บทความเรื่อง Reforming Educational Reform โดย Robin McTaggart ในหนังสือ International Conference on Educational Reform 2007 (ICER 2007) ISSN 1906-0653 www.icer2007.msu.ac.th จัดพิมพ์โดยคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กระตุ้นให้ผมเขียนบันทึกนี้
ทำให้ผมไตร่ตรองว่า เนื่องจากมีหลักฐานมากมายที่บอกว่าการปฏิรูปการศึกษาไทยในช่วง ๑๐ ปีที่ผ่านมาล้มเหลวในด้านคุณภาพ เราจึงต้องปฏิรูปการปฏิรูปการศึกษาของเรา โดยที่ข่าวคราวของการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่สอง ดูจะเป็นการปฏิรูปต่อเนื่องจากของเดิม ซึ่งเท่ากับเป็นการต่อยอดความล้มเหลว หรือต่อยอดวิธีการที่ล้มเหลว
ดังนั้นหลักการสำคัญที่สุดของการปฏิรูปการศึกษาไทยในทศวรรษที่ ๒ คือ ต้องปฏิรูปให้แตกต่างไปจากวิธีการหรือยุทธศาสตร์ที่ใช้ในทศวรรษแรก หรือหาจุดอ่อนของการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษแรกให้พบ แล้วแก้ไขจุดออ่นเสีย
บทความของ Robin McTaggart ทำให้ผมตระหนัก ว่ากระบวนการปฏิรูปเป็นการต่อสู้ทางอำนาจ หรือทางการเมืองอย่างหนึ่ง และการปฏิรูปการศึกษาไทยในทศวรรษแรก เป็นชัยชนะของนักการศึกษา หรือกระทรวงศึกษาธิการ ที่รวบอำนาจการจัดการศึกษาไว้มากขึ้น ผมเข้าใจอย่างนี้ไม่ทราบว่าผิดหรือถูก และต้องขออภัยมิตรนักการศึกษาทั้งหลายด้วยที่วิเคราะห์ตรงๆ เช่นนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยกันฟื้นคุณภาพการศึกษาไทยเป็นหลัก ไม่ได้มีเจตนาจ้วงจาบนักการศึกษาแต่อย่างใด
ที่ผมเข้าใจเช่นนี้ ก็เพราะผมเปรียบเทียบกับการปฏิรูประบบสุขภาพของไทยในช่วงเวลาเดียวกัน เชื่อไหมครับ ว่าใน ๑๐ ปีที่ผ่านมา ระบบสุขภาพเปลี่ยนแปลงมากกว่าระบบการศึกษา และเปลี่ยนแปลงไปในทางตรงกันข้ามกับระบบการศึกษา คือระบบสุขภาพ เกิดความหลากหลายขององค์กรในระบบมากขึ้น (เป็น Complex Adaptive Systems ยิ่งขึ้น) มีการกระจายอำนาจการตัดสินใจในระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีการกระจายอำนาจการตัดสินใจในการใช้ทรัพยากรของประเทศมากขึ้น ประชาชนเข้ามามีส่วนมีเสียงในการตัดสินใจ แสดงความคิดเห็น และกำกับดูแลระบบมากขึ้น ที่สำคัญคือ มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ประชาชนได้รับประโยชน์และมีความพึงพอใจต่อการเปลี่ยนแปลงระบบสุขภาพอย่างมากมาย
ผมมองว่า การปฏิรูปการศึกษาไทยทศวรรษแรก มองเชิงระบบ เป็นการถอยหลังเข้าคลอง ในลักษณะที่เน้น bureaucracy มากขึ้น เน้น unity ของระบบ มากกว่า diversity ของระบบ เน้นการจัดการแบบ simple top-down system มากกว่า Complex Adaptive Systems เน้นให้อำนาจของวิชาชีพการศึกษา มากขึ้น คือเน้นปริญญาครู มากกว่าเน้นผลงานต่อศิษย์
ไม่ทราบว่าผมคิดผิดหรือถูก ที่มองว่าการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ ๒ ต้องตีโจทย์ให้แตก ว่าหัวใจของการปฏิรูปคืออะไร และผมว่าหัวใจคือการปฏิรูประบบ ปฏิรูปวิธีคิดเชิงระบบ ว่าระบบการศึกษาควรมีลักษณะอย่างไร ควรแตกต่างไปจากทศวรรษแรกอย่างไร
ต้องระวัง ไม่ให้ประเด็นเชิงเทคนิคกลายเป็นหัวใจของการปฏิรูป ต้องให้ประเด็นเชิงระบบเป็นหัวใจ การปฏิรูปเทคนิคภายใต้ระบบที่ผิด จะยิ่งจมลงไปในปัญหา ยิ่งปฏิรูปคุณภาพของผลการศึกษายิ่งเลวลง
วิจารณ์ พานิช
๒๓ มี.ค. ๕๒
ไม่มีความเห็น