เคลื่อนกายอย่างมีสติด้วย Yoga Asana ของ ฉัน
แปลกแยกจากคนอื่นไหม ที่ตนเองสนใจปฏิบัติโยคะเพียงการเคลื่อนไหวที่ควบคู่กับสติที่กำกับกาย
จำไม่ได้หรอกนะว่า ท่าอาสนะที่ทำนั้นภาษาสันสกฤตเขาเรียกว่าอะไร
จำไม่ได้หรอกนะว่า ประวัติของแต่ละท่านั้นมีความเป็นมาอย่างไร
จำไม่ได้หรอกนะว่า ท่าอาสนะแต่ละท่านั้น มัดกล้ามแต่ละส่วนของร่างกายนั้นจะเริ่มต้นเคลื่อนไหวจากส่วนไหน
รู้เพียงว่า เคลื่อนไหวกายอย่างนี้ แล้วคอยให้จิตกำกับกาย ก็ทำให้จิตมั่นกับกายแล้ว ก็เป็นการปฏิบัติโยคะที่ทำให้จิตสงบ ทำให้จิตใจนิ่ง ความคิดปริวิตกต่างๆ ค่อยๆ จางหาย เหลือแต่กายกับจิต เท่านั้น
รู้เพียงว่า “มีความสุข สงบจัง” ที่ได้ทำท่าอาสนะแต่ละท่าทีละ step step อย่างจิตมั่น
นั่นคือความรู้สึกช่วงแรกเริ่มเข้ารับการอบรมครูโยคะ หลักสูตร 3 เดือน ในช่วงเวลานั้นมีความรู้สึกว่า มันจำเป็นไหม ที่เราต้องรู้ว่าแต่ละท่าของ การเคลื่อนไหวนั้น มัดกล้ามเคลื่อนไหวอย่างไร ส่งผลอย่างไรต่อร่างกายเรา เพราะตลอดช่วงระยะเวลาที่ฝึกอบรม มีความรู้สึกเหมือน ต้องรู้ ต้องรู้ ต้องรู้ และต้องรู้ จนมีความรู้สึกว่า ความรู้เหล่านั้นมันมาก มาก มากจนล้น มากจนล้นปรี่ เพราะรู้ตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า สิ่งที่อยากรับในช่วงเวลานี้ เพียงสติที่ควบคู่กับการเคลื่อนไหวเท่านั้น ขอรับเพียงเท่านี้ได้ไหม
แต่เป็นเพราะมีความรู้สึกว่าต้องถูกตราตั้งให้เป็นผู้ถ่ายทอด จึงต้องรู้ รู้ทั้งหมดของโยคะอาสนะ แล้วจะทำอย่างไรกับความรู้เหล่านี้ อย่างเข้าใจและรับอย่างพอเพียงเสียด้วย
เอาหล่ะซิ ... ไอ้ความรู้สึกขัดแย้งภายใน กับการรับรู้ที่ต้องพัฒนาตนเองไปในทิศทางใหม่ ที่ไม่ได้ตั้งรับเอาไว้ ก็เริ่มรู้สึกอีกแล้ว
แต่พอเริ่มเห็นเอกสารที่ทางสถาบันฯ ให้
เห็นงานบรรยายที่ อ.ฮิโรชิและอ.ฮิเดโกะ นำเสนอให้พวกเรา
อีกทั้งครูๆ ก็ให้การบ้านให้ขยายความคิด ตอกย้ำลงไปกับการที่ทำท่าทางต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
การพิจารณาภายในก็เริ่มละเอียดมากขึ้น ความใคร่รู้เริ่มทวีคูณ ประกอบกับการได้เข้ากรรมฐานอย่างเข้มมาตลอดระยะเวลา 3 เดือน ก่อนเริ่มอบรมครูโยคะหลักสูตร 3 เดือน ทำให้การพิจารณาการเคลื่อนไหวกายของโยคะอาสนะเริ่มชัดเจน แต่นั่นแหล่ะการจะให้เข้าใจภาษาของสรีระทางการแพทย์นั้น คงต้องเรียนรู้อีกเยอะทีเดียว เพื่อทำให้ความเข้าใจกับการเคลื่อนไหวในแนวทางปฏิบัตินั้นกระจ่างมากยิ่งขึ้น
อย่างนี้กระมังที่เรียกว่า การเคลื่อนไหวกายอย่างมีสติ มันคงไม่จำเป็นกระมังที่เมื่อเราไม่สบายใจต้องการแสวงหาสถานที่ความสงบ เราเพียงแต่ปลูกสร้างความสงบจากเรือนกายของเราเท่านั้นเอง มันไม่ไกลเกินเอื้อมเลย
การเคลื่อนไหวกายอย่างมีสตินั้น มีอยู่ในอริยบทประจำวันของเรานี่เอง เพียงแต่เราจะน้อมนำมันเข้ามาสู่กายของเราอย่างเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน และอย่างที่สติรู้เท่าทันด้วยซินะ
และเมื่อได้อ่าน “ประทีปแห่งชีวิต” (Light on Life) ที่เขียนโดย ท่านบี เค เอส ไอเยนการ์ (B.K.S. Lyengar) ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยโดย คุณธีรเดช อุทัยวิทยารัตน์ และได้อ่านในส่วน “บางถ้อยคำจากผู้แปล”(ที่นี่) ทำให้ชัดเจนในแนวทางปฏิบัติของตนเองว่า ตนเองได้ปฏิบัติอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากการการปฏิบัติก่อนนั้นก็เป็นแนวทางที่ดีแล้ว ในส่วนทฤษฎีนั้นสามารถเรียนควบคู่ไปกับปฏิบัติได้ ถ้าเราได้เริ่มต้นการปฏิบัติอย่างเข้าใจ
พร้อมนี้ได้นำคำนำของผู้เขียนทุกท่านมาให้พิจารณาด้วยค่ะ แต่หนังสือทั้งเล่มยังไม่มีเวลาอ่านให้จบเลยค่ะ ได้แต่ทะยอยอ่านไปอย่างพิจารณาไปเรื่อยๆ เท่าที่พอจะจัดสรรเวลาได้ เพราะเป็นหนังสือที่อยากเรียนรู้ในสายทางแห่งโยคะอาสนะ อีกเล่มหนึ่งเช่นกัน
|
สารบัญ 1เกี่ยวกับผู้เขียนและนักเขียนร่วม (ที่นี่) บทนำ : อิสรภาพที่รออยู่
|
ขอบคุณคะสิ่งดี ๆ ที่นำมาเล่าให้ฟัง
สวัสดีค่ะ คุณประกาย
ขอบพระคุณมากค่ะ ที่เ้ข้ามาอ่านงาน feel good
สวัสดีปีใหม่ 2552 ขอให้เข้มแข็งและแข็งแรงทั้งกายและใจนะคะ
อยากเชิญมาสอนที่เชียงรายบ้างจัง จะเป็นไปได้ไหมครับ
ที่ผ่านมาได้เปิดคอร์สสอนบ้างหรือเปล่าครับ
สวัสดีค่ะ คุณพ่อณัฐ
ดีใจจังเลยที่แวะเข้ามาอ่าน
ถ้าสอนโยคะ ตอนนี้มีช่วยสถาบันฯ ค่ะ
ถ้าณัฐอยากให้ช่วยเหลืออะไรก็ส่งตรงมาได้จ๊ะ ยินดีรับใช้