระบวนการสรุปบทเรียน และเพื่อให้การดำเนินงานอย่างมีส่วนร่วมได้ด้วยตนเอง ด้วยวิธีการเล่าเรื่องการทำงานป่าชุมชนของแต่ละโครงการ (๙ โครงการ จำนวน ๒๐ คน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 6-7 คน) ที่ภาคภูมิใจและประสบความสำเร็จในพื้นที่ของตนเองแล้วนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยมีคุณธวัช หมัดเต๊ะ เป็นวิทยากรหลัก และคุณสุภาภรณ์ ธาตรีโรจน์ เป็นผู้ช่วยวิทยากร
สามารถถอดบทเรียนการทำงานป่าชุมชนออกมาดังนี้
การประสานความร่วมมือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
1. เข้าใจระบบนิเวศ/ภูมิปัญญาในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นที่ตัวเอง
2. มีกลไกหรือรูปแบบความร่วมมือของกลุ่ม องค์กร สถาบันในท้องถิ่น ในการสร้างรูปธรรมในการจัดการพื้นที่
3. มีการสร้าง/ขยายแนวคิดและพื้นที่การทำงาน
4. มีแผนการจัดการทรัพยากรที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรท้องถิ่นและความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ
5. ได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วนของสังคมและมีกฎหมายรองรับ
แนวคิดและกระบวนการในการทำงาน
1. การสร้างการมีส่วนร่วมภายในชุมชนและประสานความร่วมมือจากภายนอกในการจัดทรัพยากรการจัดการใช้วิถีชีวิต วัฒนธรรม ความเชื่อ
1. มีการตระหนักและรวมตัวการจัดการป่าในชุมชน/เครือข่าย
2. มีกิจกรรมในการจัดการป่าชุมชน เช่น การป้องกันไฟป่า พิธีกรรม ความเชื่อ และการประสนงานร่วมกันในท้องถิ่น
3. มีระบบคุ้มครองและการจัดการทรัพยากรใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และมีการถ่ายทอดสู่คนรุ่นใหม่ทั้งในและนอกระบบ
4. คนส่วนใหญ่ในชุมชนมีระบบวิถีชีวิตคนกับป่า อยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูลเกิดการจัดการป่าทั้งระบบ
5. โลกต้องเปลี่ยนแปลงแนวคิดและการปฏิบัติสู่แนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาที่ยั่งยืน
1. รู้จักสภาพภูมินิเวศน์ แหล่งที่อยู่ ของทรัพยากรในชุมชน
2. รู้จักการใช้ประโยชน์ ข้อควรระวังในการใช้ตัวทรัพยากรนั้น ๆ
3. รู้จักกระบวนการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง และครอบครัว
4. ขยายผลให้เกิดการปฏิบัติจริงทั้งชุมชน/เครือข่าย+การเรียนรู้ ประสบการณ์ภายนอก
5. มีการรวบรวม บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเผยแพร่แก่สังคม ในระดับชุมชน มีวิทยากรชาวบ้านอธิบายเรื่องราวได้ ส่วนกิจกรรมนั้นก็ดำเนินการต่อไป อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ช่วงกระบวนการทำ KM มีหลายสิ่งเกิดขึ้น ดังนี้
1. ช่วงที่ให้ตัวแทนป่าชุมชนเล่าเรื่อง เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สามารถเล่า (Tacit Knowledge = ความรู้ที่อยู่ในคน) ออกมาได้ดี แต่พอถึงช่วงให้จับประเด็น เกิดความสับสนหรืองง.. เริ่มจาก Facilitator และ Note taker (คุณอำนวยและคุณลิขิต) มีคำถามว่า ทำอย่างไร อย่างนี้ใช่ไหม ช่วยแนะนำให้หน่อย และตัวแทนป่าชุมชน ก็มีคำถามเช่นกันว่า จับประเด็นไปเพื่ออะไร จับไปทำไม เพราะจากการสอบถาม พวกเขาคิดว่า การเดินทางมา Workshop ครั้งนี้ แค่มาเล่าเรื่องอย่างเดียว เพื่อให้ผู้จัดนำเรื่องราวการทำงานป่าชุมชนในระยะ 2-3 ปีที่อยู่ในโครงการไปสรุปบทเรียนเท่านั้น แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี ดังนั้นในการจัด KM workshop ครั้งนี้ จึงเป็นการย้ำเตือนว่า ก่อนทำต้องเตรียม Facilitator และ Note taker ให้เข้าใจในกระบวนการต่าง ๆ ของ KM ให้ชัดเจน สำหรับเรื่องการประสานงานและการเก็บความรู้จากเรื่องเล่า Facilitator และ Note taker เข้าขากันได้ดีมาก (น่าชื่นชม) แต่ด้วยเวลาอันจำกัด ก็ทำให้ข้อมูล Tacit knowledge จำกัดลงไปด้วย
จึงขอความกรุณาให้ทุกท่าน ช่วยเสนอแนะแนวทาง เกี่ยวกับเรื่องของเวลาที่ใช้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ว่าควรทำอย่างไร จึงจะหาความเหมาะสมได้
2. บรรยากาศโดยรวมของการทำ KM workshop เป็นกันเอง ใช้ภาษาเข้าใจง่าย ๆ และให้โอกาสแสดงข้อเสนอแนะที่ยังคาใจหรือขัดข้องใจอยู่พร้อมปัญหาและแนวทางแก้ไขต่าง ๆ ในแต่ละวันที่จัด ไม่กำหนดว่าต้องแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในห้องสี่เหลี่ยม สามารถออกนอกห้องได้ตามความต้องการ เช่น โต๊ะรับแขก และใครอยากจะชงชา ชงกาแฟ ก็ออกมาชงได้ บวกกับความอยากรู้อยากเห็นและความตื่นเต้นเกี่ยวกับกระบวนการของ KM ว่าต้องทำอะไรต่อ มีบางท่านพูดว่า ทำไมไม่บอกให้หมดและละเอียดไปเลย ชอบกั๊กไว้ ยิ่งทำให้อยากรู้ไปอีก นี่ก็เป็นการสร้างแรงกระตุ้นอีกแบบหนึ่ง แต่ก็อาจเกิดอาการเซ็งได้ในบางครั้ง
3. การทำแก่นความรู้มีการใช้ card technique และการวาดภาพไม้บรรทัดให้มีสเกล 5 สเกล ลงบนกระดาษ เพื่อให้เขียนแก่นความรู้ 5 ระดับที่ได้ลงไป แทนการใช้ตารางแห่งอิสรภาพ จากนั้นประเมินหรือชี้วัดการทำงานป่าชุมชนแต่ละชุมชนด้วยกระดาษตัดเป็นสี่เหลี่ยมขนาดพอประมาณเขียนชื่อชุมชนของตนเอง (mini card technique) แล้วนำไปติดแก่นความรู้แต่ละระดับ งานนี้ไม่ได้ใช้ภาพธารปัญญา ใช้บันไดแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ วาดลงในกระดาษเหมือนทำตารางแห่งอิสรภาพ สำหรับภาคปฏิบัติการใช้ไม้บรรทัดทำได้ดี แต่จะมีบางคนยังสับสน การทำบันไดแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ที่ต้องหาค่าช่องว่าง (GAP) = Target (อนาคต) – Current (ปัจจุบัน) สุดท้ายก็ทำได้ และบอกว่าจะนำไปประยุกต์ใช้ต่อไป
4. ได้ขุมความรู้ (Knowledge Assets) และแก่นความรู้ (Core Competence) ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานป่าชุมชน ซึ่งความรู้นี้ได้สกัดออกมาจากเรื่องเล่าความสำเร็จในการดำเนินงานของ ๙ โครงการ โดยทางผู้จัด กล่าวว่าพอใจมาก เพราะทำให้ได้เรียนรู้กระบวนการการจัดการความรู้ (KM) และการทำงานป่าชุมชนในหลาย ๆ รูปแบบ
5. มีการเปิดใจเกี่ยวกับเรื่องการเขียน และการพูด/เล่า ว่ามีจุดเด่นและจุดอ่อน ตรงไหน ซึ่งก็ได้ออกมาหลายจุด เช่น การเล่าเรื่องสามารถแสดงความรู้สึก จิตนาการ อาการออกมาได้มากกว่าการเขียน การเล่าสามารถเล่าเรื่องออกมาได้มากมายไม่จำกัดมากกว่าการเขียน
มีการแนะนำว่าการทำสมาธิก่อนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้หรือ ทำ KM ดีมาก จะช่วยให้มีสติมากขึ้น
หมายเหตุ
ป่าชุมชนที่เข้าร่วม KM workshop คือ ชุมชนกาญจนบุรี ชุมชนบุรีรัมย์ ชุมชนหนองบัวลำภู ชุมชนอินแปง จังหวัดสกลนคร ชุมชนคลองตะเสะ จังหวัดตรัง ชุมชนกุดขาคีม จังหวัดสุรินทร์ ชุมชนดงนาทาม จังหวัดอุบลราชธานี และชุมชนเครือข่ายกลุ่มเกษตรกรภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่
ต่อเนื่องจากเรื่องความรู้เล็ก..เล็ก ในบล็อกคุณธวัช หมัดเต๊ะ และติดตามเรื่องราวการจัดการความรู้ป่าชุมชนต่อไป ขณะนี้กำลังรอรายละเอียดบางส่วนที่ยังขาดหายไป จากโครงการติดตามและสนับสนุนชุมชน: การจัดการความรู้และพัฒนาการจัดการป่าโดยชุมชน (PDF)
ไม่มีความเห็น