วันนี้ (๑๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒) ถือโอกาสเป็นวันหยุด จึงทำเหมือนเคย ก็คือ รื้องานเก่าๆ มาให้ดู เอกสารที่ดูส่วนใหญ่ ก็คือ เรื่องเกี่ยวกับคนไร้รัฐคนไร้สัญชาติ เพราะในช่วงนี้ อ.แหววพยายามสรุปรายงานผลการวิจัยที่ทำมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๕ กล่าวคือ “โครงการวิชาการคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์วิจัยประเภทที่ ๓ เรื่องการปรากฏตัวของคนไร้สัญชาติและคนไร้รัฐในประเทศไทย : แนวคิดและมาตรการในการจัดการปัญหาที่ชอบด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ” ซึ่งเราเรียกกันสั้นๆ ว่า “วิจัยการปรากฏตัวของคนไร้รัฐคนไร้สัญชาติในไทย” และยังไม่ได้ปิดโครงการมาจนปัจจุบัน กล่าวคือ เกือบ ๘ ปี ซึ่ง อ.แหวว และลูกศิษย์ ก็ยังคิดกันในเรื่องนี้ โครงการนี้เป็นโครงการหลักของเรา ซึ่งต่อมา ก็มีอีกหลายโครงการมาเชื่อมกับโครงการนี้ จนไม่อาจแยกแยะได้ว่า งานศึกษาเรื่องไหนเป็นของโครงการใด เพราะการทำงานเริ่มในโครงการแรกใน พ.ศ.๒๕๔๕ และเมื่อศึกษาไม่เสร็จ หรือปัญหาของคนไม่จบลง เราต้องเฝ้าดูแลกรณีศึกษาต่อไป เงินที่ใช้ในการทำงานในช่วงที่เงินในโครงการแรกจบลง จึงต้องมาใช้เงินของโครงการที่สอง หรือในบางช่วงที่ไม่มีเงินสนับสนุนจากโครงการใดเลย เงินในการทำงานก็มาจากกระเปาของเราเอง เราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะใช้เงินไม่มาก ที่ใช้มาก ก็คือ แรงใจที่ต้องคอยส่งต่อให้คนไร้รัฐคนไร้สัญชาติเจ้าของปัญหา
งานของเราก็มักเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต ซึ่งง่ายต่อการเข้าถึง และบางท่านก็เตือนเราว่า ง่ายต่อการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของเราด้วย ในประเด็นนี้ เราก็ไม่ค่อยสนใจ เพราะความรู้ของเรามีไว้แจกจ่าย ความรู้ของเราเหมือนอาหารบุพเฟ่ จะกินแค่ไหน หมูกมามอย่างไร ก็ตามสบาย เราไม่แคร์ที่นักศึกษาจะมาลอกเอาไปทำรายงานเสนอครู เขาก็อาจจะได้คะแนนและสอบผ่าน หรือคนไร้รัฐคนไร้สัญชาติคนหนึ่งจะมาพบ และเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาของตนเอง โดยไม่บอกเราว่า ใช้ความรู้ของเรา เราก็ยินดีในสิ่งที่พวกเขาได้รับ
งานหนึ่งที่นำไปสู่การปฏิรูปกฎหมายและนโยบายเพื่อขจัดปัญหาความไร้รัฐและความไร้สัญชาติของบุคคลธรรมดาใน พ.ศ.๒๕๕๑ ก็คือ “งานวิจัยเพื่อการพัฒนาภายใต้โครงการวิจัยผลกระทบของความไร้รัฐและความไร้สัญชาติของเด็ก เยาวชน และครอบครัวในสังคมไทย : การตรวจสอบปัญหาและแนวคิดในการแก้ไขปัญหา, เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐, ปรับปรุงเมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒, สนับสนุนการทำงานโดย มสช. และ สสส., ภายใต้ชุดโครงการ เด็ก เยาวชน และครอบครัว (ดยค.), ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกองทุนศาสตราจารย์คนึง ฦๅไชย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ มสช.” งานนี้ให้ผลกำไรแก่เรามากมาย แต่เราไม่แน่ใจว่า ในบางผลของการวิจัยจะเป็นประโยชน์หรือเป็นที่สนใจของสาธารณะชนโดยทั่วไปหรือไม่ เราจึงเลือกที่จะเผยแพร่ในสิ่งที่จำเป็น และเราจะไม่สนใจที่จะเสนองานวิจัยนี้ในโรงแรมห้าดาวของประเทศไทย เพราะเราไม่เชื่อว่า การนัดพบของคนใน กทม. มาเจอกันที่โรงแรมราคาแพงจะทำให้คนที่อยากใช้ความรู้ของเรามาเจอเราได้จริงทั้งหมด และบริโภคผลงานวิจัยของเราอย่างมีประสิทธิภาพ เราเชื่อใน delivery@home มากกว่า อาทิ ในบางเรื่อง เราเชื่อว่า ความรู้ของเราเป็นประโยชน์ต่อกรมการปกครอง เราก็จะเดินไปส่งมอบผลการวิจัยของเราต่ออธิบดีกรมการปกครองเลยทีเดียว ประหยัดทั้งแรงเงินละแรงกาย อบอุ่นใจมากกว่า
ตัวอย่าง ก็คือ เมื่อเราอยากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเข้าใจในปัญหาคนไร้รัฐเพราะหนีภัยความตาย เราก็พาอาจารย์อายุ นามเทพ ซึ่งเป็นกรณีศึกษาของคนไร้รัฐประเภทนี้ไปพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเลยทีเดียว (ดูรูปไหมคะ) ความเคลื่อนไหวทางวิชาการเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้จากงานวิจัยแบบนี้ เราเรียกว่า “การเยี่ยมเชิงกัลยาณมิตร (Friendly Visit)” วิธีการเสนองานวิจัยแบบนี้ถูกใช้มากในทีมวิจัยของเราค่ะ
เรามีวิธีวิจัยเพื่อการพัฒนาที่เป็นสูตรสำเร็จของเราค่ะ ตามมาดูซิคะ
คลิกเพื่ออ่านงานวิจัยในเรื่องนี้ซิคะ งานชื่อ “เราศึกษาอย่างไร ? : แนวคิดเกี่ยวกับวิธีวิจัยและพัฒนา” เป็นผลการวิจัยวิธีวิทยาสำหรับการสืบค้นตัวและปัญหาของคนไร้รัฐคนไร้สัญชาติ อันเป็นผลมาจากโครงการวิจัยเด็กไร้รัฐฯ – มสช. ข้างต้น
เราทำงานวิจัย แบบหนังหลายตอน กล่าวคือ ทำไปเผยแพร่ไป ตลอดเวลาจาก พ.ศ.๒๕๔๕ ข้อมูลและงานเขียนที่เผยแพร่ส่วนใหญ่ในสังคมไทย จึงมักมีที่มาจากงานของเรา มักมีคำขอให้เรารวบรวมงานเขียนของเรา มีความพยายามรวบรวมงานเกี่ยวกับคนไร้รัฐคนไร้สัญชาติหลายครั้ง แต่ก็ดูจะไม่ครบอยู่ดีค่ะ ก็เรามีกันหลายคน ต่างคนต่างทำ ลืมส่งให้กันเองดูก็มีค่ะ พยายามจัดระบบการเก็บข้อมูลกันอยู่ค่ะ
-------------------------------------------------------------------
ฝาก อ.แหวว ไปให้คำแนะนำกับครูคิม ที่นี่ ครับ อ่านแล้วมึนครับ