ที่ทำงานเป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 60 เตียง ตั้งอยู่ในอำเภอซึ่งมีความห่างไกลจากตัวเมืองโดยเฉลี่ยประมาณ 76 กิโลเมตร เป็นอันดับที่สองของจังหวัด ใช้เวลาเดินทางไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมง ดังนั้นโรงพยาบาลชุมชนเล็กๆ แห่งนี้ จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการส่งต่อผู้ป่วยไปโรงพยาบาลในตัวเมืองซึ่งเป็นทั้งโรงพยาบาลประจำจังหวัด และโรงพยาบาลศูนย์ฯ ได้ เนื่องด้วยเหตุผลร้อยแปดอาจถึงพันประการ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัย ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ดีขึ้น
การส่งต่อผู้ป่วยจึงต้องได้รับความร่วมมือจากบุคลากรหลายๆ ฝ่าย ทั้งคุณพยาบาลซึ่งต้องดูแลผู้ป่วยให้ปลอดภัยระหว่างนำส่ง และพนักงานขับรถ ซึ่งต้องมีหน้าที่ขับรถส่งต่อผู้ป่วย ดังนั้นเมื่อมีเหตุการณ์ที่ต้องส่งต่อผู้ป่วย ทุกคนจึงแยกย้ายกันเพื่อทำหน้าที่ของตนเองอย่างแข็งขัน
มีวันหนึ่งจำเป็นต้องส่งต่อผู้ป่วยเจ็บครรภ์คลอด ไปโรงพยาบาลในตัวเมือง เนื่องด้วยผู้ป่วยมีการคลอดไม่ก้าวหน้า และไม่มีแรงเบ่ง ทุกคนจึงได้ทำหน้าที่ของตนเอง โดยพยาบาลทำหน้าที่ประเมินสัญญาณชีพ, contraction, duration, FHS ของผู้ป่วยเป็นระยะๆ ส่วนพนักงานขับรถก็กำลังทำหน้าที่ขับรถอย่างตั้งอกตั้งใจ ระหว่างทางนำส่ง ผู้ป่วยเจ็บครรรภ์คลอดรายนี้ พูดออกมาให้ได้ยินว่า "หนูยังไม่คลอดค่ะ หนูยังรอได้ หนูกลัวๆ ๆ" พยาบาลเอง ก็แอบคิดในใจเบาๆ ว่า "อย่าว่าแต่หนูเลย พี่พยาบาลเองก็กลัว" ตอนนี้เราทั้งคู่คงรู้สึกไม่ต่างกันมากนัก เวลาผ่านไปไม่เกิน 45 นาที ทั้งพยาบาลและผู้ป่วยต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอกดีใจ เมื่อเห็นประตูทางเข้าโรงพยาบาลประจำจังหวัดแห่งนั้น "ถึงเสียที โล่งอกไปที เรารอดแล้ว"
จึงคิดเอาเองว่า ในตอนนั้นพนักงานขับรถคงกำลังปฏิบัติหน้าที่ตามพันธกิจ "ขับรถรวดเร็ว ทันใจ ถึงที่หมายปลอดภัยทั้งผู้ให้และผู้รับบริการ"
เอ
ท่าทางจะขับเร็วไปนะครับ
๗๖ กม ใน ๔๕ นาที ไม่ทราบว่าทาง รพ.กำหนดความเร็วรถไว้ไหมครับ
แต่กฎของ รพ.ก็น่าจะอยู่ใต้กฎหมายนะครับ
ชอบที่ว่า "ถึงเสียที โล่งอกไปที เรารอดแล้ว"
อยากฟังเรื่องราวสนุกๆ ปนหวาดเสียวหรือเรื่องอื่นๆ อีกนะครับ เกือบปีแล้วครับ