Setting's Camera


contranst,ไฟล์ภาพ, ดิจิตอล

ได้ไปอ่านในเว๊บ http://www.thaidphoto.com/forums/showthread.php?t=120974&page=3 เลยเอามาเก็บบันทึกไว้

ปรับภาพให้เนียนกับกล้อง Nikon

ผมได้ D300 ใช้งานมาได้พักหนึ่งแล้ว ก่อนหน้านี้ผมใช้ D80 มาตลอด ถ่ายและก็ดูรูปจาก D300 ก็รู้สึกขัดใจกับไฟล์ภาพ (หลายท่านที่เคยใช้กล้อง Nikon รุ่นก่อนรุ่นที่ไม่มี picture control ) ก็พบว่าถึงแม้ D300 จะให้สีสัน dynamic range ดีกว่า D80 มาก แต่เมื่อเทียบไฟล์ D300 ที่ Base ISO 200 เทียบกับ Base ISO100 ของ D80 แล้วจะเห็นว่า D300 ไล่ sky tone ได้แย่กว่าพอสมควร มี noise ที่สีฟ้าของท้องฟ้าเป็นเม็ดๆ เยอะเลย หลายท่านๆ อาจจะรับได้ไม่คิดอะไรมาก เพราะ noise ก็ยังถือว่าน้อยอยู่ แต่คนที่เคยใช้ Nikon รุ่นก่อนหน้านี้อาจจะโหยหาความเนียนใสของ ISO100 ผมเลยลองพยายามเค้นความเนียนด้วยการตั้งค่าพารามิเตอร์ทุกค่าเท่าที่จะทำได้ เลยได้ค้นพบ trick นี้มาครับ

ถ้าเทียบไฟล์จาก D300 กับ D80 กันตรงๆ หรือลองเปิด file กล้องรุ่นเก่าๆ ที่ไม่มี picture control แล้วใส่ picture control เข้าไปด้วย โปรแกรม Capture NX จะเห็นได้ว่า Mid tone ของรูปสว่างขึ้นนิดหนึ่ง คล้ายๆ ดึง curve ตรง mid tone ขึ้นมา อันนี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ noise เพิ่มขึ้น การ boost mid tone นี้ เราสามารถปิดได้โดยปรับ Brightness จาก 0 เป็น -1 โดยเราต้องปิด Active D-lighting ก่อน

สรุปเคล็ดลับความเนียนขึ้นที่ 1 ทำได้โดย ตั้งค่า
Active D-lighting = Off (การ On Active D-lighting ก็ทำให้ noise เพิ่มขึ้น) Brightness = -1

แต่มันมีข้อเสียเหมือนกันคือ รูปที่ถ่ายมาอาจจะดู under อยู่ซัก 0.3 stop เทียบกับการปรับ brightness = 0 ถ้าท่านใช้กล้อง D300 ก็สามารถเข้าไป fine tune meter วัดแสงได้เลยโดยเข้าไป ปรับ Custom setting B6 fine tune optimum exposure แล้วตั้ง fine tune exposure แต่ละแบบ ให้เป็น +1/3 ตอนเราวัดแสง meter ก็จะถ่ายให้ over 1/3 stop ให้โดย อัตโนมัติ เราจะสามารถถ่ายภาพได้ตามปกติ โดยไม่ต้องเปลี่ยนความเคยชินเรื่องการวัดแสง ส่วนท่านที่ใช้ D90 แต่
อยากลองทำ ตามที่ว่ามาก็สามารถทำได้ครับ แต่ต้องถ่ายให้ over 1/3 เอาเอง เพราะ D90 มันไม่มี fine tune meter

ถ้าใครคิดเหมือนผมว่าไฟล์ D300 ISO200 มันไม่เนียน ลองไปปรับๆ กันดูครับ อาจจะตั้ง เป็น Custom Bank กับ Shooting Bank ไว้เลยก็ได้ กรณีต้องการได้ shutter speed สูง ก็จะได้ปรับกลับมาใช้ brightness 0 ตามปกติได้แบบทันเหตุการณ์ ส่วนถ้าใครดูไฟล์แล้วคิดว่ามันยังเนียนไม่พอเอานี่ไปเลย

