หลวงปู่ชา สุภทฺโท


หลวงปู่ชา สุภทฺโท

หลวงปู่ชา สุภทฺโท

 

ทุกข์และการแก้ทุกข์

 

                        เรื่องของจิตนี้เป็นเรื่องสลับซับซ้อน  เมื่อพูดตามความรู้สึกของคน  จิตที่มันรู้  จิตที่มันไม่รู้  มันสลับซับซ้อน  เรื่องจิตนี้ถ้าพูดกันง่าย ๆ  มันก็มีแต่ว่าเรื่องที่มันเกิดทุกข์  กับเรื่องที่มันดับทุกข์เท่านั้นเอง

 

                        เรื่องจิตนี้  ตามธรรมชาติของมันแท้  มันไม่มีอะไร  ถ้าหากว่ามันเข้าใจในตัวมันเองแล้ว  มันเข้าใจในสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ของมันแล้วก็ไม่มีอะไร  มันก็มีแต่เรื่องเกิดแล้วดับไป  เรื่องทั้งหลายซึ่งมันจะสำคัญมั่นหมายนั้น  คล้าย ๆ กับก้อนหินก้อนหนึ่งที่มันวางอยู่ข้างหน้าเรา  มันจะหนักเป็นตันก็ช่างมันเถิด  แม้น้ำหนักมันมี แต่เมื่อเราไม่ไปยกมันก็ไม่หนัก  จะหนักก็หนักเฉพาะเรื่องทุกอย่าง  อารมณ์ทุกอย่าง มันก็เหมือนกัน  ดีหรือชั่วก็ปล่อยไปตามเรื่องของมัน  มันไม่รู้เรื่องของมัน  เหมือนกับก้อนหินที่มันหนัก  มันจะหนักกี่ตัน  กี่กิโลกรัมก็ช่างมัน  ถ้าเราไม่ยกมันก็ไม่หนัก  แต่ว่ามันยังมีน้ำหนักของมันอยู่  แต่มันไม่ทำให้มนุษย์หนัก  อารมณ์ทั้งหลายนี้ก็เหมือนกันฉันนั้นแหละ

 

                        มันก็เป็นอย่างเดียวเท่านั้น  คือเป็นอารมณ์เท่านั้น  มันจะดีหรือชั่วมานั้นก็เพราะเราเข้าไปหมายมั่นว่ามันดีมันชั่ว  ก็เท่ากับเข้าไปแบกมัน  เมื่อไปแบกมัน มันก็หนัก  ถ้าปล่อยวางมันก็ไม่หนัก  ความเป็นจริงนั้น  มันมีความสำคัญมั่นหมายเฉพาะตัวเรา อารมณ์ต่าง ๆ มันก็เป็นอยู่อย่างนั้น เป็นธรรมชาติของมัน  เกิดแล้วก็ดับไป ไม่มีดีมีชั่ว

 

                        โลกนี้มันก็สม่ำเสมอดีอยู่หรอก  ที่มันไม่สม่ำเสมอนั้น  เพราะจิตของเราหลงไปอุปาทานมั่นหมายมันเสีย

 

                        ของสมมติก็เช่นกัน  เอามาใช้แล้วก็วางไว้  ท่านให้วาง  ลาภก็ดี  ยศสรรเสริญก็ดี  สุขก็ดีมีอยู่  แต่ท่านให้วาง  เอามาใช้เป็นเวลา แล้วก็วางไว้  ถ้าทำถูกเรื่องดังนี้ก็ไม่มีอะไร

 

                        ถ้าเราไม่รู้จักโลก  เราก็เป็นทุกข์  ถ้าเรารู้จักโลก  แจ้งโลกแล้วก็ไม่มีอะไร  ไม่ให้ไปรู้ธรรมะที่ไหน  แต่ให้รู้ว่าโลกที่เราอยู่นี่มันคืออะไร  สมมตินี้มันก็อยู่ที่สมมตินี้  แต่เรารู้จักสมมตินี้ให้มันเป็นวิมุตติ

 

                        ถ้ามีสมมติก็ต้องมีวิมุตติอยู่ในโลกอันนี้อย่างให้รู้เท่าทัน

 

                        ถึงแม้โลกมันจะวุ่นวายก็ยิ่งได้ศึกษามาก  เมื่อมีความทุกข์ขึ้นมานั่นแหละ  ได้ศึกษาอารมณ์อยู่  กำลังศึกษาธรรมะอยู่  เมื่อทุกข์เกิดขึ้นมาเมื่อไหร่  มันต้องให้คิด  เมื่อคิดมันก็เกิดปัญญา รู้จักแก้ปัญหาในอารมณ์อันนั้นได้  สมกับที่พระพุทธเจ้าท่านทรงเรียกว่า  ทุกข์สัจจ์  ทุกข์เป็นสัจธรรมอันหนึ่งเหมือนกัน  ท่านจึงสอนมนุษย์  ให้รู้จักทุกข์  ถ้าไม่รู้จักทุกข์  มันก็ทุกข์  ถ้ารู้จักทุกข์  มันก็ไม่ทุกข์

 

                        พระพุทธเจ้าทรงสอนเรา  ไม่ให้หลบหลีกเหตุการณ์  ถ้าทุกข์แสดงให้เราพิจารณาเอาทุกข์นั้นมาศึกษา

 

                        ถ้าเรามีสติอยู่  มีสัมปชัญญอยู่  มีความรู้ตัวอยู่เสมอแล้ว  ก็คือเราได้ประพฤติ ปฏิบัติธรรมอยู่ตลอดกาลตลอดเวลา  ดังนั้น  ไม่ควรคิดว่าธรรมะอยู่ไกล  ถ้าเราเห็นสิ่งเหล่านี้  สักแต่ว่าเป็นของไม่เที่ยง  เป็นทุกข์  เป็นอนัตตา  เท่านี้ปัญญามันก็เกิด   ถ้าอารมณ์สุขขึ้นมา  ทุกข์ขึ้นมา  ชอบใจขึ้นมา  ไม่ชอบใจขึ้นมา  เรานึกเห็นมันทุกอย่างว่า  มันก็เท่านั้นแหละ

 

(คัดมาจาก  หนังสือรวมคำสอนจากพระป่า)

(จากหนังสือรวมคำสอนพระสุปฏิปันโน เล่ม 1)

 



คำสำคัญ (Tags): #หลวงปู่ชา
หมายเลขบันทึก: 258733เขียนเมื่อ 2 พฤษภาคม 2009 12:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 06:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท