คุณภาพแห่งชีวิต : จากครรภ์มารดา ถึงเชิงตะกอน /แนวคิดเพื่อการทำงานจากอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์


ผมต้องการไปโรงเรียน พี่สาวหรือน้องสาวผมก็ต้องการไปโรงเรียนจะได้มีความรู้หากินได้ และจะได้รู้คุณธรรมแห่งชาติ ถ้าผมมีสติปัญญาเรียนชั้นสูง ๆ ขึ้นไป ก็ให้มีโอกาสเรียนได้ ไม่ว่าพ่อแม่ผมจะรวยหรือจน จะอยู่ในเมืองหรือชนบทแร้นแค้น เมื่อออกจากโรงเรียนแล้ว ผมต้องการงานอาชีพที่มีความหมาย ทำให้ได้รับความพอใจว่าตนได้ทำงานเป็นประโยชน์แก่สังคม

เนื่องในวาระวันที่ 9 มีนาคม เป็นวันคล้ายวันเกิด วันล้ออายุ อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ บรมบูรพาจารย์แห่งรัฐสวัสดิการของไทย เครือข่ายติดตามการศึกษาไทย ถือโอกาสอันเป็นมงคล ขออนุญาต นำบทความที่ลือชื่อนี้ นำมาเผยแพร่ซ้ำอีกคำรบหนึ่ง เพื่อกระตุกกระตุ้นเตือนสังคมในเรืองรัฐสวัสดิการ โดยเฉพาะด้านการศึกษาของชาติ ของพลเมือง ที่มีชีวิตบนผืนแผ่นดินไทย

เมื่อผมอยู่ในครรภ์ของแม่ ผมต้องการให้แม่ได้รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ ได้รับความเอาใจใส่

และบริการอันดีในเรื่องสวัสดิภาพของแม่แลtเด็ก                                                                              

 ผมไม่ต้องการมีพี่น้องมากอย่างที่พ่อแม่ของผมมีอยู่และแม่จะต้องไม่มีลูกถี่นัก
พ่อกับแม่จะแต่งงานกันถูกกฎหมายหรือธรรมเนียมประเพณีหรือไม่ไม่สำคัญ
แต่สำคัญที่พ่อกับแม่ต้องอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขทำความอบอุ่นให้ผมและพี่น้อง                                                                                                                                  
ในระหว่าง 2-3 ขวบแรกของผม ซึ่งร่างกายและสมองผมกำลังเติบโตในระยะที่สำคัญ 
ผมต้องการให้แม่ผมได้รับประทานอาหารที่เป็นคุณประโยชน์                                                                                                            
ผมต้องการไปโรงเรียน พี่สาวหรือน้องสาวผมก็ต้องการไปโรงเรียนจะได้มีความรู้หากินได้ และจะได้รู้คุณธรรมแห่งชาติ 
ถ้าผมมีสติปัญญาเรียนชั้นสูง ๆ ขึ้นไป ก็ให้มีโอกาสเรียนได้ ไม่ว่าพ่อแม่ผมจะรวยหรือจน จะอยู่ในเมืองหรือชนบทแร้นแค้น                                                                                                                                                                                             
เมื่อออกจากโรงเรียนแล้ว ผมต้องการงานอาชีพที่มีความหมาย ทำให้ได้รับความพอใจว่าตนได้ทำงานเป็นประโยชน์แก่สังค                                                                                                                                                        
บ้านเมืองที่ผมอาศัยอยู่ จะต้องมีขื่อมีแป ไม่มีการข่มขู่กดขี่หรือประทุษร้ายกัน                                                               
ประเทศของผมควรจะมีความสัมพันธ์อันชอบธรรมและเป็นประโยชน์กับโลกภายนอก 
ผมจะได้มีโอกาสเรียนรู้ถึงความคิดและวิชาของมนุษย์โลก และประเทศของผมจะได้มีโอกาสรับเงินทุนจากต่างประเทศ
มาใช้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม                                                                                     
ผมต้องการให้ชาติของผม ได้ขายผลิตผลแก่ต่างประเทศด้วยราคาอันเป็นธรรม                  
ในฐานะที่ผมเป็นชาวนา ชาวไร่ ผมก็อยากมีที่ดินของผมพอสมควรสำหรับทำมาหากิน มีช่องทางได้กู้ยืมเงินมาขยายงาน 
มีโอกาสรู้วิธีทำกินแบบใหม่ ๆ มีตลาดดีและขายสินค้าได้ราคายุติธรรม                  
ในฐานะที่ผมเป็นกรรมการ ผมก็ควรจะมีหุ้นส่วน มีส่วนในโรงงาน บริษัท ห้างร้านที่ผมทำอยู่ 
ในฐานะที่ผมเป็นมนุษย์ ผมก็ต้องการอ่านหนังสือพิมพ์ และหนังสืออื่น ๆ ที่ไม่แพงนัก 
จะฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ก็ได้ โดยไม่ต้องทนรบกวนจากการโฆษณามากนัก                           
 ผมต้องการสุขภาพอนามัยอันดี และรัฐบาลจะต้องให้บริการป้องกันโรคแก่ผมอย่างฟรี กับบริการการแพทย์ 
รักษาพยาบาลอย่างถูกอย่างดี เจ็บป่วยเมื่อใดหาหมอพยาบาลได้สะดวก                             
ผมจำเป็นต้องมีเวลาว่าง สำหรับเพลิดเพลินกับครอบครัว มีสวนสาธารณะที่เขียวชอุ่ม 
สามารถมีบทบาทและชมศิลปะ วรรณคดี นาฏศิลป์ ดนตรี วัฒนธรรมต่าง ๆ เที่ยวงานวัด งานลอยกระทง งานนักขัตฤกษ์ 
งานกุศลอะไรได้พอสมควร        
ผมต้องการอากาศบริสุทธิ์สำหรับหายใจ น้ำบริสุทธิ์สำหรับดื่ม                        
เรื่องอะไรที่ผมทำเองไม่ได้หรือไม้แต่ไม่ดี ผมก็จะขอความร่วมมือกับเพื่อนฝูงในรูปของสหกรณ์ 
หรือสโมสร หรือสหภาพจะได้ช่วยซึ่งกันและกัน     
เรื่องที่ผมเรียกร้องข้างต้นนี้ ผมไม่เรียกร้องเปล่า ผมยินดีเสียภาษีอากรให้ส่วนรวมตามอัตภาพ     
ผมต้องการโอกาสที่มีส่วนในสังคมรอบตัว ผมต้องการมีส่วนในการวินิจฉัยโชคชะตาทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ                           
เมียผมก็ต้องการโอกาสต่าง ๆ เช่นเดียวกับผม และเราสองคนควรจะได้รับความรู้และวิธีการวางแผนครอบครัว                                        
เมื่อแก่ ผมและเมียก็ควรได้ประโยชน์ตอบแทนจากการประกันสังคม ซึ่งผมได้จ่ายบำรุงตลอดมา   
เมื่อจะตาย ก็ขออย่าให้ตายอย่างโง่ ๆ อย่างบ้า ๆ คือตายในสงครามที่คนอื่นก่อให้เกิดขึ้น 
ตายในสงครามกลางเมือง ตายเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ ตายเพราะน้ำหรืออากาศเป็นพิษ หรือตายเพราะการเมืองเป็นพิษ            
เมื่อตายแล้ว ยังมีทรัพย์สินเหลืออยู่เก็บไว้ให้เมียผมพอใช้ในชีวิตของเธอ ถ้าลูกยังเล็กอยู่ก็เก็บไว้เลี้ยงให้โตแต่ลูกที่โตแล้วไม่ให้ 
นอกนั้นรัฐบาลควรเก็บไปหมด จะได้ใช้เป็นประโยชน์ในการบำรุงชีวิตคนอื่น ๆ บ้าง       
 ตายแล้ว เผาผมเถิด อย่าฝัง คนอื่นจะได้มีที่ดินอาศัยและทำกินและอย่าทำพิธีรีตองในงานศพให้วุ่นวายไป       
นี่แหละคือความหมายแห่งชีวิต นี่แหละคือการพัฒนาที่จะควรให้เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ของทุกคน  
สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณทุกท่านทั้งหลายที่อุตส่าห์อ่านมาจนจบ
ขอความสุขสวัสดีและสันติสุขจงเป็นของท่านทั้งหลาย และพระท่านกล่าวไว้ดังนี้ เกี่ยวกับความสวัสดี   
 " เราตถาคตไม่เห็นความสวัสดีอื่นใดของสัตว์ทั้งหลาย นอกจากปัญญา เครื่องตรัสรู้ ความเพียร ความสำเร็จอินทรีย์ และความเสียสละ "  

ป๋วย  อึ๊งภากรณ์

  
หมายเลขบันทึก: 247147เขียนเมื่อ 8 มีนาคม 2009 21:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 05:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีค่ะ

แวะมาเยี่ยมบ้าน

ข้อเขียนครั้งต่อไป

อัพบล็อคเรื่องเชียงรายเลยนะคะ

เป็นบทความที่รวบรวมหน้าที่และเป้าหมายของรัฐที่สมบูรณ์ ครบถ้วนที่สุดครับ

^__^

ได้เขียนบันทึกรำลึกถึงท่านเช่นกันที่บันทึกนี้ค่ะ...โปรดคลิ๊ก..

ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ๑๐๐ ปีชาตกาลฯบุคคลสำคัญของโลก และพิธีมอบรางวัลธรรมาภิบาลดีเด่น แห่งปี ๒๕๕๙..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/603432

..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/115223
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท