วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา กลับไปเยี่ยมบ้านซึ่งเป็นบ้านสวนแน่นอนต้นไม้เยอะ หน้าแล้งใบไม้แห้งเพียบ เห็นร่องรอยขี้เถ้าของกองใบไม้ถูกเผากองเล็กๆ หลายกองเชียวแหล่ะ ตามประสาคนตามข่าว และคิดอะไรตื้นๆ ตามข่าว ก็เลยเอ่ยปากบอกแม่ว่า เขารณรงค์ไม่ให้เผาใบไม้เพราะว่ามันสร้างหมอกควัน แม่ถามกลับมาว่าให้ทำอย่างไร ถ้าปล่อยทิ้งไว้ หรือกวาดกองไว้แล้วไม่จัดการ ถ้าบังเอิญมีใครบางคนจุดไฟขึ้นมา สวนทั้งสวนรวมทั้งบ้านอาจไม่เหลือ ตอบแม่ไปว่า เรากองสุมไว้ตามโคนต้นไม่ได้เหรอ แม่ตอบว่าก่อนมาบอกให้แม่ทำอะไรให้เดินไปดูให้ทั่วสวนก่อนว่าที่บอกแม่น่ะ แม่ทำแล้วรึยัง อือ จริงๆ ด้วยโคนต้นไม้ในสวนมีใบไม้กองสุมเต็มไปหมด แต่ก็ยังคงมีใบไม้ร่วงลงมาอยู่ร่ำไป แม่ก็เลยใช้วิธี เผาทีละหน่อย ตอนเช้าๆ เพราะว่า อากาศเย็นและเห็นเปลวไฟ ป้องกันการลุกลามได้ แม่บอกว่าที่บ้านเราใช้วิธีนี้มาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย ไม่เห็นจะมีปัญหาหมอกควันมาก่อนเลย บอกแม่ไปอีกทีว่า แม่ขุดหลุมฝังกลบดีมั๊ย แม่ตอบกลับมาทำเอาอึ้งไปเลย พรุ่งนี้เช้าจะตื่นกี่โมง แม่จะปลุกให้ลุกมาขุดเองนะ ตอบมาแบบนี้ไม่เอาหรอก ไม่ไหวแน่ๆ ขอบายตั้งแต่ไม่พยายามจ้า
คำพูดของแม่ทำให้ต้องมานั่งคิดถึงสาเหตุจริงๆ ของหมอกควัน และสิ่งที่ฟังข่าว อ่านบล็อกรวมทั้งที่พบเห็นด้วยตนเอง ตั้งคำถามกับตนเอง จริงหรือที่หมอกควันที่เกิดปัญหาทุกวันนี้เกิดจากการเผาป่า หรือการเกษตรล้วนๆ สมองคิดไปก็เริ่มคิดถึง การบ่นของคนในโลกไซเบอร์ผ่านบล็อกต่างๆ ทุกคนล้วนแล้วแต่บ่น ว่า และโยนความผิดให้ คนเผาป่าที่ทำเพื่อกันไฟไหม้พื้นที่เกษตรและที่อยู่อาศัยของตนเองรวมถึงการสร้างแหล่งอาหารเช่น ผักหวานป่า หรือ เห็ดถอบ (เผาะ) ใช่ว่าเขาจะพึ่งมาทำเมื่อ 4-5 ปีที่เกิดปัญหารุนแรงนี้เมื่อไหร่กัน การเกษตรเป็นสาเหตุเหรอ แน่ใจเหรอ พื้นที่การเกษตรน้อยลงทุกปีนะ ถ้ามาจากสาเหตุนี้ ปัญหามันควรจะลดลงตามพื้นที่การเกษตรสิ เห็นแต่เปลี่ยนพื้นที่เกษตรเป็นบ้านจัดสรร เป็นสนามกอล์ฟ เป็นท่าทรายดูดทรายจากพื้นที่นาทั้งผืนในหลายพื้นที่ในประเทศที่กฎหมายสิ่งแวดล้อมและผังเมือง อ่อนแอประเทศนี้ แล้วจะบอกว่สาเหตุจากการเผาทางการเกษตรล้วนๆ เหรอ ไม่ใช่แน่ๆ ตอบตัวเองได้ในบัดดล
ว่าแต่อะไรล่ะที่เพิ่มขึ้น จำนวนรถบนถนนให้ความสะดวกในการเดินทาง สร้างอากาศบริสุทธิ์มากเลย(สินะ) คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป ของเล่นเด็ก รถบังคับ เครื่องบินบังคับ สารพัดอุปกรณ์สร้างความสุขชั่วคราวที่ใช้พลังงานจากแบ็ตเตอรี่ สร้างขยะมลพิษจากแบตเตอรี่ทำลายยากอีกต่างหาก ร้อนก็ติดแอร์ใช้พัดลม ใช้น้ำไม่บันยะบันยัง ร้านอาหารที่เพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้าด้วยถุงพลาสติกและกล่องโฟม ขยะล้นเมือง เขาใช้วิธีทำลายแบบไหนกันหนอ เมื่อก่อนแถวแม่เหียะ เชียงใหม่ก็เห็นควันไฟลอยทั้งวัน เดี๋ยวนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าควันเหล่านี้ไปลอยอยู่แถวไหนกันบ้าง โรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นสวนทางกับพื้นที่เกษตร สารพัดจะจาระไนยหมด
คิดมาถึงตรงนี้ถามตัวเองว่า เข้าใจรึยังว่าใครบ้างที่มีส่วนก่อปัญหาคำตอบคือ เราตะหากที่สร้างปัญหา ทุกคนที่เคยเดินทางด้วยรถยนตร์ต้องรับผิดชอบร่วมกันถ้าใช้รถสาธารณะอาจรับผิดชอบน้อยกว่าคนใช้รถส่วนตัวหน่อยนึง ใครที่ใช้คอมพิวเตอร์ ใครที่นิยมเดินบนพื้นหญ้าในสนามกอล์ฟ ใครที่มีโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ กล้องถ่ายรูป ใครคนนั้นที่นอนทำงาน และประชุมในห้องแอร์เย็นจัดแล้วใส่เสื้อนอกแบบสากล (กลัวคนเขาว่าไม่อินเตอร์) แอร์ให้ความเย็นในห้องเพิ่มความร้อนให้โลก ใครที่เคยได้รับถุงพลาสติกจากร้านค้า และทานอาหารจากกล่องโฟม ใครที่เคยดูทีวี ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า ก็พลังงานมันถูกผลาญทุกวัน เกิดความร้อนขึ้นทุกวัน เห็นตัวปัญหาชัดแจ๋วเลยคราวนี้ ยังกล้าบอกว่าเป็นความผิดของคนอื่นอีกรึเปล่าล่ะ คนเผาป่า(ที่เป็นชาวบ้านจริงๆ นะ ไม่เกี่ยวกับพวกนายทุนที่มีทางเลือกมากมายแต่ไม่เลือก) เกษตรกร เขาทำเพื่อปากท้องซึ่งเป็นความจำเป็นของชีวิต แต่เราสิทำลายโลกเพราะความสะดวกสบายของตัวเอง
แล้วปัญหานี้แก้ยังไง แก้ง่ายๆ เริ่มจากตัวเองก็แล้วกัน แค่ลดการใช้พลังงานกันเถอะ ลดความสะดวกสบายของชีวิตลงบ้าง อย่าโยนความผิดให้คนโน้นคนนี้ ตัวเรานี่แหล่ะตัวดีนัก แก้ปัญหาจากข้างในง่ายกว่าแก้จากข้างนอกนักหนา กระจ่างเลยงานนี้