...
อาจารย์วิคทอเรีย แลมเบิร์ท ตีพิมพ์วิธีดูแลสุขภาพคุณผู้หญิงใน 'Dailymail.co.uk' (อ้างอิงไว้ท้ายบทความ) ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ
...
(1). ล้างมือด้วยสบู่
-
การล้างมือด้วยสบู่ก่อนเข้าบ้าน ก่อนกินอาหาร ก่อนดื่มน้ำ หลังออกจากห้องน้ำ-ห้องส้วม หลังเล่นกับสัตว์ ช่วยป้องกันโรคติดต่อได้มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ป้องกันหวัด ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่
-
การล้างมือมีส่วนช่วยลดการได้รับโลหะหนักและสารที่อาจเป็นพิษหลายชนิด เช่น ตะกั่วจากหมึกพิมพ์ (หนังสือ หนังสือพิมพ์ ฯลฯ) อลูมิเนียมจากยาทารักแร้หรือสารส้ม ฯลฯ โลหะหนักเหล่านี้มีพิษต่อสมองและไต
...
(2). ดื่มชาดำ
-
ชาดำ (ชาจีนหรือชาฝรั่ง) มีสารพฤกษเคมี หรือสารคุณค่าพืชผักที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคในคราบจุลินทรีย์ หรือ "พลัค (plaque)" บนผิวฟัน
-
ชาทำให้เอนไซม์หรือน้ำย่อย (glycosyltransferase) ของแบคทีเรียที่ย่อยน้ำตาลให้กลายเป็นกาวเหนียวหนึบทำงานได้น้อยลง ผลคือ ทำให้การเกิดคราบจุลินทรีย์ยากขึ้น
...
-
ถ้าจะดื่มชาให้ได้ผลดีจริงๆ... ควรดื่มชาที่ไม่เติมน้ำตาล เช่น ชาจีน ฯลฯ หรือใช้น้ำตาลเทียมช่วย
-
คราบจุลินทรีย์บนผิวฟันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ ซึ่งจะปล่อยสารเคมีจากการอักเสบเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้หลอดเลือดอักเสบ และตีบตันได้เร็วขึ้น...
-
การแปรงฟันให้ถูกวิธีด้วยแปรงขนอ่อน ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ การใช้ไหมขัดฟัน และการไปตรวจช่องปากกับอาจารย์หมอฟันทุกๆ 6-12 เดือนช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้
...
(3). กินกรดโฟลิค
-
วิตามิน B ที่ชื่อ โฟเลต (folate) หรือกรดโฟลิค (folic acid) วันละ 1 เม็ด (400 mcg / ไมโครกรัม) มีส่วนช่วยป้องกันความผิดปกติของลูกน้อยในครรภ์
-
การป้องกันที่ดีคือ ต้องกินตั้งแต่ 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ หรือที่ดีจริงๆ คือ กินตั้งแต่วางแผนจะมีลูก เนื่องจากยากที่จะรู้ได้แน่นอนว่า ตอนไหนเป็นช่วงแรกของการตั้งครรภ์จริงๆ
-
กรดโฟลิคมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคจอตา(จอรับภาพหรือเรตินา)ส่วนกลางเสื่อมสภาพ (age-related macular degeneration / AMD) โรคนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ตาบอดในคนสุงอายุได้บ่อย โรคนี้พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะผู้หญิงที่อายุยืน
...
(4). กินวิตามิน B
...
...
(5). กินกล้วย
-
มูลนิธิสุขภาพจิตสหราชอาณาจักร (UK) สำรวจพบว่า ผู้หญิงวัยกลางคน 1 ใน 4 มีโรคซึมเศร้าหรือวิตกกังวล
-
สาเหตุหนึ่งคือ การขาดฮอร์โมนความสุข (serotonin) ซึ่งสร้างจากโปรตีนชนิดหนึ่งชื่อ "ทริพโทฟาน (tryptophan)"
-
อาหารที่มีทริพโทฟานสูงได้แก่ กล้วย ไก่ ปลาทะเล ถั่วเหลือง เนื้อวัว กุ้ง... ขนาดที่แนะนำคือ กล้วยสัปดาห์ละ 4-11 ผล [ WHfoods ]
...
(6). ไม่สูบบุหรี่
-
วิธีป้องกันโรคจอตา(จอรับภาพหรือเรตินา)ส่วนกลางเสื่อมสภาพหรือ AMD ที่สำคัญคือ ไม่สูบบุหรี่ [ AMDalliance ]
-
การหลีกเลี่ยงแสงแดดจ้า กินพืชผักสีเข้ม โดยเฉพาะแถบสี "เขียว-ส้ม-เหลือง" ให้มากพอเป็นประจำ การตรวจเช็คความดันเลือดสูง... ถ้ามีต้องรักษาให้ต่อเนื่องมีส่วนช่วยป้องกันโรค AMD ได้เช่นกัน [ AMDalliance ]
-
การไม่สูบบุหรี่ลดเสี่ยงโรคถุงลมโป่งพอง มะเร็งปอด มะเร็งปากมดลูก (ผู้หญิงที่สูบเพิ่มเสี่ยง 2 เท่า)
-
กลไกที่เป็นไปได้คือ สารนิโคตินจากบุหรี่ไปสะสมอยู่ที่เยื่อเมือกปากมดลูก ทำให้ภูมิต้านทานโรคต่อเชื้อไวรัสหูด HPV ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกลดลง
...
(7). ไม่ดื่มน้ำอัดลม
-
น้ำอัดลมสีดำหรือกลุ่มโคลา เช่น โค้ก เปปซี่ ฯลฯ มีกรดฟอสฟอริค ซึ่งใช้ในการแต่งรสชาด กรดนี้ทำลายเคลือบฟัน ทำให้เสี่ยงเสียวฟัน ฟันผุ
-
กรดฟอสฟอริครบกวนการดูดซึมแคลเซียม และทำให้เสียแคลเซียมในการขับออกทางปัสสาวะ
-
การศึกษาโรคกระดูกโปร่งบาง (Framingham Osteoporosis Study) พบว่า การดื่มน้ำอัดลมสัปดาห์ละ 5 ดริ๊งค์ (1 drink = 240 มิลลิลิตร = 3/4 แก้วขนาดกลาง หรือ 1.3 ถ้วยตวงหม้อหุงข้าวไฟฟ้า) ทำให้ความหนาแน่นกระดูกลดลง 4%
...
(8). ผอมไปก็ไม่ดี
-
ขณะที่น้ำหนักเกินเพิ่มเสี่ยงต่อโรค เช่น มะเร็งเต้านม เบาหวาน โรคหัวใจ ฯลฯ ผู้หญิงที่ผอมไปมักจะมีสุขภาพไม่ดีเช่นกัน
-
ถ้าคิดจากดัชนีมวลกาย (body mass index / BMI = น้ำหนักเป็นกิโลกรัม หารด้วยส่วนสูงเป็นเมตร 2 ครั้ง) แล้ว...
-
ผู้หญิงที่มี BMI < 19 เพิ่มเสี่ยงกระดูกโปร่งบางหรือกระดูกพรุน เสี่ยงกระดูกหักเพิ่มขึ้น ถ้ามี BMI < 18.5 มีโอกาสได้ลูกต่ำลง (เครื่องหมาย '<' = น้อยกว่า)
...
(9). หลีกเลี่ยงฮอร์โมนทดแทน (HRT)
...
(10). รับแสงแดดอ่อน
-
แสงแดดอ่อนก่อน 9.00 นาฬิกาและหลัง 16.00 นาฬิกานานวันละ 10-15 นาที (เขตอบอุ่นหรือหนาวควรเป็น 20 นาที) ช่วยให้ร่างกายสร้างวิตามิน D ได้มากพอ
-
ผู้หญิงที่มี PCOS หรือกลุ่มอาการรังไข่เป็นถุงน้ำ(ซิสต์ / polycystic ovary syndrome) 50% ขาดวิตามิน D
-
คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเยลพบว่า การให้วิตามิน D เสริมในผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอช่วยลดโอกาสเกิด PCOS 99% และประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ 93%
...
(11). ลูก 2 ก่อนก่อน 30
-
ผลการศึกษา (Million Women Study) พบว่า การมีลูกในช่วง '20s (= 20-29 ปี)' ลดเสี่ยงมะเร็งเต้านม 7%
-
การมีลูก 2-3 คน (เฉลี่ย 2.5 คน) และเลี้ยงลูกด้วยนม 12 เดือน(ยิ่งให้นมลูกนาน ความเสี่ยงยิ่งลดลง) ลดเสี่ยงมะเร็งเต้านม 11%
...
-
มูลนิธิ Cancer Research UK ศึกษาพบว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมทุกๆ 12 เดือนทำให้ความเสี่ยงมะเร็งเต้านมลดลง 4.3% และแถมลดนิ่วถุงน้ำดีได้อีก 7%
-
การศึกษาจากสวีเดนพบว่า การเลี้ยงลูกด้วยนม 1 เดือนลดความเสี่ยงโรคปวดข้อรูมาตอยด์ 25% ถ้าเลี้ยงลูกด้วยนมได้นานกว่า 13 เดือน... ความเสี่ยงจะลดลงไปครึ่งหนึ่ง
-
กลไกที่เป็นไปได้คือ ช่วงตั้งครรภ์ + ให้นมลูกเป็นช่วงที่ฮอร์โมน "หญิงแท้ (แสดงลักษณะเพศหญิง)" หรือเอสโทรเจน (estrogen) ซึ่งมีส่วนกระตุ้นเนื้องอกให้โตเร็วทำงานน้อยลง
...
(12). แอโรบิคไม่พอ... ขอยกน้ำหนักเสริม
-
การศึกษาจากสหรัฐฯ พบว่า การออกกำลังต้านแรง เช่น ยกน้ำหนัก เล่นเวท ดึงสปริง ดึงยางยืด ฯลฯ 16 สัปดาห์ ช่วยลดอาการปวดหลังเรื้อรังได้ 60%
-
ส่วนการออกกำลังกล้ามเนื้อมัดใหญ่ต่อเนื่อง หรือแอโรบิค เช่น วิ่งเหยาะ(จอกกิ้ง) เดินเร็ว ฯลฯ ลดอาการปวดหลังได้ 12%
-
กลไกที่เป็นไปได้คือ กล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้นมีความทนทานมากขึ้น บาดเจ็บหรือเมื่อยล้าลดลง
...
(13). ระวังท้องอืด
-
อาการท้องอืด-แน่นท้องที่ไม่ดีขึ้นหลังการรักษาด้วยยา 1-2 เดือน... อาจต้องตรวจพิเศษ หรือขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากอาจเป็นโรคอื่น เช่น กรดไหลย้อน (GERD), กระเพาะอาหารอักเสบจากเชื้อโรค (H. pylori), มะเร็งในช่องท้อง ฯลฯ
...
(14). กิจกรรมทางเพศ
-
ศ.นพ.เมฮ์เมท ออซ ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจ แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐฯ แนะนำว่า ถ้าเป็นไปได้... การมีกิจกรรมทางเพศให้ถึงจุดสุดยอดปีละเกิน 200 ครั้ง อาจช่วยให้เป็นสาวขึ้น 6 ปี
-
คู่สมรสจำนวนมากอาจทำให้เกิดความรู้สึกดีต่อกันมากขึ้น... ถ้าได้กอดกันนานหน่อย
...
(15). ไม่ดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
...
เรียนเสนอให้พวกเราเลือกแต่ข้อที่พอทำได้ และทำได้โดย (ชอบ) ธรรม เช่น ถ้าไม่มีคู่ก็ไม่จำเป็นต้องไปมีชู้กับใคร เพื่อจะได้เป็นสาวขึ้นอย่างที่อาจารย์หมอออซแนะนำ ฯลฯ ขอเพียงให้ทำส่วนที่พอทำได้ให้ดี... แบบนี้ก็นับว่า ดีมากๆ แล้ว
ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
...
ที่มา >
-
-
นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ โรงพยาบาลห้างฉัตร ลำปาง สงวนลิขสิทธิ์. ยินดีให้ท่านนำไปเผยแพร่โดยอ้างอิงที่มาได้. ห้ามนำไปใช้เพื่อการค้า > > 11 เมษายน 2552.
-
ข้อมูลทั้งหมดเป็นไปเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูงจำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้