จักรยาน วิถี และการยังอยู่


ฟ้ารุ่งสาง ยังไม่สว่างมากนัก แม่มาถามว่าจะไปใส่บาตรหรือเปล่า ... ขณะนั้นข้าพเจ้ากำลังนั่งเขียนงาน ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่อยากจะวาง แต่เนื่องด้วยเป็นกิจที่ทำอย่างสม่ำเสมอ จึงตอบรับท่านไปว่า... ไป  จึงเปลี่ยนอิริยบทและลุกขึ้นเตรียมตัวออกไปข้างนอก

 

อากาศยามเช้าของวัน ... ไม่ร้อนมาก

มีผู้คนเริ่มทยอยไปตลาด แม่เตรียมเข้าเหนียวและขนม รอเพียงให้ลูกนำใส่ตระกล้าตะกร้าและรัดไว้ท้ายรถจักรยานคันเล็กสไตล์โบราณหน่อยๆ ...

 

บ้านที่ยโสธรค่อนข้างอยู่ย่านที่เป็นเมืองหรือชุมชน การปั่นจักรยานบางครั้งก็เลือกที่จะผ่านตลาดยามเช้าแวะซื้อน้ำเต้าหู้ที่ทำเป็นถุงเล็กๆ ประมาณสิบกว่าถุงแพ๊คไว้ เป็นเจ้าประจำเวลาที่เห็นข้าพเจ้าปั่นจักรยานเลี้ยวเข้าไปในตลาดนั่นน่ะน้าคนขายก็จะเตรียมใส่ถุงไว้ให้เรียบร้อย ไปถึงที่ร้านก็หยิบใส่ตระกล้าตะกร้ารถได้เลย

 

ตลอดเส้นทางการปั่นจักรยาน ... เมื่อพระภิกษุหรือเณรบิณฑบาตผ่านไป ก็จะจอดรถใส่บาตร แต่เป้าหมายนั้นคือ หน้าวัดศรีธรรมาราม เป็นวันที่ท่านหลวงตาพวงท่านจำวัตรอยู่ที่นั่น จะมีผู้ศรัทธาไปรอใส่บาตรมากมาย...ในยามเช้า แถวๆ นั้นจะเป็นเมืองเก่าและเป็นย่านชุมชนคนยโสธรเชื้อสายจีนอาศัยอยู่  ลักษณะบ้านเรือนจะเป็นตึกเก่าวิถีชีวิตแบบเดิมๆ เป็นภาพที่คุ้นชินตา...

 

เช้านี้อาจดูคล้ายเดิมแต่ในความคล้ายเดิม ก็แตกต่างกันออกไป

ปั่นจักรยานผ่านหน้าตลาดได้แวะใส่บาตรแก่เณรหลายรูป จากนั้นก็ปั่นวนรอบไปแถวตลาดเก่า... แล้วจึงมุ่งหน้าไปทางวัดศรีธรรมาราม ได้ทันใส่บาตรพระท่านที่บิณฑบาตผ่านออกมาพอดี วันนี้ไม่ใช่วันพระแต่ก็มีผู้คนมาใส่บาตรเยอะพอสมควร

 

การได้ปั่นจักรยานยามเช้ารอบเมือง

ได้ความคุ้มคือ ทั้งได้ออกกำลังกาย ใส่บาตร และทักทายกับสรรพสิ่งต่างๆ ...

แม้แต่คนที่เราไม่รู้จัก ก็ได้ยิ้มและส่งเสียงทัก

 

มีพี่ท่านหนึ่งปั่นจักรยานมาถาม ตระกล้าตะกร้าหน้ารถน่ารักมากค่ะ

บททักทายของคนตื่นเช้า ... เป็นการเปิดประเด็นของความไม่เงียบเมื่อได้มาเจอ และได้ผ่านมาเพื่อทักทาย ... จักรยานคันเล็กวันนี้เพิ่งได้มาใหม่ ข้าพเจ้าจึงไปหาตระกล้าตะกร้าหวายทรงกลมมีฝาปิดมาดัดแปลงเป็นตระกล้าตะกร้าหน้ารถ เอาไว้ใส่ของเล็กๆ น้อยๆ... และใช้ปั่นมาที่ทำงานได้

 

คนคลั่งรถถีบ...

มันเป็นความสุขเล็กๆ ที่อาจถือว่าเป็นงานอดิเรกของชีวิต หรืออาจเป็นวิถีหนึ่งของชีวิตที่เลือกให้กับตนเอง เมื่อก่อนยังเคยคิดว่า .... หากใช้ทุนราชการเสร็จอาจจะลาออกไปใช้ชีวิตที่เมืองลาว เพื่อที่จะได้ปั่นจักรยาน...เพราะที่นั่นเมืองเงียบ รถไม่เยอะ การปั่นจักรยานท่ามกลางอากาศที่เป็นธรรมชาตินั้น น่าหลงใหล ต่างกับเมืองเล็กๆ ในไทย ซึ่งเดี๋ยวนี้ใช้รถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์กันอย่างหนาแน่น มากขึ้น... แม้แต่ระยะทางใกล้ๆ ผู้คนก็ยังใช้รถยนต์...

 

กว่าจะเลี้ยวเข้าบ้านในเช้าวันนี้ได้

ข้าพเจ้าก็ได้แวะคุยกับพี่นัน-แฟนเฮียนงค์เจ้าของร้านจักรยาน...ผู้มีอัธยาศัยดี และข้าพเจ้าก็มักจะไปพูดคุยเรื่องรถจักรยานเป็นประจำ... ข้าพเจ้าได้เล่าที่มาของคันนี้ให้ฟังและก็เลยหารือไปด้วยว่า ... เวลาปั่นน่ะมันมีความถี่มากของรอบที่หมุนมาก ... น่าจะเปลี่ยนเป็นจานที่ใหญ่กว่าเดิม... พี่นันก็เลยบอกว่าลองมาเปลี่ยนดูหากว่าจะปั่นสนุกขึ้น แหม...ข้าพเจ้าไม่รอช้าเลยค่ะ  ก่อนเข้าที่ทำงานเอาจักรยานใส่ท้ายรถไปจอดทิ้งไว้ให้ช่างที่ร้านพี่นันจัดการ modify ให้เรียบร้อย...

 

สุขเล็กๆในยามเช้าของวันนี้...

ขอบคุณที่มีลมหายใจอยู่อีกครั้ง

 

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 245148เขียนเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2009 09:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 ตุลาคม 2013 22:39 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

สวัสดีค่ะ คุณkapom

ชอบปั่นจักรยายใช่ไหมค่ะ

ขอให้มีความสุขค่ะ

หลังจากนำจักรยานไปเปลี่ยนจานใหญ่ขึ้นกว่าเดิม...ทำให้การปั่นเพลิดเพลินขึ้นกว่าเดิม...

ขอบคุณพี่นัน...ที่ร่วมสนุกกับการปรับแต่งจักรยานอยู่เสมอ

ความสุขเล็กๆ ...

(^__^)

อ่านแล้ว..ก็มีความสุข..เล็กๆ..ตามไปด้วยค่ะ..คุณกะปุ๋ม..

^^

ดีใจจังเลยค่ะที่  คุณครูแอ๊ว  รู้สึกมีความสุขร่วมด้วย

ทุกครั้งที่ได้ปั่นจักรยานนี่เป็นความเบิกบานในใจมากเลยค่ะ...กะปุ๋มมีเรื่องเล่าจะเล่าให้ฟัง... เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น ได้ปั่นจักรยานทริปทางไกล สำหรับช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณกว่ายี่สิบกิโล... ปั่นไปเรื่อยๆ ด้วยความที่ชอบเรียนรู้ ก็เลยลองปั่นลัดเข้าไปในหมู่บ้าน..คาดว่าทางลัดแน่ๆ ... ปรากฏว่ากลายเป็นทางอ้อมไปเสียนี่ แต่ก็โชคดีที่ได้ผ่านเข้าหมู่บ้านนั้น ออกหมู่บ้านนี้...ไปเรื่อย ได้ทักทายพูดคุยถามทางกับชาวบ้าน.. ได้เรียนรู้วิถีชีวิตแห่งจิตใจอีกมากมายเลยค่ะ

จากที่ว่าจะได้ปั่นจักรยานที่ไม่ใช้เวลานาน กลับกลายเป็นเกือบครึ่งเช้าของการออกทริป...

สนุก เหนื่อย ตัวดำ...แต่มีความสุขค่ะ

(^_____^)

สวัสดีค่ะ ก้อยชอบไปปั่นที่สวนรถไฟค่ะ

 

คุณกะปุ๋มยังดีนะคะ..ชอบออกกำลังกาย..ร่างกายคงแข็งแรงมาก..

อันนี้..ตรงข้ามกันอย่างแรงเลยค่ะ...อิอิ

แต่ตอนไปลาว..ค้นพบความสุขอีกอย่างนึงมากๆลย..คือการได้ปั่นจักรยานไปเที่ยวรอบๆวังเวียงแบบสบายๆ..กะเพื่อนค่ะ..สุขสงบมากๆ..

อิสระเสรีจริงๆ..

คิดถึงแล้วก็อยากไปปั่นอย่างนั้น..อีกครั้ง..^^

น่ารักมากเลยค่ะน้องก้อย •.♥°.•.♥• kittyjump.•.♥.•°♥natadee

พี่กะปุ๋มก็เคยไปปั่นที่นั่นเหมือนกัน... แต่หากว่าได้ปั่นไปตามท้องทุ่งนา หรือขุนเขานี่ พี่กะปุ๋มว่าวิเศษมากๆ เลยนะคะ

พี่กะปุ๋มสะสมจักรยานด้วยค่ะ...อย่าคลั่งเลยค่ะ แลกเปลี่ยน-ผลัดกันใช้กับเพื่อนๆ ก็มีเหมือนกันค่ะ สนุกดี...

วันนี้แม่พี่กะปุ๋มยังแซวๆ เลยค่ะว่า ... น้ากะปุ๋มกับหลานอะตอมนี่บ้าจักรยานพอๆ กันเลย...

ไปปั่นจักรยานเที่ยวที่ไหนอย่าลืมมาบอกเล่าสู่กันฟังนะคะ

(^___^)

เป็นคนชอบออกกำลังกายค่ะ...ครู คุณครูแอ๊ว

เมื่อซักประมาณสองสามสัปดาห์ก่อน... ลองชวนพี่ ดร.วุธเดินขึ้นบันไดที่ตึกเพียรวิจิตร มข. ขึ้นไปชั้นเก้า... สุดยอดมากเลยความแข็งแรงของหัวใจนี่...ไม่หอบเลยค่ะ

(^___^)

ครูแอ๊ว...ต้องรีบปฏิวัติตนเองโดยด่วนนะคะ แล้วจะค้นพบความมหัศจรรย์ของชีวิตค่ะ :)

อ่านแล้วขอแจมความสุขด้วยคนครับ! ขอรับรองว่าใครที่ไม่เคยปั่นจักรยานควรจะลองดูนะครับ แล้วจะได้ความสุขเหมือนคุณกะปุ๋มกับผมจริงๆนะครับ! แต่ว่าใช้ทุนราชการเสร็จแล้วอย่าเพิ่งหนีไปเมืองลาวซีครับ ผมกำลังสร้างBodCycleใกล้จะสำเร็จแล้ว หวังไว้ว่าคนไทยอาจจะหันมาขี่จักรยานไปทำงานกันมากๆ จากนั้นถนนก็จะไม่หนาแน่น เมืองก็จะเงียบ อากาศจะดีเหมือนที่ลาวนะครับ คุณกะปุ๋มช่วยรอหน่อยนะครับ อย่าเพิ่งไปลาวนะ !นะ นะ นะ! --- อ้อ แต่ว่าตะกร้าเขียนผิดเขียนใหม่ได้นะครับ

แก้ไข...แล้วค่ะ ตะกร้า

ขอบพระคุณอย่างยิ่งนะคะ

ตอนนี้ก็ปั่นจักรยานรอไปพลางๆ ค่ะ...

(^_______^)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท