บทบาทของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ต่อ การพัฒนาคุณภาพการศึกษา


เทคโนโลยีสมัยใหม่ ต่อ การพัฒนาคุณภาพการศึกษา

บทบาทของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่มีต่อ การพัฒนาคุณภาพการศึกษา

 

ในปัจจุบันนี้ มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ระบบอินเตอร์เน็ต  อุปกรณ์คอมพิวเตอร์อุปกรณ์สื่อสาร มาใช้ในการจัดการศึกษากันมากขึ้น เพราะมีความสะดวกและสามารเข้าถึงกลุ่มคนในชนบทที่อยู่ห่างไกล ขาดโอกาสทางการศึกษา  ได้มีการพัฒนาความรู้ให้แก่ตนเอง รวมทั้งมีโอกาสเรียนหนังสือ   การใช้การศึกษาผ่านอินเตอร์เนต จะช่วยพัฒนากำลังคน  แต่ต้องมีการวางหลักสูตรให้เหมาะสม โดยรัฐต้องเร่งพัฒนาระบบอินเตอร์เนตเพื่อพัฒนาคนและการศึกษา  เพราะคนถือเป็นจุดศูนย์กลางของการพัฒนาประเทศ  ดังตัวอย่างเช่น  ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์  ที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในเรื่อง คน  คือ  การให้การศึกษา 

ปัจจุบัน ประเทศไทยแบ่งระดับการศึกษาออกเป็น  3  ระดับ  คือ  การศึกษาขั้นพื้นฐาน  การศึกษาวิชาชีพ  และการศึกษาต่อเนื่องหรือการศึกษาตลอดชีวิต

                โดยหลักการด้านการศึกษาตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่  ถือว่าประเทศไทยได้มีการพัฒนาการศึกษามาถูกทางแล้ว  แต่ก็ช้าไปถึง  20  ปี  ทำให้ระบบการศึกษาของไทยล้าหลังเพื่อนบ้านมาก  แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงก็คือ  ต้องการให้เกิดการสร้างกำลังคนที่มีคุณสมบัติที่มีความรู้เท่าและรู้ทัน  เพื่อก่อให้เกิดความสามารถในการแข่งขัน  ต้องมีคุณธรรมเพื่อนำไปสู่ความรู้ที่ยั่งยืน  สำหรับความสามารถในการแข่งขัน  มีความวิริยะอุตสาหะ  เพื่อนำไปสู่ความมั่นคงและท้ายที่สุดต้องมีความสมดุล  เพื่อก่อให้เกิดความยั่งยืนในภาพรวม

                สำหรับกลยุทธ์ในการจัดการศึกษาตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง  ก็คือ  แบ่งปันทรัพยากรโดยใช้สื่อที่ทันสมัยเข้ามาช่วย  เพื่อลดค่าใช้จ่าย  เน้นการเรียนรู้ด้วยตนเอง  เพื่อเพิ่มผลสัมฤทธิ์เน้นการฝึกปฏิบัติในสภาพจริง  หรือเหมือนจริง  เพื่อฝึกความอดทน  ความเอาใจใส่ต่องาน  และการทำงานเป็นทีม  เน้นสร้างจริยธรรมและคุณธรรม  เพื่อสร้างจิตสำนึกต่อสังคมและสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการพัฒนากำลังคน  ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  ก็คือ  การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิต  กำลังคน  และผู้ใช้กำลังคน  โดยนำนักศึกษาเข้าสู่สถานประกอบการให้เป็น  "ศูนย์การเรียนรู้"  สร้างโรงบ่มเพาะเทคโนโลยี  และผลิตครูอาจารย์ที่มีคุณภาพและวิสัยทัศน์

                ด้านนางดอริส  วิบุลศิลป์  จาก  National  Tonology  University  (NTU)  Thailand  กล่าวว่า  ปัจจุบันเทคโนโลยีในโลกก้าวหน้าไปมากจนเราตามไม่ทัน  ถ้าเราจะพัฒนาคนโดยอาศัยเทคโนโลยีคงทำไม่ได้  ดังนั้นเราจึงต้องตัดสินใจให้ดีว่าจะใช้เทคโนโลยีแบบใดมาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนเพราะหากเราตัดสินใจช้า  เทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ก็คงจะล้าสมัยแล้วสำหรับประทศไทย  ซึ่งมีอุปสรรคในการพัฒนากำลังคน  คือ  มีประชากรในวัยทำงานอยู่เป็นจำนวนมากและกระจายอยู่ทั่วประเทศ  ทำให้การเรียนรู้เพื่อพัฒนาการทำงานเป็นไปได้ยาก

                นอกจากนี้รัฐยังฝากความหวังในการพัฒนากำลังคนไว้กับมหาวิทยาลัยมากจนเกินไป 

ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในแต่ละสาขาก็มีจำนวนจำกัด  ความรู้ใหม่ๆ  มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลาความหลากหลายและพื้นฐานของความรู้จึงเหลื่อมล้ำกันมาก  ทัศนคติของนายจ้างและลูกจ้างต่อการพัฒนาความสามารถ  จึงไม่เอื้อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

                สำหรับวิธีการแก้ไข  คือ  ต้องหาแนวทางที่เหมาะสมในการแลกเปลี่ยนปัญหาเฉพาะหน้าและต้องวางแผนอย่างต่อเนื่อง  เพื่อให้ได้วิธีการที่ดีที่สุดรวมทั้งต้องอาศัยการรวมกลุ่มสร้างเครือข่ายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ประโยชน์จากผู้เชี่ยวชาญ

                รศ.ดร.บุญเจริญ  ศิริเนาวกุล  อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี  กล่าวว่า  โลกเรามีเทคโนโลยี  1  ชนิด  ที่สามารถนำมาใช้ในการพัฒนากำลังคนให้มีประสิทธิภาพได้นั่นคือ  อินเตอร์เนต  โดยการจัดให้มีการศึกษาผ่านทางอินเตอร์เนตหรือเว็บไซต์  ซึ่งเชื่อว่า  หากทำได้จะทำให้ระบบการศึกษาของไทยเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากมายมหาศาลในอนาคต  แต่การจัดการศึกษาในระบบดังกล่าว  ยังมีปัญหาอยู่ในแง่ที่ว่า  ทำอย่างไรที่จะทำให้การศึกษาผ่านอินเตอร์เนตนั้นมีคุณภาพไม่ถูกจำกัดในเรื่องปริมาณและมีต้นทุนที่ถูก

                ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทและเกี่ยวข้องกับการศึกษามากขึ้น  ซึ่งการศึกษาที่อาศัยระบบซอฟแวร์นี้  จะทำให้เกิดการปฏิวัติทางด้านการศึกษาขึ้น  ครูจะเปลี่ยนบทบาทใหม่จากผู้ที่ให้ความรู้  มาเป็นผู้ให้คำแนะนำ  และผู้ร่วมเรียนไปกับนักเรียนในที่สุด  ซึ่งจากการศึกษาในต่างประเทศ  โดยเฉพาะในแคนาดา  พบว่า  ภาครัฐของแคนาดาได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาผ่านอินเตอร์เนตมากขึ้น  โดยจัดให้เป็นปัจจัยหนึ่งของการพัฒนาประเทศ  ทั้งนี้  เพราะเชื่อว่าการศึกษาผ่านอินเตอร์เนต  จะสามารถทำได้ทั่วถึงตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ ทุกรูปแบบ ทั้งในระบบ นอกระบบ รวมถึงการศึกษาตามอัธยาศัย   นอกจากนี้ยังจะช่วยประหยัดเงินงบประมาณในการสร้างโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยได้มาก

                สำหรับประเทศไทยนั้น  ถ้าหากมีจัดการศึกษาผ่านทางอินเตอร์เนตได้ย่อมเป็นเรื่องที่ดี  แต่ทั้งนี้จะต้องมีการพัฒนาความสามารถในการเข้าสู่ตัวระบบอินเตอร์เนตที่ดีด้วย  โดยให้สามารถกระจายไปได้ทั่วประเทศ  และที่สำคัญคือต้องเปลี่ยนแนวคิดทางการศึกษาใหม่เพราะการจัดการศึกษาผ่านอินเตอร์เนตต้องอาศัยรูปแบบการศึกษาที่ชัดเจน  และต้องอาศัยวิชาชีพด้านครูเข้ามาประกอบด้วย  นอกจากนี้ยังต้องอาศัยการศึกษาร่วมกันของหลายๆ  องค์กร

                นอกจากนั้น เทคโนโลยีดังกล่าว ยังช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตลอดไป ถึงแม้จะไม่ได้เป็นนักเรียนของสถานศึกษาแล้ว ก็ยังสามารถศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้อย่างไม่สิ้นสุด  เรียกได้ว่าหากยังมีกำลังอยู่ก็สามารถศึกษาหาความรู้ได้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด เป็นการศึกษาตลอดชีวิต เพราะความรู้ มีการพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง เช่นเดียวกับสายน้ำที่ไหลผ่านไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มีที่สิ้นสุด.

 

อ้างอิง จาก      เทคโนโลยีสมัยใหม่กับการบริหารจัดการศึกษา.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้

             จาก:     http://gotoknow.org/blog/parea503/223298

 

**************************

 

หมายเลขบันทึก: 243122เขียนเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2009 05:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 17:34 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท