เรื่องเล่าจาก นายจำนง สัจจาศีล อสม.ดีเด่น สาขายาเสพติดในชุมชน
ห้าทุ่มเศษๆ ของวันหนึ่ง ในขณะที่ผู้ใหญ่จำนง กำลังพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ก็ได้ยินเสียงวิทยุเรียกเข้ามา
“ผู้ใหญ่นงค์ และลูกข่ายทุกท่าน ว.2 ” ๆ....ๆ
“ตอบ....ว่าอย่างไรครับ ” ผู้ใหญ่นงค์ ตอบรับตามเสียงวิทยุที่ อบต.ณรงค์ เรียกมา
“แจ้งลูกข่าย ...ขณะนี้มีชายสองคนมีลักษณะมึนเมาเหมือนเมายาขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาในหมู่บ้านของเรา เกรงว่าจะมาก่อเหตุร้าย ขอให้เครือข่ายทุกท่านได้ช่วยกันมาสกัดจับและป้องกันเหตุด้วย ”
หลังจากสิ้นเสียงทางวิทยุ ผู้ใหญ่จำนง สัจจาศิลป์ หนุ่มโสดวัย 46 ปี ได้รีบเตรียมอุปกรณ์พร้อมรถจักรยานยนต์คู่ใจไปสมทบกับลูกบ้านที่ได้มารวมตัวกันเพื่อติดตามสกัดไม่ให้ชายวัยรุ่นสองคนที่มีลักษณะเหมือนเมายาบ้าเข้ามาก่อเหตุในหมู่บ้าน พร้อมๆกันนั้น ก็ไม่ลืมที่จะขอความร่วมมือจากตำรวจในพื้นที่เข้ามาดูแลสถานการณ์ด้วย
“สวัสดีครับท่านผู้กำกับ มีวัยรุ่นสองคนเหมือนเมายาบ้าเข้ามาก่อเหตุในหมู่บ้านครับขอให้เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือด้วยครับ ” “ได้ครับเดี๋ยวผมจะเข้าไป ” เป็นเสียงตอบรับของ พตอ.ปราโมทย์ จงใจ ผู้กำกับสถานีบ้านโป่ง และได้เดินทางมาถึงหมู่บ้านภายในเวลา 15 นาที
พวกเราตามสกัดจับชายสองคนนั้นได้ภายในเวลาครึ่งชั่วโมง และทราบว่ามาจากพื้นที่ใกล้เคียงและมีอาการเมายาเสพติดชนิดยาบ้า แต่ไม่ทันได้ก่อเหตุใดๆในชุมชนก็ถูกชาวบ้านและตำรวจช่วยกันจับและป้องกันเหตุได้ก่อน
“ผมว่าหมู่บ้านผมเรามีเครือข่ายของคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ที่เข้มแข็ง ในการดูแลทุกข์สุขของชาวบ้าน จึงทำให้หมู่บ้านนี้ไม่มีเหตุการณ์ต่างๆที่รุนแรงเลย ” ผู้ใหญ่นงค์กล่าวถึงทีมงานในการทำงาน
ผู้ใหญ่จำนงค์ สัจจาศีล หรือที่ชาวบ้านในย่านนั้นและใกล้เคียงจะเรียกว่า “ผู้ใหญ่นงค์ ” เป็น อสม.มาตั้งแต่ปี 2527 ก่อนที่ก้าวสู่บทบาทของผู้นำชุมชนในปี 2531
“ผมอยากช่วยเหลือคนอื่นๆให้มีสุขภาพดี ” อุดมการณ์อันแน่วแน่ของผู้ใหญ่นงค์ เมื่อ24ปีที่แล้วก่อนจะเข้ารับอบรมหลักสูตร อสม. และปฏิบัติงานเรื่อยมาจนเป็นที่ประทับใจของชาวบ้าน
ช่วงก่อนปี 2546 ที่ไหนๆก็มีการระบาดของยาบ้า ที่หมู่บ้านนี้ก็มี ตามนโยบายของรัฐบาลในขณะนั้น บทบาทการเป็น อสม.และผู้ใหญ่บ้านของผม มันสามารถทำควบคู่ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น
มีเด็กๆวัยรุ่นประมาณสิบกว่าคนในหมู่บ้านที่เสพยาเสพติดบางคนเป็นนักเรียนบางคนก็ทำงานแล้ว “เราจะช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างไร ?” เป็นคำถามที่ผมต้องการหาคำตอบ
“พี่ยาว พี่ต้อยอยู่ในบ้านหรือเปล่า “ วันนี้ผู้ใหญ่นงค์ เดินทางมาบ้านนายยาว นางต้อย สองสามีภรรยาที่มีลูกวัยรุ่นและเสพยาบ้า
“ผมมาปรึกษากับพี่หน่อย รู้สึกว่าหนึ่ง ลูกชายพี่เขาจะเริ่มๆยุ่งกับพวกยาเสพติดนะ ตอนนี้ผมกับพวกคณะกรรมการหมู่บ้าน หน่วยราชการ ตำรวจ หมออนามัย ได้ทำค่ายบำบัดขึ้นเพื่อให้วัยรุ่นแถวๆบ้านเราที่หลงผิดได้เข้าค่ายเพื่อเปลี่ยนความคิดและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ดีได้ ”ผู้ใหญ่นงค์ได้ปรึกษากับพ่อและแม่ของหนึ่งเพื่อพาหนึ่งเข้าค่ายเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
“โดย คณะกรรมการหมู่บ้าน อบต.ตำรวจ และหมออนามัย จะร่วมมือกันทำโครงการ “รักในหลวง รักราชินี ร่วมกันทำความดีเพื่อแผ่นดิน ”
หลังจากนั้น หนึ่งและเพื่อนวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมการเสพยาบ้าก็ได้เข้าร่วมโครงการ รวมกัน 11 คน เป็นหลักสูตร 9 วันและมีการรายงานตัวเพื่อติดตามผลเป็นระยะ
ทุกวันนี้หนึ่ง มีอาชีพเพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัวพร้อมกับการเลี้ยงดูลูก 2 คน และไม่หวนกลับไปยุ่งกับยาเสพติดอีก
“ผมรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เข้าร่วมโครงการ ผมไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียน และมีงานมีการทำเลี้ยงดูครอบครัวได้ ” เป็นคำพูดของหนึ่งที่ผู้ใหญ่นงค์ ยังจำได้อยู่เสมอ
กลางเดือน 12 ของทุกปี เทศกาลการแข่งขันเรือยาวประจำปีของวัดอุทุมพรธาราม ใกล้เข้ามาถึงแล้วทุกขณะ พื้นที่เขตตำบลสวนกล้วย ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำแม่กลองซึ่งเช่นเดียวกับบ้านของผู้ใหญ่นงค์ก็อยู่ติดกับแม่น้ำเช่นกัน
“ผมได้รวบรวมกลุ่มวัยรุ่นและผู้มีประสบการณ์ในหมู่บ้านที่มีฝีมือในการพายเรือแข่ง ประมาณ 30 คน มาซ้อมเพื่อเตรียมเข้าร่วมการแข่งขัน เพราะที่วัดสวนกล้วยจะมีเรืออยู่ 2 ลำ พวกเราจึงนำมาใช้งานและซ้อมกันประมาณ 1 เดือนกว่าจะถึงวันแข่ง ”
การแข่งขันเรือพายที่จะได้ผลงานออกมาดีไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก เพราะต้องใช้ฝีพายที่แข็งแรงและความพร้อมเพรียงความสามัคคีของทีมงาน ทุกคนต้องมีความอดทนสูง และมีวินัยในตนเอง
ถึงจะเป็นผู้ชนะ
ผลงานที่ผ่านมาของทีมเรือพายตำบลสวนกล้วย สามารถชนะในหลายสนาม ได้รางวัลรองชนะเลิศในการแข่งขันที่วัดอุทุมพรธาราม และรางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระเทพฯในการแข่งขันที่วัดบ่อตะกั่ว จังหวัดนครปฐม
นอกจากการสนับสนุนให้กลุ่มวัยรุ่นได้มีกิจกรรมการพายเรือแล้ว ในการทำกิจกรรมด้านกีฬาอื่นๆ การให้ความรู้และการติดตามกวดขันผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดยาเสพติดในหมู่บ้านผู้ใหญ่นงค์ก็ปฏิบัติอยู่เป็นประจำ
ทุกวันนี้ผู้ใหญ่นงค์ ยังครองตัวเป็นโสด และมีรายได้จากเงินเดือนของผู้ใหญ่บ้านและจากส่วนอื่นๆบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังทุ่มเทกำลังใจกำลังกายให้กับชุมชน
“น้องผม เขาเสียสละทุกอย่าง บางทีเงินเดือนผู้ใหญ่ก็ไม่พอใช้ ไม่ว่าใครเดือดร้อนที่ไหนถ้าบอกแก แกก็จะไปทุกเรื่อง ท่อประปาแตก ก็ผู้ใหญ่ ก็จะขับรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าไป ไม่เฉพาะตำบลสวนกล้วย ตำบลอื่นๆที่อยู่ข้างเคียงก็เรียกใช้แต่ผู้ใหญ่นงค์ เงินทองไม่พอพี่น้องก็ช่วยดูแลกันเพราะเห็นน้องทำงานเพื่อชาวบ้านจริงๆจังๆ พี่ๆน้องๆก็ช่วยกับสนับสนุนอย่างเต็มที่ “ อาจารย์ชลิต พี่ชายผู้ใหญ่นงค์ พูดถึงน้องชายด้วยความภาคภูมิใจ
“ผมคิดว่าผมมีวันนี้ได้ เพราะได้รับความร่วมมือจากชาวบ้าน และองค์กรต่างๆในชุมชน ผมให้คำแนะนำและพยายามช่วยเหลือชาวบ้านในทุกเรื่องที่สามารถทำได้ “
“เรื่องยาเสพติดก็เหมือนกัน ที่หมู่บ้านผมมีคนติดยาเสพติดกันมาก ผมไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นในหมู่บ้านผม ผมทิ้งชาวบ้านไม่ได้ ก็ต้องส่งเข้าไปบำบัดบ้าง ตรวจตรากวดขันบ้าง และส่งเสริมให้มีกิจกรรมต่างๆในหมู่บ้าน เพื่อให้หมู่บ้านของผมไม่มีชื่ออยู่ในเป้าหมายของหน่วยราชการว่าเป็นหมู่บ้านที่มียาเสพติด ”
สิ่งที่ผู้ใหญ่นงค์ พูดคงเป็นสิ่งยืนยัน อุดมการณ์อันแน่วแน่ของผู้ใหญ่บ้านที่ชื่อ
จำนง สัจจาศิลป์ ผู้ที่เป็นที่รักของชาวบ้านและเป็นที่ไว้วางใจขององค์กรต่างๆว่าเป็นผู้เสียสละอย่างแท้จริง
และยังยึดถืออุดมการณ์ที่เหนียวแน่นที่ว่า “ผมอยากช่วยเหลือให้คนอื่นๆมีสุขภาพดี ”เช่นเดียวกับเมื่อ 24 ปีที่แล้วไม่เปลี่ยนแปลง
เจตนา คันธาทิพย์ ผู้ถ่ายทอดและบันทึกเรื่องเล่า
ไม่มีความเห็น