ติดทุกข์ "ติดสุข...!"


หลายครั้ง หลายหน ที่เราเข้าใจว่า อื่ม... นี่แหละสุข และสุขนี่แหละเป็น "ของดี"

ติดสุขนี่แก้ยากกว่าติดทุกข์นั้นเสียอีก

คนที่หลงไปอยู่กับความสุขนั้น เป็นเจ้าแห่งมิจฉาทิฏฐิ

ลืมไปว่าตัวเองนี้เกิดมาพร้อมกับทุกข์ มีขันธ์ทั้ง 5 เป็นตัวทุกข์

เข้าใจแต่ว่า โอ้... ชีวิตนี้สบาย ชีวิตนี้มีความสุข
มีเงิน มีทอง มีทรัพย์สิน มีแฟนหล่อ ๆ สวย ๆ รวย ๆ ได้ท่องเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ สารพัด สารเพ

อีกชั้นหนึ่ง... อันนี้นี่ติดหนัก "ติดสุขในสมาธิ" โอ้ว... สุขอะไรเช่นนี้ เรานิพพานแล้ว
สุขจนไม่เป็นอันทำอะไร จะนั่ง นั่ง นั่ง อยู่ร่ำไป ชีวิตนี้ไซร้จะสุขอย่างนี้ "ไม่จีรัง..."

เมื่อลุกขึ้นเมื่อไหร่ กิเลสและตัณหาก็จะเข้ามาถล่มทลายอย่างแน่แท้
มิหนำซ้ำ ยังทำตาขวาง ๆ อีกด้วยนะ

เราทำได้ คุณทำได้หรือเปล่า
มานั่งแข่งกันมั๊ย ใครนั่งได้นานกว่ากัน โอ้ว คนนี้สุดยอด นั่งได้แปดชั่วโมง สิบชั่วโมง
ดูคนนี้สิ เดินจงกลมได้สามวันติดต่อกัน นั่นไปซะอย่างนั้น

การปฏิบัติธรรมนั้นก็เพื่อทำให้เรามี "ปัญญา" มีปัญญาที่จะไปต่อสู้กับความโกรธ ความโลภ และความหลง

ใช้สมาธิจากการฝึกหัดนี้เป็นพื้นฐานให้เกิดสมาธิตามธรรมชาติในชีวิตประจำวัน

เมื่อก้าว เมื่อเดินไปไหน ใช้สมาธินี้ เรียกสติขึ้นมาต่อสู้ ต่อกร กับเจ้ากิเลสและตัณหา
ใช้สติ และสมาธิ เจริญพรหมวิหาร 4 อันว่าด้วยเรื่อง เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาในทุก ๆ ลมหายใจ
แล้วใช้ปัญญาที่ได้จากการเจริญทั้ง 40 พระกรรมฐานเมื่อปล่อยวางซึ่งตัว ซึ่งตน


อื่ม... นี่แหละคือทางหลุดพ้นแห่ง "สังสารวัฏ"
สังสาระที่หมุนเวียนเปลี่ยนวนให้เราต้องกลับมาเกิดอีก
มีการเกิดก็ต้องมีทุกข์
ทุกข์ทั้งจากการเกิด การแก่ การเจ็บ และการตาย
และเป็นการตายที่ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดแห่งทุกข์เสียอีก

ปัญญาที่มีศีลและสมาธิเป็นพื้นฐานนั้นจักนำพาเราให้พ้นจากวัฏฏะที่น่าสงสารนี้เสียได้
ท่านทั้งหลายโปรดก้าวเดิน และก้าวเดิน
เดินหน้า มุ่งตรงในสายแห่ง "อริมรรค" อันประเสริฐ พลัน...

หมายเลขบันทึก: 226103เขียนเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2008 18:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • ผู้คนในสังคมไทย มีกิเลสหนา จึงพากันหยุดเดิน  ครับผม

สาธุ

สักราวปีครึ่งมานี้

ตนเองเพิ่งศึกษาเข้าใจรู้จัก ตนเอง รู้จัก กิเลส ในตัวเอง

พอมาศึกษาพระธรรม ก็ซึ้งใจ อย่างบอกไม่ถุกมาก่อน จากคนไม่เคย อ่าน คนไม่เคยศึกษา เลยก็อิ่มใจ อบอุ่นใจ เป็น สองปีแรกเช่นกันที่เห็นว่าตนเองเป็นพุทธศาสนิกชนแท้ๆ มิใช่แต่ในทะเบียนบ้าน

เห็นว่าตนเองเป็นคนดี (แค่ยอมเห็นกิเลส) เห็นว่าตัวเองมีความสุขขึ้นเยอะ

คงจะดำเนินสิ่งนี้ต่อไป

นับว่าตัวเองโชคดี ที่เกิดเป็นพุทธศาสนิกชน

ขอน้อมนำ พระรัตนไตร เป็นสรณะ

โชคดีเช่นกัน ได้มาอ่านบทความดีๆของท่าน !

เราเองก็ต้องขอบพระคุณท่านมาก ๆ เพราะหากไม่มีท่าน เราเองก็ไม่ได้ทำความดี

การได้สนทนา แลกเปลี่ยน ตอบคำถามกับท่าน ทำให้เรามีโอกาสได้คิด ได้ทำความดี ได้เสียสละ ได้ภาวนา อันมีชื่อเรียกทางพุทธศาสนาว่า "สร้างบารมี"

บารมีไม่หย่อนสิบเกิดขึ้นแล้วเมื่อได้รับคำถาม เมื่อได้สนทนาประสาทะกับท่าน

หากไม่มีท่าน ก็ไม่มีตัวอักษร เปรียบแม้นไม่มีหมู่ภมร เจ้าเกสรจักเคลื่อนย้ายได้อย่างไร...

ขอบพระคุณโอกาสแห่งท่านที่ให้เราอย่างมากหลาย

ขอบพระคุณด้วยจิตใจอันตั้งมั่นด้วย "สัทธรรม..."

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท