ความสุข
ท่านผู้อ่านคิดว่าค่าเฉลี่ยของอายุคนเราอยู่ที่เท่าไร 80 ปี น่าจะเป็นคำตอบ
แต่จากการสังเกตพฤติกรรมของผู้คนที่ใช้ชีวิตเสมือนหนึ่งว่าเขามีเวลาบนโลกนี้แบบเหลือเฟือทำให้ฟุ่มเฟือยกับเวลาจะทำอะไรก็ทำแบบละเอียดจะตัดสินใจก็ชักช้าเป็นเรือเกลือ ผมจึงอนุมานว่าผู้คนคงคิดว่าเขามีอายุบนโลกนี้สัก 160 ปีขึ้นไป
ผมไม่ได้บอกว่าเราต้องทำอะไรรวดเร็วจนขาดความรอบคอบ แต่ผมกำลังบอกว่าการใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพคือสิ่งที่มีความจำเป็นในการดำเนินชีวิต เพราะเวลาเป็นสิ่งมีค่าที่หมดไปตลอดเวลาไม่ว่าเราจะใช้มันหรือไม การบริหารจัดการเวลาเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้เรามีความสุขอย่างมีคุณภาพ
ความสุขอย่างมีคุณภาพคืออะไร
มันคือความสุขจากการทำงาน สองความสุขจากการพักผ่อน สามความสุขที่มีโอกาสทำให้คนรอบ ๆ ตัวเรามีความสุข หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Good deed for others ประการสุดท้ายเป็นความสุขที่เกิดจากความสงบในใจของเรา
ความสุขทั้งสี่เกิดขึ้นได้อย่างไร
เริ่ม เราต้องเรียนรู้ที่จะรู้จักตัวเอง รู้ดีมากพอ ที่จะบอกได้ว่าเราชอบอะไรและไม่ชอบอะไร ทั้งเรื่องงาน ผู้คน และความสนใจส่วนตัว เลือกทำสิ่งที่ใช่ และไม่ทำสิ่งที่ไม่ตรงกับเรา อย่าดำรงตนแบบชีวิตสีเทา ๆ
ในเรื่องงาน ความหมายของคำว่างานไม่ใช่ “ตื่นนอน ทำงาน แล้วคอยรับเงินเดือนตอนปลายเดือน” เลือกทำสิ่งที่เรารักและถนัด เลือกอยู่ในสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมที่เข้ากับตัวเรา
ผมมีข้อเสนอแนะสักสองสามข้อในการบริหารเวลาเรื่องงาน
หนึ่ง ต้องรู้จักคำว่า “The art of prioritization” เรียงลำดับความสำคัญของงาน และกล้าหาญพอที่จะปฏิเสธแบบหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ทำในสิ่งที่เราไม่เห็นด้วย
สอง มี Sense of immediacy คิดแล้วต้องทำเลย อย่าปล่อยค้างไว้ในอากาศ
สาม มีภาวะความเป็นผู้นำในการบริหารการประชุม ผมมีข้อสังเกตว่าการประชุมที่ได้ผลไม่ควรเกิน 2 ชั่วโมง ถ้าเกินจากนั้น ผมรับประกันได้ว่าเป็นการ Recycle ปัญหาแล้วหาข้อสรุปไม่ได้ แล้วเราควรจะทำอย่างไรถ้ามีการประชุมที่ยืดเยื้อเกิน 2 ชั่วโมง แล้วขมวดปมไม่ได้ เลิกประชุมครับ แล้วต่างคนต่างแยกย้ายไปทำความเข้าใจกับประเด็นปัญหา พร้อมทั้งหามุมมองใหม่ ๆ ให้ครบด้าน แล้วค่อยกลับมาประชุมกันใหม่ การประชุมที่มีประสิทธิภาพต้องมี Next step เพื่อให้องค์ประชุมแต่ละคนรู้ว่าต้องไปทำอะไรต่อ ไม่ใช่ออกมาแล้วต่างคนทำตางง ๆ
ที่หยิบเรื่องการประชุมมาเป็นประเด็น เพราะพวกเราถูกจ้างมาทำงาน ไม่ใช่มีอาชีพเป็นนักประชุม
ในเรื่องของการพักผ่อนและสันทนาการ เราต้อง Expose ตัวเองกับสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นความสวยงามบนโลกนี้ แล้วค้นหาตัวเองว่าชอบทำอะไร อย่าปิดกั้นตัวเองจากความงดงามที่โลกมีให้กับมนุษยชาติ
Good deed for others เป็นเรื่องที่ผู้คนมักจะไม่ใส่ใจ การสร้างให้ผู้คนรอบตัวมีความสุขเป็นการกระทำที่ไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไร เพียงแต่มีใจ ให้เวลา และทำด้วยความละเมียด จะทำให้โลกใบนี้น่าอยู่มากขึ้น
คำว่าผู้คนรอบตัวไม่ใช่ผู้คนมากมาย แต่หมายถึงคนเพียงไม่กี่คนที่ถูกจริตกับเรา และเรายินดีที่จะไปไกลที่สุดที่จะสร้างความรู้สึกพิเศษให้คนเหล่านั้น
ถ้าจะถามว่าทำไมฝนจึงตกไม่ทั่วฟ้า เพราะเรามีเวลาจำกัด
สุดท้ายเราต้องจัดเวลาให้ตัวเอง ในการสร้างความสงบในใจ คนเราทุกวันนี้ดำเนินชีวิตด้วยความเร่งรีบ ทำให้ใจอาจขุ่นมัว เราต้องหาเวลาสนทนากับตัวเอง เวลาที่เราสามารถทำตัวนิ่ง ๆ เพื่อตกตะกอน เพื่อพิจารณาว่าจะเดินไปข้างหน้าอย่างไรจึงเป็นการเดินแบบมีสติ เราต้องเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของเรา โดยใช้สติและปัญญาเป็นตัวควบคุม ไม่ใช่เดินหน้าโดยใช้ Auto pilot mode
จะเห็นได้ว่าถ้าจะทำครบทั้งสี่อย่างเวลาของคนเรามีไม่มากอย่างที่คิด
การดำเนินชีวิตควรใช้หลักการ Law of sacrifice ทำของน้อยอย่างแต่ทำให้ดีที่สุด
การบริหารเวลาให้มีความสุขอย่างมีคุณภาพ ก็เปรียบเสมือนการถ่ายรูป ที่เราต้องจัด Composition ของภาพให้ลงตัว ภาพที่ดีต้องมี Focal point และมีองค์ประกอบของภาพอื่น ๆ มาเติมแต่งให้ Focal point ดูเด่น ในขณะเดียวกันที่ว่างของภาพก็เป็นสิ่งจำเป็น เป็นตัวสร้างมิติของภาพ ไม่ให้ภาพดูแน่นจนอึดอัด
มาฝึกถ่ายรูปของชีวิตทุกวันกันเถอะ
แหล่งที่มา :
POST TODAY วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม 2551
บทความโดย ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์
ชอบคำที่ว่า ให้เวลาว่างกับตัวเองอยู่นิ่ง ๆ เพื่อให้ตกตะกอน นี่สิ เข้าใจเลยว่า เป็นการเรียกสติ ให้เราดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีสติ จริง ๆ แล้วที่ผ่านมา ก็พยายามทำ แต่บางคร้งก็มักจะลืม (ลืมบ่อยมาก) แต่จะพยายามใหม่ค่ะ