ทำไมถึงไม่เห็นใจคนที่เขาป่วยบ้าง ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายและอยู่ในระหว่างฟอกไตเพื่อรักษาและยืดชีวิตไปวัน ๆ อยู่แล้ว ได้รับความเจ็บปวดทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจอย่างมากมายอยู่แล้ว และเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ที่ต้องเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงลูก เลี้ยงแม่ที่ชราภาพมากและก็ทำงานไม่ได้ด้วย และก็ได้กู้เงินมาปลูกบ้าน เพิ่งจะเริ่มส่งได้ 2-3 ปี ยังส่งหนี้สิ้นนี้ไปอีกตั้งหลายสิบปี
ขณะนี้ดิฉันรับราชการ (เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง ซึ่งอิงกับระเบียบของ ก.พ.)อยู่ ได้รับเงินเดือน ได้รับสวัสดิการในการรักษาตัว และอื่น ๆ จึงทำให้ดิฉันมีชีวิติ ยืนยาวอยู่มาได้ ได้เลี้ยงตัวเองไม่เป็นภาระของใคร เลี้ยงลูก เลี้ยงแม่ ส่งหนี้สินที่มีอยู่
แต่ถ้า ร่างที่ สำนักงาน ก.พ.ออกกฎ กำหนดโรคนี้มา และผ่าน ครม. คิดดูสิว่า ชีวิตดิฉัน ลูก แม่ และหนี้สิน จะเป็นอย่างไร
สิ่งเลวร้ายเหล่านี้ ถ้าไม่เกิดขึ้นกับตัวท่าน ท่านก็คงจะไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร คิดดูถ้ามันเกิดขึ้นกับตัวท่านสิ จะเป็นอย่างไร
ดิฉันขอให้ ร่าง กฏ ก.พ.นี้ไม่ผ่าน ขอฉันขอวิงวอนผู้ที่เสนอความคิดนี้ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้เห็นแก่มนุษยธรรมด้วย และขอวิงวอนท่านนายกฯ อภิสิทธิ ขออย่าให้ ร่าง กฏ ก.พ.ฉบับนี้ผ่านไปได้เลย
ถ้า ร่าง กฎ ก.พ.ฯ ฉบับนี้ผ่านไปได้ ก็เท่ากับว่า ท่านได้ฆ่าดินฉัน และคนที่เขาเดือดร้อนอยู่แล้วให้ตายทั้งเป็น และดิฉันเชื่อว่าดิฉัน และคนเหล่านั้นต้องทยอยตายกันในระยะเวลาอันสั้นมาก ท่านก็จะได้ประหยัดงบประมาณในการรักษาสมใจท่าน แต่ท่านจะได้เรื่องใหม่ที่ต้องใช้งบประมาณต่อไปอีกมาก คิดให้มาก ๆ ทบทวนให้ดี ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรลงไป
แน่นอน ดิฉันคนหนึ่งที่ต้องได้รับความเดือดร้อน ดังที่พอจะนึกได้ ดังนี้
1. ถ้าใช้ 30 บาท รักษาโรค เบิกค่ารักษาได้ไม่หมดส่วนเกินจะทำอย่างไร
2. ค่าใช้จ่ายที่จะใช้ดำรงชีวิตอยู่ประจำวัน จะทำอย่างไร
3. ลูกชายของดิฉัน อยู่ ม.1 ใครจะส่งเสียเลี้ยงดู ส่งให้เรียน(ดิฉันเป็นหม้ายต้องเลี้ยงลูกเอง)
4. คุณแม่ของดิฉันชราภาพมากแล้ว หาเลี้ยงตัวเองไม่ได้ (และคุณแม่เองก็ต้องเลี้ยงน้องชายที่ป่วยเป็นโรคจิตเวชอีก 1 คน จะทำอย่างไร)
5. หนี้สินที่ดิฉันกู้มาเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยยังต้องส่งเดือนละเป็นหมื่นบาทและอีกหลายปีมาก จะทำอย่างไร
สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาของดิฉันเพียงคนเดียวนะ แล้วคนอื่น ๆ ละ จะเป็นอย่างไร
วันนี้ขอเศร้าแค่นี้ก่อน .... ส่วนในใจยังหวังจะได้ข่าวดี
ถ้าคิดดูให้ดีแล้วการกำหนดอย่างนี้ไม่ได้เป็นการประหยัดงบประมาณของประเทศจริง ๆ หรอก แต่เป็นการหนีปัญหาหนึ่ง และก็จะต้องไปเจอะกับอีกปัญหาหนึ่งอีกนั้นแหละ เพียงแต่ว่าปัญหานั้นจะเกิดขึ้นกับใครเท่านั้น
เพราะทุกวันนี้ถึงดิฉันจะป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย แต่ดิฉันก็ยังทำงานได้เกือบเหมือนกับคนปกติ เพราะงานในส่วนที่ดิฉันรับผิดชอบไม่ต้องใช้แรงกายอะไรมาก ใช้คอมพิวเตอร์ กับเอกสาร เป็นหลัก
ขอให้ดิฉันลาออกไปเองเพราะคิดว่าตัวเองทำงานไม่ไหวเถอะ
อย่าหวงกับงบประมาณในการรักษาตัวดิฉันเลย เพราะเท่ากับได้สงเคราะห์คนในครอบครัวของดิฉันทำให้ไม่เป็นภาระต่อสังคมในด้านอื่นอีก
ขอขอบพระคุณท่านที่เข้าใจ โดยเฉพาะท่านผู้ที่คิดว่าผู้ป่วยเป็นภาระต่องบประมาณของท่าน