สาระ...สุขภาพ (2)


"กันไว้ดีกว่าแก้ เป็นแล้วแย่ ถ้าแก้ไม่ทัน"
ได้รับข้อมูลทาง e-mail อีกแล้วคร้าบทั่น...
...โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน....
ด้วยรักและหวังเหวิด...
สำหรับคนไม่อยากเป็นมะเร็ง หรือดูแลคนที่เป็น
  
 
AFTER YEARS OF TELLING PEOPLE CHEMOTHERAPY IS THE ONLY WAY TO TRY  AND ELIMINATE CANCER, JOHNS HOPKINS IS FINALLY STARTING TO TELL YOU THERE IS AN ALTERNATIVE WAY .
หลังจากหลายปีที่พูดกันว่าการทำคีโมเป็นทางเลือกเดียวที่จะลองและใช้ในการกำจัดโรคมะเร็ง
ในที่สุดโรงพยาบาลจอห์นฮอพกินส์ก็เริ่มแนะนำถึงทางเลือกอื่นๆอีก
 
 
Cancer Update from Johns Hopkins
ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโรคมะเร็งจากรพ.จอห์น ฮอพกินส์
 
1. Every person has cancer cells in the body. These cancer cells do not show up in the standard tests until they have multiplied to a few billion. When doctors tell cancer patients that there are no more cancer cells in their bodies after treatment, it just means the tests are
unable to detect the cancer cells because they have not reached the detectable size.
ทุกๆคนมีเซลมะเร็งอยู่ในร่างกาย เซลมะเร็งเหล่านี้จะไม่ปรากฎด้วยวิธีการตรวจสอบตามมาตรฐาน  จนกระทั่งมันขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับพันล้านเซล เมื่อแพทย์บอกว่าไม่มีเซลมะเร็งในร่างกายผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการรักษาแล้ว    มันหมายถึงว่าระบบไม่สามารถตรวจสอบเซลมะเร็งได้เพราะว่าจำนวนของมันยังไม่มากพอจนถึงระดับที่สามารถตรวจจับได้เท่านั้น
 
 
2. Cancer cells occur between 6 to more than 10 times in a person's lifetime.
เซลมะเร็งเกิดขึ้นระหว่าง 6 ถึงมากกว่า 10 ครั้งในช่วงอายุของคนๆหนึ่ง
 
 
3. When the person's immune system is strong the cancer cells will be destroyed and
prevented from multiplying and forming tumours.
เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงเพียงพอ เซลมะเร็งจะถูกทำลายและป้องกันไม่ให้เกิดการขยายตัวและกลายเป็นเนื้องอก
 
 
4. When a person has cancer it indicates the person has multiple nutritional
deficiencies. These could be due to genetic, environmental, food and lifestyle
factors.
เมื่อใครก็ตามเป็นมะเร็ง มันกำลังบอกว่าคนๆนั้นมีความบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการ
ซึ่งอาจเกิดจากยีนสิ่งแวดล้อมอาหารและปัจจัยอื่นๆในการดำรงชีวิต
 
 
5. To overcome the multiple nutritional deficiencies, changing diet and including
supplements will strengthen the immune system.
เพื่อเอาชนะภาวะบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการ  การเปลี่ยนแปลงประเภทของอาหารรวมทั้งสารอาหารบางอย่างจะช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น
 
 
6. Chemotherapy involves poisoning the rapidly-growing cancer cells and also
destroys rapidly-growing healthy cells in the bone marrow, gastro-intestinal tract
etc, and can cause organ damage, like liver, kidneys, heart, lungs etc.
การทำคีโมคือการให้สารเคมีที่มีความเป็นพิษกับเซลมะเร็งที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว   แต่ขณะเดียวกันมันก็จะทำลายเซลที่ดีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในไขกระดูก
ทำลายระบบทางเดินอาหาร ฯลฯ และเป็นสาเหตุทำให้อวัยวะบางส่วนถูกทำลาย
เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด ฯลฯ
 
 
7. Radiation while destroying cancer cells also burns, scars and ! damages healthy cells, tissues and organs.
การฉายรังสีแม้ว่าจะเป็นการทำลายเซลมะเร็ง แต่ก็ทำให้เกิดอาการไหม้
เป็นแผลเป็น และทำลายเซลที่ดี เนื้อเยื่อ และอวัยวะ
 
 
8.. Initial treatment with chemotherapy and radiation will often reduce tumor size. However prolonged use of chemotherapy and radiation do not result in more tumor destruction.
การบำบัดโดยคีโมและการฉายรังสีมักจะช่วยลดขนาดของเนื้องอกได้ในช่วงแรกๆ
อย่างไรก็ตามถ้าทำไปนานๆพบว่ามักไม่ส่งผลต่อการทำลายเซลเนื้องอก
 
 
9. When the body has too much toxic burden from chemotherapy and radiation the
immune system is either compromised or destroyed, hence the person can succumb to
various kinds of infections and complications.
เมื่อร่างกายได้รับสารพิษจากการทำคีโมหรือการฉายรังสีมากเกินไป ระบบภูมิคุ้มกันอาจปรับตัวเข้ากันได้หรือไม่ก็อาจถูกทำลายลง ดังนั้นคนๆนั้นจึงอาจตกอยู่ในอันตรายจากการติดเชื้อหลายชนิดและทำให้โรคมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น
 
 
10. Chemotherapy and radiation can cause cancer cells to mutate and become resistant
and difficult to destroy. Surgery can also cause cancer cells to spread to other
sites.
การทำคีโมและการฉายรังสีอาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกลายพันธุ์
ดื้อยา และยากต่อการทำลาย การผ่าตัดก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกระจายไปทั่วร่างกาย
 
 
11. An effective way to battle cancer is to starve the cancer cells by not feeding
it with the foods it needs to multiply.
วิธีที่ดีที่สุดในการทำสงครามกับมะเร็ง คือการไม่ให้เซลมะเร็งได้รับอาหารเพื่อนำไปใช้ในการขยายตัว
 
 
WHAT CANCER CELLS FEED ON:
 อะไรคืออาหารที่ป้อนให้กับเซลมะเร็ง
 
a.  Sugar is a cancer-feeder. By cutting off sugar it cuts off one important food
supply to the cancer cells .   Sugar substitutes like NutraSweet, Equal,Spoonful,
etc are made with Aspartame and it is harmful.   A better natural substitute would
be Manuka honey or molasses but only in very small amounts.   Table salt has a
chemical added to make it white in colour.   Better alternative is Bragg's aminos or
sea salt.
น้ำตาลคืออาหารของมะเร็ง การตัดน้ำตาลคือการตัดแหล่งอาหารสำคัญที่จ่ายให้กับเซลมะเร็ง
สารทดแทนน้ำตาลอย่างเช่น 'นิวตร้าสวีต '    ' อีควล '    ' สปูนฟูล '  ฯลฯ
ล้วนทำมาจากสารให้ความหวาน ซึ่งเป็นอันตราย   สารทดแทนซึ่งเป็นกลางที่ดีกว่าคือน้ำผึ้ง
มานูคา(จากนิวซีแลนด์) หรือน้ำอ้อย แต่ในปริมาณน้อยๆเท่านั้น เกลือสำเร็จรูปก็ใช้สารเคมีในการฟอกขาว  ควรหันไปเลือกใช้ ' แบรก อมิโน ' หรือเกลือทะเลแทน
 
 
b.  Milk causes the body to produce mucus, especially in the gastro-intestinal tract. Cancer feeds on mucus.  By cutting off milk and substituting with unsweetened soy milk, cancer cells are being starved.
นมเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายผลิตเมือกโดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร เซลมะเร็งจะได้รับอาหารได้ดีในสภาวะที่มีเมือกการใช้นมถั่วเหลืองชนิดไม่หวานแทนนม จะทำให้เซลมะเร็งไม่ได้รับอาหาร
 
c.  Cancer cells thrive in an acid environment.   A meat-based diet is acidic and
it is best to eat fish, and a little chicken rather than beef or pork.   Meat also
contains livestock antibiotics, growth hormones and parasites, which are all
harmful, especially to people with cancer.
เซลมะเร็งเติบโตได้ดีในภาวะแวดล้อมที่เป็นกรด อาหารจำพวกเนื้อจะสร้างสภาวะกรดขึ้น
ดังนั้นจึงควรหันไปรับประทานปลาจะดีที่สุด รองลงไปคือรับประทานไก่แทนเนื้อและหมู
ในเนื้ออาจมียาฆ่าเชื้อฮอร์โมนที่สร้างการเจริญเติบโตในสัตว์และเชื้อปรสิตบางประเภทตกค้างอยู่
ซึ่งล้วนเป็นอันตรายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นมะเร็ง
 
 
d.  A diet made of 80% fresh vegetables and juice, whole grains, seeds, nuts and a
little fruits help put the body into an alkaline environment.   About 20% can be
from cooked food including beans.   Fresh vegetable juices provide live enzymes that
are easily absorbed and reach down to cellular levels within 15 minutes to nourish
and enhance growth of healthy cells.   To obtain live enzymes for building healthy
cells try and drink fresh vegetable juice (most vegetables including bean sprouts)
and eat some raw vegetables 2 or 3 times a day.     Enzymes are destroyed at
temperatures of 104 degrees F (40 degrees C). 
อาหารที่ประกอบด้วยผักสด 80% และน้ำผลไม้ พืชจำพวกหัว เมล็ดถั่วเปลือกแข็งและผลไม้จำนวนเล็กน้อยจะช่วยทำให้ร่างกายมีสภาวะเป็นด่างอาหารอีก 20% อาจได้มาจากการทำอาหารร่วมกับพืชจำพวกถั่วน้ำผักสดจะให้เอ็นไซม์ซึ่งสามารถดูดซึมได้ง่ายและซึมทราบสู่ระดับเซลภายใน15 นาที เพื่อบำรุงร่างกายและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลที่ดี เพื่อให้ได้เอ็นไซม์ในการสร้างเซลที่ดีให้พยายามดื่มน้ำผักสด (ผักส่วนใหญ่รวมทั้งถั่วที่มีหน่อหรือต้นอ่อน) และรับประทานผักสดดิบ 2-3 ครั้งต่อวัน เอ็นไซม์จะถูกทำลายได้ง่ายที่อุณหภูมิ 140 องศา F ( ประมาณ 40 องศา C)
 
e.  Avoid coffee, tea, and chocolate, which have high caffeine.    Green tea is a better alternative and has cancer-fighting properties.   Water-best to drink purified water, or filtered, to avoid known toxins and heavy metals in tap water.  Distilled wate! r is acidic,
avoid it.
 
ให้หลีกเลี่ยงกาแฟ น้ำชาและช๊อกโกแลตซึ่งมีคาเฟอีนสูง  ชาเขียวถือเป็นทางเลือกที่ดีและมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง  น้ำดื่มให้เลือกดื่มน้ำบริสุทธิ์หรือที่ผ่านการกรอง  เพื่อหลีกเลี่ยงท๊อก-ซินและโลหะหนักในน้ำประปา    น้ำกลั่นมักมีสภาพเป็นกรดให้หลีกเลี่ยง
 
12.  Meat protein is difficult to digest and requires a lot of digestive enzymes.   Undigested meat remaining in the intestines become putrified and leads to more toxic buildup.
 
โปรตีนจากเนื้อจะย่อยยากและต้องการเอ็นไซม์หลายชนิดมาช่วยในการย่อย เนื้อสัตว์ที่ไม่สามารถย่อยได้ในระบบทางเดินอาหารจะเกิดการบูดเน่าและมีความเป็นพิษมากขึ้น
 
 
13.  Cancer cell walls have a tough protein covering.   By refraining from or eating
less meat it frees more enzymes to attack the protein walls of cancer cells and
allows the body's killer cells to destroy the cancer cells.
ผนังของเซลมะเร็งจะมีโปรตีนห่อหุ้มไว้การงดหรือการรับประทานเนื้อสัตว์น้อยลง
จะทำให้มีเอ็นไซม์เหลือมากพอมาใช้โจมตีกำแพงโปรตีนที่ห่อหุ้มเซลมะเร็ง
และช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น
 
 
14.  Some supplements build up the immune system  (IP6, Flor-essence, Essiac,
anti-oxidants, vitamins, minerals, EFAs etc.)  to enable the body's own killer cells
to destroy cancer cells.    Other supplements like vitamin E are known to cause
apoptosis, or programmed cell death, the body's normal method of disposing of
damaged, unwanted, or unneeded cells.
 
สารอาหารบางอย่างอาจช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ( สาร IP6 [inositol hexaphosphate หรือ phytic acid), สาร Flor-essence, สาร Essiac, สารแอนตี้-อ๊อกซิแดนส์ , วิตามิน , เกลือแร่ , EFAs ฯลฯ)
เพื่อช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น สารอาหารอื่นๆเช่น วิตามินอี
เป็นที่ทราบกันดีว่าทำให้เกิดการตายลงของเซล หรือกำหนดระยะเวลาการตายของเซล
ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายในการกำจัดเซลที่ถูกทำลาย ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการ
หรือไม่มีประโยชน์ออกไป
 
15.  Cancer is a disease of the mind, body, and spirit.   A proactive and positive spirit will help
the cancer warrior be a survivor..   Anger, unforgiveness and bitterness put the
body into a stressful and acidic environment.   Learn to have a loving and forgiving
spirit.   Learn to relax and enjoy life.
 
มะเร็งเป็นโรคที่สัมพันธ์กับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ การป้องกันเชิงรุกและการคิดในเชิงบวกจะช่วยให้เราสามารถอยู่รอดจากการทำสงครามกับมะเร็ง... ความโกรธ การไม่รู้จักให้อภัย และความขมขื่นใจ จะทำให้ร่างกายเกิดความตึงเครียดและมีสภาวะเป็นกรดเพิ่มขึ้น ให้เรียนรู้ที่จะมีความรักและจิตวิญญาณแห่งการให้อภัย เรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและมีความสุขกับชีวิต
 
 
16.  Cancer cells cannot thrive in an oxygenated environment.   Exercising da ily ,
and deep breathing help to get more oxygen down to the cellular level. Oxygen
therapy is another means employed to destroy cancer cells.
 
เซลมะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาวะที่มีอ๊อกซิเจนเป็นจำนวนมาก
การออกกำลังกายทุกวันและการหายใจลึกๆจะช่วยให้ร่างกายได้รับอ๊อกซิเจนเพิ่มขึ้นลงไปจนระดับเซลการบำบัดด้วยอ๊อกซิเจนถือเป็นวิธีการอีกอย่างที่ใช้ในการทำลายเซลมะเร็ง
 
 
☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺
 
หมายเลขบันทึก: 239866เขียนเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2009 15:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 04:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

การทำจิตใจให้สบาย... รู้จักปล่อยวาง

และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ...

ป้องกันมะเร็งได้...

แต่แหม...พูดง่าย..ทำยากนะ...

(แต่ก็ต้องทำ... )

ขอบคุณสำหรับ...คำแนะนำดี ๆ นะคะ

: พยายามอ่านอยู่นานเลยค่ะ

: อย่าว่ากันเลยนะคะ คนแก่สายตาไม่ดีน่ะ ตัวมันเล็กไปค่ะ

: แต่ก็อยากขอบคุณ ที่ให้ความรู้เพิ่ม สุดยอดเลยนะคะ

: ขอบคุณจริง ๆค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท