วันที่ 22 มกราคม 2552 เป็นวันแห่งความภาคภูมิใจมากที่สุดในชีวิตของต้อย เป็นวันที่ลูกสาวคนโต น้ำตาล เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร จาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คนที่เป็นคุณพ่อ คุณแม่คงรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของต้อยในวันนี้ เมื่อได้เห็นลูกสาวแต่งชุดครุย ทำผมแต่งหน้าสวย เตรียมพร้อมสำหรับพิธีพระราชทานปริญญาบัตรฯ ทุกคนในครอบครัวตลอดจนเพื่อน ๆ มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ยิ้มแล้วยิ้มอีก อิ่มอกอิ่มใจ เดินได้รอบบริเวณโดยไม่รู้จักเหนื่อย ไม่รู้ร้อน ไม่รู้หนาว รู้แต่ว่ามีความสุขที่สุด
น้ำตาล เป็นลูกสาวคนโตของครอบครัว ที่ไม่เคยทำให้แม่ คุณตา คุณยาย น้า ๆ ผิดหวังเลย แม้จะเรียนไม่เก่ง แต่น้ำตาลก็เป็นเด็กดี ขยันและอดทน น้ำตาลรับรู้ปัญหาครอบครัว ที่คุณพ่อ คุณแม่แยกทางกันมาตั้งแต่เด็ก แต่น้ำตาลก็ไม่ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา เพราะมีคุณตา คุณยาย และน้า ๆ คอยเติมเต็มความรักและความห่วงใยให้ไม่ขาด น้ำตาลริเริ่มช่วยแบ่งเบาภาระคุณแม่ที่ต้องเลี้ยงดูลูก 3 คนด้วยตัวเอง ด้วยการไปสมัครทำงานร้าน Sizzler ที่ห้างเซ็นทรัลฯ ช่วงวันหยุดฤดูร้อนตั้งแต่เรียนอยู่ ม.ศ.5 พอมีรายได้สำหรับใช้จ่ายส่วนตัวบ้าง จนสอบโควต้า เข้าเรียนต่อที่ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็หยุดเพราะกิจกรรมน้องปี 1 เยอะมาก จนไม่มีเวลาทำงาน แต่พอปี 2 ก็ไปช่วยทำงานที่ร้านแก้วปลาสดช่วงเย็น หลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ใกล้หอพัก พอเรียนปี 4 น้ำตาลก็มาปรึกษาต้อย บอกว่าอยากทำงานเป็นแอร์โฮสเตส ขออนุญาตไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มและเรียนหลักสูตรนั้น ค่าเรียนประมาณหมื่นบาท แต่เห็นความตั้งใจของลูกแล้ว ต้อยก็ยอมทุ่มเท จนลูกสอบปี 4 เสร็จก็ไปสมัครเป็นแอร์โฮสเตสตามสายการบินต่าง ๆ แต่ละสายการบินก็เรียกไปสัมภาษณ์และทดสอบต่าง ๆ จากเด็กที่ไม่เคยไปต่างจังหวัด ไม่เคยขึ้นเครื่องบิน ต้อยก็ยอมลงทุนให้ลูกได้เรียนรู้จากประสบการณ์ กัดฟันจ่าย ให้ลูกนั่งเครื่องบิน ขึ้น - ลง เชียงใหม่-กรุงเทพ อยู่หลายรอบ จนในที่สุด น้ำตาลก็ได้งานเป็นแอร์โฮสเตส ที่สายการบิน อาหรับ เอมิเรสต์ ต้องไปอยู่ประจำที่ Dubai.... ห่างไกลจากบ้าน และครอบครัว
ถึงแม้น้ำตาลจะอยู่ไกลจากครอบครัวที่รัก เขาก็ไม่รู้สึกเหงามากนัก ถึงแม้ว่าไปเดือนแรก ๆ จะร้องไห้อยากกลับบ้านบ่อย ๆ เพราะวิวัฒนาการทาง IT สมัยนี้เจริญก้าวหน้า น้ำตาลอาศัย การ Chat MSN กับคุณแม่และเพื่อน ๆ ทำให้หายเหงา ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็โทรศัพท์มาคุยกับคุณแม่ (ต้อยเลี้ยงลูกทางโทรศัพท์มาตั้งแต่ต้องเลี้ยงลูกเอง โทรศัพท์ต้อยจะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ลูกจะโทรหาได้ทุกเวลา ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน ลูกจะมาก่อนเสมอ) ตอนนี้น้ำตาลมีความสุขกับการทำงาน สนุกกับการได้เดินทางไปในประเทศต่าง ๆ บางประเทศหนาวจนหิมะตก กะเหรี่ยงสาวไทย ก็ไม่หวั่นความหนาว ขอลงไปสัมผัสหิมะหน่อย (น้ำตาลบอกว่าไม่สนใจใครเลย ก็ที่บ้านเราไม่มีนี่นา อิอิอิอิ) ตอนนี้ความฝันอันสูงสุดของน้ำตาลคือ เก็บเงินซื้อบ้านให้แม่กับน้อง แยกออกมาจากบ้านคุณตา คุณยาย น้ำตาลจะสร้างรังใหม่ อิอิอิ เย้ เย้......
ต้อยอยากแบ่งปันความภาคภูมิใจ และความรู้สึกของคุณแม่ที่มีความสุขเหลือเกินที่ได้เห็นลูกสาว สง่างามอยู่ในชุดครุยอันทรงเกียรติ ใส่กระโปรงสีม่วง สีประจำมหาวิทยาลัย ภาคภูมิใจในความสำเร็จจากความอดทน ความมานะ อุตสาหะ ที่ทุ่มเทให้กับลูก ๆ ที่เป็นดั่งแก้วตา ดวงใจ เป็นลมหายใจ เป็นชีวิต เป็นทุก ๆ อย่าง ต้อยไม่อาจเขียนเป็นตัวหนังสือให้เพื่อน ๆ ได้ทราบถึงความรู้สึกนี้ แต่เพื่อน ๆ ที่เป็นคุณพ่อ คุณแม่ คงเข้าใจและรู้สึกได้
เย้ เย้ เย้............. มีความสุขจังเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
อีก 3 ปี จะมีความสุขอีกรอบ กับน้องนัท (ลูกสาวน่ารักคนที่สอง) ไหมน้อ...........
ขอบคุณค่ะ
กำลังหัดเขียนค่ะ ขอบคุณอีกครั้งที่ให้กำลังใจค่ะ
เชียงใหม่อากาศตอนเช้ากับกลางคืน เย็นสบายค่ะ
แต่กลางวันเริ่มร้อนแล้วค่ะ
ร่วมแสดงความยินดีด้วยค่ะ ลูกสาวของดาวลูกไก่ ยังไม่ได้เดินก้าวเข้ารั้วมหาวิทยาลัยเลยค่ะ
ดีใจด้วยค่ะ
ดีใจด้วยค่ะ
ดีใจด้วยค่ะ
เห็นความมานะของลูกสาวนะคะ
และขอบคุณที่เขียนให้ได้รับพลังแห่งความมุ่งมั่นและความรักในครอบครัวนะคะ
ขอบคุณมากมาย สำหรับกำลังใจจากทุก ๆ ท่านนะคะ
ต้อยเองก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุก ๆ ท่านเช่นกันนะคะ
ชีวิตมีเรื่องให้เรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุดค่ะ สู้ ๆ นะคะ
ยินดีด้วยครับ ลูกสาวมีความมุ่งมั่น เก่งมาครับ สาวสมัยนี้เชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก ขอให้ต้อยมีความสุขด้วย