บทนำ
ความสำคัญและความจำเป็นของการกิจกรรมแนะแนวอาชีพและการศึกษาต่อ
(พัฒนาศักยภาพการวางแผนการเลือกอาชีพและศึกษาต่อ)
การศึกษามีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศและเป็นพื้นฐานสำคัญในการดำรงชีวิตของคนในสังคม ดังนั้น การจัดการศึกษาจึงเป็นกระบวนการและวิธีการที่มุ่งพัฒนาเยาวชนให้เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถในการประกอบอาชีพอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ ด้วยวิธีการที่ให้ความสำคัญต่อผู้เรียนเป็นสำคัญตามที่ได้กล่าวไว้ใน พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2545 ให้เน้นการพัฒนาผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งระบุในหมวด 4 แนวการจัดการศึกษา มาตรา 22 “การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญ กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ”
การแนะแนวอาชีพและการศึกษา เป็นกระบวนการที่ช่วยให้ผู้เรียนรู้จักตนเอง มีประสบการณ์ ทักษะในการทำความรู้จักตนเองในด้านความสามารถ ความถนัด ความสนใจและบุคลิกภาพ รู้จักข้อมูลอาชีพ และสามารถนำข้อมูลของตนเองและอาชีพมาใช้เป็นแนวทางในการวางแผนการเรียน ชีวิตและอาชีพ ทำให้เกิดการตัดสินใจเลือกอาชีพอย่างมีเหตุผลเหมาะสมกับตนเอง เตรียมตัวพัฒนาตนเองเพื่อให้มีความชำนาญในอาชีพที่ตรงกับเป้าหมายสูงสุดของชีวิต ด้วยการเข้ารับการฝึกอบรมหรือศึกษาต่อในสถาบันที่จะพัฒนาให้เกิดความพร้อมในการประกอบอาชีพ ด้วยกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ จึงจำเป็นต้องมีการใช้นวัตกรรมมาเป็นหลักในการวางแผนจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีบทบาทสำคัญ เกิดทักษะความสามารถในการคิดเอง ทำเองและสามารถวางแนวทางในการแก้ไข และพัฒนาการวางแผนการเลือกอาชีพและการศึกษาของตนเองได้ด้วยตนเอง และเป็นกระบวนการวางแผนการจัดการเรียนรู้ที่สามารถตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรียนได้อย่างครบทุกวงจรที่เรียกว่า การจัดการเรียนรู้แบบย้อนกลับ Backward Design เป็นกระบวนการวางแผนการจัดการเรียนรู้ที่เริ่มต้นจากการกำหนดหลักฐานร่องรอยของการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน และออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามการประเมินดังกล่าว เพื่อสามารถตรวจสอบผลการเรียนรู้ของผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ เป็นผลให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้อย่างสูงสุด คือสามารถรู้จักเข้าใจตนเอง อาชีพและการศึกษาต่อจนตัดสินใจเลือกอาชีพและศึกษาต่อได้อย่างมีเหตุผล เหมาะสมกับตนเอง สามารถพัฒนาตนพัฒนางานให้สร้างฐานะเศรษฐกิจให้กับตนเอง ครอบครัว ชุมชนและประเทศชาติต่อไป
แนวคิดพื้นฐานในการจัดกิจกรรมแนะแนวอาชีพและการศึกษาต่อ
(พัฒนาศักยภาพการวางแผนการเลือกอาชีพและศึกษาต่อ)
พัฒนาการเกี่ยวกับงานและอาชีพเป็นกระบวนการต่อเนื่องและมีการเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากความสนใจในอาชีพ ความถนัด ความสามารถของบุคคล สถานการณ์ที่บุคคลดำรงชีวิต การทำงานและความรู้สึกนึกคิดที่บุคคลมีต่อตนเอง สามารถเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงอายุและประสบการณ์
ในการเลือกอาชีพ จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงคุณสมบัติของแต่ละบุคคล ซึ่งมีความแตกต่างกันในด้านความต้องการ ความสามารถ ความถนัด ความสนใจ ค่านิยมและบุคลิกภาพ ทำให้บุคคลมีความเหมาะสมกับอาชีพแตกต่างกัน ฉะนั้นการพัฒนางานและอาชีพสามารถส่งเสริมให้บุคคลได้พัฒนาความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่ ให้ได้รู้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับลักษณะของตนเองและสิ่งแวดล้อม ให้มีความรู้ความเข้าใจในตนเองอย่างถ่องแท้ในทุกๆ ด้าน ประเมินตนเองว่าสิ่งใดเด่นหรือด้อย ให้บุคคลมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลรอบด้าน ศึกษาความต้องการของตลาดแรงงาน เพิ่มพูนความรู้และมีเจตคติที่ดีต่อตนเองและงานอาชีพ มีความพึงพอใจและภาคภูมิใจที่ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพ
จึงจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพ ด้วยการวางแผนการเลือกศึกษาต่อที่ตรงกับเป้าหมายในชีวิต มีความเหมาะสมกับความสามารถ ศักยภาพ และความถนัด เพื่อให้สามารถเรียนได้อย่างเต็มตามศักยภาพของผู้เรียน โดยเฉพาะในการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของผู้เรียนส่วนใหญ่ที่จบมัธยมศึกษาตอนปลาย จำเป็นต้องมีการวางแผนการตัดสินใจที่ดี เพราะการตัดสินใจศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา มีผลกระทบต่ออนาคตของผู้เรียน และต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เนื่องจากการศึกษาในระดับอุดมศึกษา เป็นการจัดการศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพ และมีศักยภาพในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ
การจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อการวางแผนการเลือกอาชีพและการศึกษาต่อ สามารถจัดในลักษณะของการบริการและการจัดกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์โดยยึดหลักประชาธิปไตย ในการให้สิทธิเสรีภาพ ในการเลือกและการตัดสินใจเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เรียน มีการให้เกียรติ เคารพให้ศักดิ์ศรี และเห็นคุณค่ารวมทั้งยอมรับในศักยภาพของบุคคลในความสามารถที่จะพัฒนาตนเองและยึดหลักเมตตาธรรมที่จะช่วยให้ผู้เรียนมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยมุ่งเน้นการจัดกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนเป็นบุคคลสำคัญในการกำหนดกิจกรรมแนะแนวตามความต้องการจำเป็นของผู้เรียน และใช้กระบวนการวางแผนพัฒนาหน่วยการเรียนรู้ ที่ระบุกิจกรรมที่สามารถตรวจสอบผลการเรียนรู้ของผู้เรียนได้ทุกขั้นตอน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้รู้จักและเข้าใจตนเอง มีทักษะและประสบการณ์ในงานอาชีพ รู้จักข้อมูลอาชีพ สามารถพิจารณาคุณสมบัติส่วนตนที่สัมพันธ์กับงานอาชีพได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับตนเอง เห็นคุณค่าในการประกอบอาชีพ คิดสร้างสรรค์งานอาชีพใหม่ๆ สร้างค่านิยมที่ดีในการแประกอบอาชีพ เห็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นในอาชีพและชีวิต เปลี่ยนวิกฤตที่จะเกิดขึ้นในอาชีพชีวิตให้เป็นโอกาสที่ดี มีคุณธรรมและจริยธรรมในการประกอบอาชีพ สามารถเตรียมตัวเองเข้าสู่งานอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการวางแผนการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อได้อย่างสอดคล้องกับอาชีพที่ตอบสนองเป้าหมายสูงสุดในชีวิตได้ ด้วยวิธีการออกแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อ พัฒนาศักยภาพการวางแผนการเลือกอาชีพและศึกษาต่อ ที่ใช้เทคนิค Backward Design ตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. กำหนดชื่อหน่วยการเรียนรู้ ซึ่งเป็น core concept ที่มีคุณค่า เหมาะสมกับระดับการศึกษาต่อและตรงตามความต้องการของผู้เรียนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจนำไปใช้ในการวางแผนการเลือกอาชีพและการศึกษาต่อได้
2. กำหนด concept หลักที่มีความสอดคล้องส่งเสริมกัน เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจตามหน่วยการเรียนรู้ที่กำหนด
3. กำหนด “ความเข้าใจที่คงทน” “จิตพิสัย” “คุณลักษณะที่ประสงค์” และ”ทักษะคร่อมวิชา” ประจำหน่วยการเรียนรู้
4. กำหนดความรู้และทักษะเฉพาะ สำหรับแต่ละ concept หลัก ที่จะใช้เป็นสื่อในการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความเข้าใจในแต่ละ concept หลัก
5. นำความรู้และทักษะเฉพาะไปเทียบกับมาตรฐานการศึกษาตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ แล้วคัดลอกเฉพาะ key word ในมาตรฐานมาเขียนในหน่วยฯ
6. ออกแบบการประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อหาหลักฐานที่เป็นความเข้าใจของผู้เรียนตามเป้าหมายที่กำหนดในข้อ 3
7. นำการประเมินผลการเรียนรู้ในข้อ 6 มาจัดลำดับก่อนหลังที่จะจัดการเรียนรู้ ถ้าการประเมินใดมีลักษณะใกล้เคียงกัน สามารถนำไปออกแบบการเรียนรู้ด้วยกันได้ก็รวมกัน
9. นำข้อมูลในข้อ 8 และข้อ 6 มาวางแผนการจัดการเรียนรู้ กำหนดเวลาในการจัดกิจกรรมโดยนำข้อความ “ความเข้าใจที่คงทน” ใส่ใน “สาระสำคัญ” ของแผนการจัดการเรียนรู้ และกำหนดผลการเรียนรู้ที่คาดหวังตาม “ความรู้และทักษะเฉพาะ” ที่กำหนดในหน่วยฯ องค์ประกอบอื่น ๆ ทำตามปกติ สำหรับการประเมินผลนำข้อมูลในข้อ 6 มาเขียน
10. แล้วนำแผนการจัดการเรียนรู้ให้เพื่อนครู 3 คนประเมินความถูกต้องเหมาะสมของแผน แล้วบันทึกผลหลังสอน ก่อนนำไปสอน
11.ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมแนะแนว ควรตรวจสอบคุณภาพการสอนด้วยการนำคะแนน Pre/Post test หรือคะแนนจากการประเมินด้วยวิธีต่าง ๆ ตามที่ออกแบบไว้ มาวิเคราะห์
กากจัดเลยกลับไปทำใหม่