สวนหลังบ้าน


เมื่อตอนเย็น...นัดพบปะเล็กๆ น้อยกับน้องหนุ่ยและน้องหนิงที่ร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง...

ได้พูดคุยสนทนาในบรรยากาศที่มีความสุข ได้หัวเราะ...น้องสองคนเป็นคู่แฝดที่น่ารัก พื้นฐานทางด้านจิตใจดี ข้าพเจ้ามักรู้สึกชื่นชมน้องสองคนเสมอในเรื่องของความกตัญญู...ที่มีต่อพ่อแม่ ช่วงนี้พ่อของน้องสองคนไม่ค่อยสบาย ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเรียนรู้เห็นสิ่งที่ทั้งสองคนปฏิบัติต่อพ่อ ช่างเป็นความประเสริฐอย่างยิ่ง... สักพัก เราก็แยกย้ายกัน ส่วนตัวเองนั้นแวะไปบ้านพี่หน่อยน้อย เพื่อไปเยี่ยมเยือนคุณยาย-แม่ของพี่หน่อยน้อย... ข้าพเจ้าชอบไปคุยกับท่านในหลายๆ เรื่อง ช่วงนี้ท่านค่อนข้างที่จะต้องเผชิญกับสภาวะเปลี่ยนแปลงภายในค่อนข้างมากที่น้อมนำให้ท่านไปสู่สภาวะแห่งความซึมเศร้าเกิดขึ้น การได้คุยกับท่านให้ท่านได้หัวเราะ ได้ยิ้ม ได้เล่าเรื่องราวในอดีตที่มีแต่ภาพทรงจำที่ประทับใจ...ค่อนข้างทำให้ท่านดูเหมือนจะเบิกบานขึ้นได้บ้าง...

บ้านพี่หน่อยน้อยค่อนข้างมีพื้นที่มากพอควรที่จะทำอะไรได้หลายอย่าง...

มีสวนผักอยู่หลังบ้านแปลงใหญ่หลายแปลง อนุเคราะห์ให้ยายข้างบ้านได้มาอาศัยปลูกผักไปขายได้... เราใช้เวลาเดินคุยกันท่ามกลางแปลงผักหลากหลายชนิด และต้นไม้นานาพันธุ์ เป็นบรรยากาศที่ค่อนข้างรื่นรมย์...ต่างจากบ้านของตัวเองที่ตั้งอยู่แทบกลางใจตัวเมือง ซึ่งมีบริเวณไม่มาก และแม่ก็พยายามปลูกต้นไม้เท่าที่พื้นที่บ้านเราอำนวย ตามลักษณะของบ้านในใจกลางเมือง... หลายครั้งที่ตั้งใจว่าจะโยกย้ายไปสร้างบ้านอยู่ที่สวนชานเมืองออกไป แต่เล็งเห็นว่าอยู่ที่เดิมแม่จะมีเพื่อนบ้านที่คุ้นเคย และไม่เปลี่ยวเกินหากว่าท่านอยู่ในช่วงกลางวัน... และพอได้มาเดินอยู่ในบริเวณบ้านพี่หน่อยน้อยลึกๆ ในความรู้สึกของตนเอง ข้าพเจ้าก็ยังคงปรารถนาที่อยากจะใช้ชีวิตอย่างง่ายๆ...ท่ามกลางพืชสวนไร่นา...เฉกเช่นนี้

เสน่ห์ คือ การได้เหนื่อย ได้ใช้แรงกับธรรมชาติที่อยู่เบื้องหน้า...

ความคุ้มค่าคือ ความรื่นรมย์ที่ปรากฏอยู่ในใจ พี่หน่อยน้อยจะบอกกับข้าพเจ้าเสมอว่า..แก่เฒ่ามา หากไม่มีครอบครัว ก็ให้มาอยู่ด้วยกัน หรือไปอยู่ที่บ้านไร่เมืองจันทบุรีด้วยกัน ข้าพเจ้ารู้สึกขอบคุณและคิดว่านี่เป็นความโชคดีที่มักมีใครๆ ให้โอกาสและชักชวนให้ไปอิงอาศัยอยู่ด้วยในบั้นปลายของชีวิต ซึ่งจริงๆ แล้วเราก็ไม่รู้ว่าเวลา ณ วันนั้นเราจะสามารถยังมีลมหายใจไปถึงหรือไม่...หรืออาจจะดับสูญไปก่อนก็ได้

แต่ก็ยังรู้สึกขอบคุณ...ต่อน้ำใจอันงดงามที่พี่ๆ หลายท่านชักชวน

บทสนทนา...ท่ามกลางลมเย็นๆ และแสงอาทิตย์อันละไม...

เสียงพี่เขียวที่มีบ้านติดๆ กับสวนหลังบ้านพี่หน่อยน้อยตะโกนมาเรียกพร้อมกับยื่นมะละกอลูกขนาดพอประมาณมาให้...และทักทายด้วยเสียงอันดังว่าฝากไปให้ยายที่บ้าน (หมายถึงแม่ของข้าพเจ้า)... ขอบคุณสำหรับมะละกอแห่งน้ำใจงามของพี่เขียว...

ข้าพเจ้าได้คุยกับยายที่กำลังทำสวน... ซึ่งเหลือบไปเห็นยายกำลังโรยปุ๋ยเคมีลงไปที่พืชผักด้วยความรู้สึกที่แสนเสียดาย เราใช้เวลาการพูดคุยกันนานพอควร และเป็นการพูดคุยที่ไม่ได้โน้มน้าวหากแต่อยากทราบความคิดเห็นของยายว่าทำไมใช้ปุ๋ยเคมี จึงได้ทราบว่าคนแถวนี้มองเห็นเป็นเรื่องธรรมดาของการใช้สารเคมี ซึ่งก็ทำให้ข้าพเจ้าอึ้งไปและรู้สึกว่ายากที่จะเปลี่ยนแนวคิดของยายอย่างทันทีทันใด แต่ลึกๆ ของตัวเองก็มีความหวังว่า...การได้พูดคุยกับยายบ่อยๆ อาจพอมีโอกาสเสนอทางเลือกให้ยายลองมาปลูกผักปลอดสารพิษบ้าง... นี่เป็นความตั้งใจของข้าพเจ้าที่ปรากฏขึ้นทันทีที่ได้คุยกับยายคนทำสวน...และปรารถนาที่จะหาเวลาบ่อยๆ ไปคุยกับยาย...

เมื่อเดินย้อนมาทางหน้าบ้านพบว่ายาย-แม่พี่หน่อยน้อยท่านอาบน้ำเสร็จแล้ว...จึงได้มีโอกาสได้นั่งคุยกับท่าน ประเด็นที่เราคุยกันเป็นเรื่องราวของจิตใจและสภาวะที่เกิดขึ้น ได้มองเห็นความอดทนและความพยายามที่คุณยายท่านพยายามที่จะเยียวยาด้วยตนเอง พึ่งยาสมัยใหม่ให้น้อยที่สุด เป็นความพยายามที่ยายบอกเล่าว่ามันช่างยากเหลือเกิน บางครั้งถูกจู่โจมด้วยอาการหดหู่และเศร้าหมอง ... กว่าจะต้านทานอารมณ์เฉกเช่นนี้ได้ก็ยากเหลือเกิน..

สิ่งที่พอให้ยายพยุงอยูได้คือ ความอดทนและทำความเข้าใจสภาวะการเปลี่ยนแปลงและเกิดขึ้น พร้อมทั้งหาสิ่งที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจที่มั่นคง เช่น ทางด้านศาสนา... ตลอดไปจนถึงการปฏิบัติต่อตนเองทั้งร่างกายและจิตใจ... มองให้เห็นความโชคดีที่มีอยู่ เช่น การได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ...

พี่หน่อยน้อยบอกว่า...เวลาที่ข้าพเจ้ามาคุยด้วย ยายดูมีความสุข

ข้าพเจ้าได้แต่บอกกับตนเองว่า...ทุกครั้งหากมีโอกาสได้อยู่ที่บ้าน-ยโสธรจะพยายามมาคุยกับคุณยาย อยากให้ท่านเล่าเรื่องราวที่มีความสุขให้ฟัง ดั่งเช่นวันนี้ท่านเล่าเรื่องถึงประสบการณ์เลี้ยงลูกและการสู้ชีวิตของท่านในวัยสาว ดูท่านมีพลังชีวิตและมีใบหน้าที่เบิกบานขึ้น... นี่น่าจะเป็นเรื่องราวที่นำมาใช้ในการเยียวยาได้บ้าง...

วันนี้...ถือว่าเป็นความโชคดีของตัวเอง...ที่ได้เดิน คุย และดำเนินชีวิตแม้สั้นๆ ท่ามกลางธรรมชาติและการทำสิ่งที่มีคุณค่า...อันเป็นความดีที่ตนเองตั้งปณิธานไว้และก็ได้ทำ

 

-------------------------------------

 

หมายเลขบันทึก: 236824เขียนเมื่อ 22 มกราคม 2009 23:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 ตุลาคม 2013 22:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีครับคุณKAPoOM

คนแก่คนเฒ่าเล่าความหลังให้ฟังเป็นประวัติชุมชนที่ต้องสืบค้นหาความเป็นมาทางด้านสถานที่ และทางฐานคิด มักมีเรื่องคุณธรรมสอดแทรกมาเสมอ โชคดีที่คุณให้กำไรชีวิตกับการมองรอบๆตัวเองในชนบทแล้วพนสิ่งดีงามครับ

ข้อเขียนนี้ดีจังเลยครับ

ขอบพระคุณทุกความคิดเห็นและการแวะมาร่วมรับและแบ่งปันสิ่งดีดีกันเสมอนะคะ

(^___^)

สวยจังค่ะพี่บรรยากาศดีมากมายเลยค่ะ ^ ______ ^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท