จากการเรียน ป.โท ที่จุฬา ได้ทำกิจกรรมระหว่างเรียนตลอด ได้ทำมินิ-วิทยานิพนธ์เป็งงานกลุ่ม ได้ทำอะไรหลาย ๆ อย่าง ทำให้ความคิดแตกกระจายไปหลายเรื่อง การทำงานวิจัย อาจารย์หลายท่านแนะนำให้มองจากทุนเดิมของตัวเอง สำหรับฉัน มันเยอะไปหมด ไม่รู้จะเลือกอะไรดี จะขอยกตัวอย่าง คือ
1. จากงานเดิมที่ผ่านมา :
- การสอนภาษาไทยให้กัชาวต่างชาติ ตามวิชาความรู้ที่จบมาในป.ตรี จาก มศว
- การสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นวิชาโท ตอนเรียน ป.ตรี และเป็นอีกหนึ่งงานที่ทำให้ส่งเสียตัวเองเรียน ป.ตรี จนกระทั่งป.โทได้
- กิจกรรมที่หล่อหลอมความเป็นตัวตน จากการรณรงค์สมัยเป็นนิสิตที่ มศว กับ No NA Club
- งานวิจัย ป. โท เล่มเล็ก เกี่ยวกับ CSR ของธุรกิจสุรา
- งานสื่อเพื่อเยาวชน จาก CMY ที่จัดโครงการร่วมมากมาย อาทิเช่น การอบรมพิธีกร โครงการกระปุกดาว เป็นต้น
2. เรื่องที่สนใจ
- Hi 5
- โรงเรียน 2 ภาษา และโรงเรียนอินเตอร์
กับเครือข่ายที่มี
1. สมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์
2. CMY - สมาคมส่งเสริมสื่อสร้างสรรค์เพื่อเยาวชน ( www.cmycenter.com )
3. ครู นักเรียน โรงเรียนเครือสาธิต ฯลฯ
หาข้อสรุปได้ยาก แต่ขณะที่เลือกหัวข้อทำเกี่ยวกับละคร ละครในโครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก เพื่อเป็นสื่อการสอน มอบแก่นักเรียน ครู อาจารย์ ทั่วประเทศ กว่า 5,000 แห่ง เลยใช้แนวคิดที่ว่า " ใกล้แหล่งข้อมูล " ไม่ได้ดูแนวของทุนวิจัย หรือใด ๆ เลย จึงลงมือบุกทำเรื่องดังกล่าว
และแล้วชีวิตก็ไม่ได้ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ปัญหาด้านการสื่อสาร ทัศนคติและมุมมองที่แตกต่าง ทำให้มีปัญหาในการทำเค้าโครงอย่างยิ่ง ประกอบกับ งานเข้า ทั้งฉันและอาจารย์ที่ปรึกษาสุดเคารพ กว่าจะเห็นภาพร่วมกัน ก็ต้องใช้เวลาทั้งหมดที่มี เรียกได้ว่าทำงานแข่งกับเวลาจริงๆ ชีวิต 24 ชั่วโมง กับเวลาตามจริงคิดเป็นวินาที
พอจัดการกับปัญหาเรื่องเอกสารไปได้ ต่อมาเป็นเวลาแห่งการสอบ อาจารย์ที่เป็นกรรมการจากภายนอกมหาวิทยาลัย ท่านน่ารักมาก ใจดี ช่วยเหลือสุด ๆ ( จริงๆ ลืมไปแล้วว่าเคยพบท่าน ตอนทำโครงการกระปุกดาวด้วย ) รู้สึกขอบคุณ และเป็นเกียรติมากที่ท่านเสียสละเวลาอันมีค่า มาให้ความช่วยเหลือ ทำให้โครงร่างผ่านไปได้ ขณะที่นัดเวลาในการสอบนั้น 10 เมษายน 2552 ปรากฏว่า รัฐบาลประกาศเป็นวันหยุด เหตุการณ์ม็อบเสื้อแดงคุกคามการสอบและการทำวิทยานิพนธ์อย่างยิ่ง แต่ทำให้ได้หายใจอีกเฮือกหนึ่ง และแล้วในที่สุด แม้ไม่ใช่วันราชการ แต่ท่านอาจารย์ที่น่รักทุกท่าน ก็ได้เดินทางมาเพื่อสอบหัวข้อวิทยานิพนธ์ จนผ่านไปได้โดยสำเร็จ
หากมองย้อนกลับไปแล้ว ปัญหาในหารคิดหัวข้อการเลือกทำวิทยานิพนธ์นั้น บางท่านติดกับกระแสที่จะล้อกับงานวิจัยในขณะนั้น บางท่านอาจจะมีเรื่องให้เลือกเยอะ สนใจเยอะ หรือใด ๆ ก็ตาม แต่ท้ายที่สุดแล้วนั้น จะมีเพียงงานชิ้นเดียว ที่ท่านสามารถทำได้ ไม่ว่าจะมีความรู้สึกชอบ หรือไม่ชอบก็ตาม แต่ที่สุดแล้ว เราก้ต้องเลือกและต้องทำให้ดีที่สุด ให้สมกับการที่จะได้ปริญญามหาบัณฑิตอยู่ดี ดังนั้น สำหรับฉันแล้ว งานวิจัยชิ้นใดก็ได้ ทุ่มเทสุดกำลังอยู่ดี
และหาจะต้องการเลือกหัวข้อใดสักอย่างหนึ่่ง ซึ่งหากเป็นหัวข้อที่มีส่วนประกอบเหล่านี้จะน่าสนใจมาก ได้แก่ มีแหล่งสนับสนุน หากทำหัวข้อใดที่อาจารย์สะดวกใจ สบายใจ ถนัดและชื่นชอบ และถ้าได้งานที่ตัวเองชอบ จงทำ ทำอย่างดีที่สุด จะได้ไม่มีปัญหาใด ที่ทำให้คุณไม่สามารถจบครบตามกำหนด
นี่คือปรสบการณ์เล็ก ๆ น้อยๆ ที่พบในเบื้องต้นนี้
อิอิ
หากในสี่ห้าบรรทัดสุดท้ายนั้นเรื่องไม่ตรงกันเลย จะเลือกทำเรื่องใดดีครับ
หากเป็นผมจะเลือกทำเรื่องที่น่าจะจบได้เร็ว
เพราะการทำวิทยานิพนธ์นั้น เป็นการเรียนวิธีทำการวิจัย (หรืออะไรที่เราทำ)ของเราเท่านั้น ไม่ได้มีความรับผิดชอบว่าจะทำไปเพื่อแก้ปัญหาของประเทศชาติหรือหน่วยงาน
ประสบการณ์ชีวิตหรือทุนเดิมของคุณ Tatar น่าสนใจมากทีเดียวครับ
น้องTatar เก่งมากเลยนะคะ
มีทุนเดิมในการทำวิจัยมากมายหลายเรื่อง
ต้องขอเรียนรู้ด้วยคนแล้วค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ชิวเป็นคนโทรศัพท์หาพี่ญาดาเองนะคะ
ว้าว.. เขียนบันทึกได้ข้อคิดดีเลยนะคะ
ยินดีที่ได้รู้จักคะพี่ญาดา