เมื่อถึงวันเวลาประชุมปรากฎว่า มีกรรมการระดับอาวุโสของบริษัทเข้าร่วมประชุม ประมาณ 30 คน ภายในห้องที่ปรับอากาศเย็นฉ่ำ มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน อาหารการกินเพียบ
บรรยากาศการประชุมเริ่มจาก ระเบียบวาระที่ 1 เรื่องประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ ผสมกับมีผู้อภิปรายสอดแทรก ใช้เวลาร่วมชั่วโมง จากนั้นก็มีการรับรองรายงานการประชุมครั้งที่แล้ว โดยใช้เวลากับการแก้ถ้อยคำที่พิมพ์ผิดเป็นส่วนใหญ่ แล้วมีผู้อภิปรายเรื่องสืบเนื่องไปในตัว
สำหรับระเบียบวาระที่สำคัญคือ เรื่องเสนอเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับการกำหนดคุณสมบัติของพนักงานบริษัทที่จะรับเข้ามาใหม่นั้นกลับใช้เวลาไม่มากนัก เริ่มจากประธานกล่าวนำ แล้วให้ที่ประชุมแสดงความคิดเห็น ปรากฎว่ามีผู้อภิปรายเพียง 2-3 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ชอบพูดและมีอิทธิพลในที่ประชุมอยู่แล้ว จากนั้นประธานก็อภิปรายเสริมและกล้อมแกล้มสรุปเป็นมติที่ประชุมว่า พนักงานที่บริษัทจะรับเข้ามาใหม่นั้นต้องมีคุณสมบัติ 3 ประการ คือ "ขยัน ซื่อสัตย์และรับผิดชอบ"
คุณหมอรู้สึกคลางแคลงใจในผลการประชุมครั้งนี้ว่าคุ้มค่ากับเวลาและค่าใช้จ่ายที่เสียไปหรือไม่ เมื่อกลับถึงบ้านคุณหมอจึงเรียกลูกชายวัย 11 ปีมาถาม
"ไอ้หนู.. พ่อถามอะไรเอ็งหน่อยเถอะ สมมติว่าเอ็งเป็นเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง เอ็งจะรับพนักงานที่มีคุณสมบัติอย่างไรเข้าทำงานในบริษัทของเอ็ง"
"จะยากอะไรล่ะพ่อ ก็หาคนที่ขยัน ซื่อสัตย์ และรับผิดชอบ ซีพ่อ"
ลูกชายคุณหมอวัย11 ปี ตอบแทบจะไม่ต้องคิด ใช้เวลาเพียงไม่ถึงนาทีก็ได้ผลเท่ากับผู้ใหญ่ 30 คน ใช้เวลาประชุมตั้งครึ่งวัน
****************
ไม่มีความเห็น