เคล็ดลับความเนียนขั้นที่ 2 ก็ให้ปรับไปใช้ ISO L0.3 (ISO160), ISO L0.7(ISO125) ISO L1.0 (ISO100) ได้เลยครับ แม้คู่มือจะบอกว่าใช้ ISO ต่ำกว่า 200 แล้ว contrast จะต่ำลง แต่เท่าที่ผมลองดูโดย set brightness -1 ตามข้างบนก็ไม่พบว่า contrast จะลดลงนะครับ อันนี้ต้องลองกันเอง (ผมอ่านจากเว็บฝรั่งมันคุยๆ กันว่า Base ISO D300 จริงๆ เป็น ISO L0.3 ด้วยซ้ำ)

สรุป Trick อาจจะใช้การได้ดีตอนที่มีแสงมากหรือค่อนข้างเหมาะกับคนชอบใช้ขาตั้งกล้องหน่อยนะครับ เพราะ shutter speed หายไป 1/3 stop ก็ลองๆ ปรับดูก่อนครับ ถ้าเห็นความเนียน (ของไฟล์) แล้วอาจจะเปลี่ยนใจ ปรับถาวรไว้เลย

ตย. ปกติถ่าย Landscape ผมจะตั้งไว้แบบนี้ครับ ลองดูไว้เป็นแนวได้ครับแล้วค่อยไปเปลี่ยนให้ถูกใจทีหลัง

picture control Landscape

- Sharp 3 หรือ 4,             - Contrast -1,      - Brightness -1    - Sat +1หรือ +2   - Hue 0

 

 

ผมปรับแบบนี้ตลอดเวลาถ่าย portrait นะครับ brightness -1 ACT-D : off ตลอด นะครับ...แต่เล่นมุข L0.3 นี่ไม่เคยลองเหมือนกันครับ เดี๋ยวเอาไปลองดูแล้วจะมาบอกผลนะครับ แต่ผมก็ไม่เคยถ่าย RAW เลยนะครับ JPG ตลอดเลยครับ ขี้เกียจปรับ

แจก settings คร่าวๆครับ
:: Portrait ::
Color Profile : D2X Mode I หรือ Portrait
Sharp : +1/+2
Contrast : 0
Saturation : -1
Brightness : -1
WB : b1m1
ปรับแบบนี้ จะได้สีชืดๆหน่อยครับ แต่ใกล้เคียงกับ skin tone ของอีกค่ายหนึ่ง เร่งต่อใน PS ผิวจะสวยครับ (ผมใช้เลนส์ 85 1.8 )

:: Landscape ::
Color Profile : D2XMode III หรือ Landscape (LS)
Sharpen : +4
Saturation : +1
Contrast : +1
brightness : -1
ส่วน WB เลือกตามแสงเอาเองนะครับ ไม่ยากครับ หรือปรับ Active-D ON เวลามันมี contrast แสงค่อนข้างเยอะ หรืออยากจะเก็บส่วน hi-light ไว้เพิ่มครับ

 

Active D-Lighting ( ขอย่อสั้นๆว่า ADL ก็แล้วกันนะครับ ) มันเป็นระบบการprocessภาพในระดับrawของกล้อง ก่อนที่จะprocessมาเป็นJPG ( เช่นกันกับการปรับ brightness , sat ,hue ,sharp พวกนั้นเหมือนกัน )
พื้นฐานของมันก็คือ ช่วยปรับเพิ่ม gradationของภาพให้ดูนวลเนียนขึ้น ( ผมไม่พูดถึง contrastนะครับ เพราะคำว่าcontrastของผมคือความเปรียบต่างระหว่างส่วนที่มืดสุด (ก็คือ 0 กับส่วนที่สว่างที่สุดก็คือ 255 ,ซึ่งภาพดิจิตอลมันทำได้แค่นี้แหละ แต่ gradationหมายถึง ความสามารถในการแยกแยะรายละเอียดของโทนสว่าง ถ้าคุณสามารถแยกแยะได้ครบ 256 zone นั่นก็คือ ภาพนั้นมี gradationมากที่สุด , แต่คนส่วนใหญ่จะพูดเหมากันเป็น contrast รวมทั้งโปรแกรมตกแต่งภาพก็จะเหมารวมเป็นcontrastหมด )
นอกจากการเพิ่มgradation แล้ว ก็จะมีส่วนในการเพิ่มค่า DRของภาพให้กว้างขึ้นไปอีก
หลักการของ ADL เป็น Scene recognition โดยเทียบกับฐานข้อมูลของกล้องว่า ภาพแบบนี้ แสงแบบนี้จะแก้กันยังไง แก้ตั้งแต่การเลือกค่ารับแสง แก้ไปถึงกระบวนการprocess ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการยกระดับความสว่างของค่า mid one มากกว่า ซึ่งนั่นหมายความว่าเราจึงควรเลือกระบบวัดแสงของกล้องเป็นแบบ auto และจะให้ได้ผลดีที่สุดก็คือเลือกระบบวัดแสงแบบmatrixเท่านั้น

เช่น ในสภาพแสงสว่างมากๆ มีส่วนสว่างและส่วนมืดที่แตกต่างกันมากๆ ซึ่งเป็นกรณีที่เหมาะสมที่จะปรับค่า ADLไว้ที่ high ในกรณีนี้กล้องจะวัดแสงแล้วเลือกที่จะถ่ายให้underลงไปถึง -2/3 stop ( เมื่อเทียบกับ ปิด หรือ low ) จากนั้นกล้องจะprocessโดยยกความสว่างของส่วน mid tone ขึ้น ทำให้ภาพโดยรวมไม่มืดอย่างที่คิด แล้วยังเก็บรายละเอียดส่วนสว่างเพิ่มขึ้นได้อีก ( medium จะ underลง -1/3 )

ดังนั้นการจะเลือกใช้ หรือ ไม่ใช้ จึงต้องควรจะเข้าใจว่ามันทำงานยังไงก่อน แล้วต้องเข้าใจว่าไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ เพราะมันจะต้องขายวิญญาณความเนียนให้กับ noise อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าถ่ายภาพในสภาพแสงจัดๆ ยังไงๆเสียก็ไม่ค่อยจะเห็น noise อยู่แล้วหละครับ
เมื่อเลือก ADL ก็วัดแสงแบบปกติครับ ย้อนแสงก็ชดเชย+ ที่เหลือกล้องมันคิดของมันเอง ดีอย่างเดียวคือ เรารู้ว่ามันคิดยังไง เราก็เลยสั่งมันได้ง่ายกว่าอีกค่ายหนึ่ง ที่วัดแสงแบบ evaluative ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรของมันบ้าง รู้แต่ว่าเคยถ่ายย้อนแสงแล้วไม่ชดเชยแสงเลย มันยังถ่าย over กว่าวัดแสงแบบหนักกลางให้ตั้ง 2 1/3 stop โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย แล้วมันคิดอะไรของมันเอ่ย บอกหน่อยได้ไหม (ใช้มาตั้งหลายปียังไม่เคยรู้รายละเอียดเลย ถ่ายแต่ raw แก้ก็นิดเดียว ผิดกับ Nikon ถ่ายjpgแล้วใช้ได้สบายๆ เพราะวัดแสงแบบตรงไปตรงมาดี)

 

REF: http://www.thaidphoto.com/forums/showthread.php?t=120974&page=3

หมายเลขบันทึก: 246231เขียนเมื่อ 4 มีนาคม 2009 14:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 14:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท