(เมื่อผม) คุยกับประภาส ตอน “ 7 วิธีตีหินให้เป็นประกายไฟสร้างสรรค์” #3 (วิธีที่1)


1 ทำลายกรอบลวงตา

7 วิธีตีหิน (ทะ ดะ แด๊น แทน แทน แทน)

     หัวข้อนี้จะเป็นเรื่องการตีหินแล้วละครับ ว่าจะทำยังไงให้เราพอจะมีความคิดสร้างสรรค์ขึ้นมาได้ แต่มันก็เป็นแค่แนวทางเท่านั้นนะครับ แล้วก็ต้องเอาไปฝึกฝนบ่อย ๆ ด้วย และ พึงตระหนักอยู่เสมอว่า เพราะเอาเข้าจริง ๆ แล้วไม่มีสูตรสำเร็จสำหรับความสร้างสรรค์หรอกครับ

 

วิธีที่ 1 ทำลายกรอบลวงตา

 ก่อนอื่นมาทำแบบฝึกหัดกันซักนิดครับ เตรียมกระดาษขาว 1 แผ่น และอย่าแอบดูเฉลยก่อน

     ข้อที่ 1 จงลากเส้นตรง 4 เส้นต่อกันโดยห้ามยกมือ ให้ผ่านจุด 9 ต่อไปนี้

 

.    .    .

.    .    .

.    .    .

 

เฉลย (บอกว่าอย่าอ่านก่อนไง ไปหาเอาอะไรปิดไว้ก่อนไป)

ขั้นแรก เรามากำหนดให้แต่ละจุดห่างกัน 1 หน่วย ทั้งแนวตั้ง และ แนวนอน

แล้วกำหนดเลขให้แต่ละจุดดังนี้       .1   .2   .3

.4   .5   .6

.7   .8   .9      แล้วก็ตั้งสติดี ๆ

ลากเส้นที่ 1 โดยเริ่มที่จุดที่ 1 ทแยงผ่านจุดที่ 5 ไปยังจุดที่ 9

ลากเส้นที่ 2 จากจุดที่ 9 ไปทางซ้าย ผ่านจุดที่ 8, 7 แล้วเลยไปอีก 1 หน่วย จริง ๆนะ

ลากเส้นที่ 3 ทแยง 45 องศาไปทางจุดที่ 4 ผ่านไปจุดที่ 2 แล้วหยุดบนจุดที่ 3

ลากเส้นที่ 4 ลงมาผ่าน 3, 6, 9 จบแล้ว

     ข้อนี้ ถ้าลากอยู่ในขอบเขต 9 จุด จะไม่มีวันทำได้ตามโจทย์เลย ต้องลากออกมาจากกรอบเท่านั้น ซึ่งจริง ๆ มันก็ไม่มีกรอบซักหน่อย นี่ละครับกระบวนท่า ทำลายกรอบลวงตา

ซึ่งไม่ใช่การแหกกรอบนะครับ เพราะยังไงมันก็มีกรอบอยู่นะ คือ ต้องลากเส้นตรง 4 เส้น ต้องห้ามยกมือ ต้องผ่านทั้ง 9 จุด ถ้าแหกกรอบก็ต้องฝืนกติกานี้ไป ต้องยกมือ ลากเส้นโค้ง แอบยกมือ ซึ่งก็ต้องถือว่าผิดกติกาไป โลกนี้ที่จริงมันก็มีกรอบอยู่เสมอแหละครับ

 

     ข้อที่ 2 มีต้นไม้อยู่ 4 ต้น จะปลูกยังไงให้มีระยะห่างเท่ากันทุกต้น (เช่นเคยอย่าแอบดูเฉลย)

 

เฉลย      ขั้นแรก ปลูก 3 ต้นให้เป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าให้ห่างกันซัก 1 เมตร

ทำเนินในสามเหลี่ยมนั้น ให้ยอดเนินห่างจากต้นไม้ทั้ง 3 ต้นนั้น 1 เมตร แล้วปลูกต้นที่ 4

     ผมเชื่อว่าคนที่คิดไม่ออก จะวาดรูปอยู่ในกระดาษซึ่งเป็น 2 มิติ ซึ่งก็คือกรอบลวงตาในข้อที่ 2 นี้นั่นเอง ซึ่งจะต้องลองวาดเป็น 3 มิติถึงจะคิดได้ตามโจทย์ ถึงตอนนี้ทุกคนน่าจะเข้าใจเรื่องการทำลายกรอบดวงตาแล้วนะครับ ถ้ายังไม่จุใจ แถมอีกข้อ

 

     ข้อ 3 คิดกันเล่น ๆ ถ้าเราจะขับรถลอดใต้สะพาน แต่บังเอิญหลังคารถสูงกว่า

ขอบสะพาน 1 นิ้ว วิธีไหนที่ดีที่สุดที่ทำให้ขับผ่านไปได้

เฉลย งนึดนิงายมลยอล่ป (เรียงตัวหนังสือจากหลังมาหน้าครับ)

 

     ข้อสุดท้าย ไม่ต้องคิดตามก็ได้ (แต่คิดตามก็ดีนะ) ไม่มีถูกผิด มีแปรงสีฟัน 1 อัน นอกจากใช้แปรงฟันแล้วยังทำอะไรได้บ้าง ขัดเล็บ ขัดสร้อย ล้างห้องน้ำ สเตนซิล(เอามาดีดสี) ใช้ดูรสนิยมนิสัย และความซกมกของ เจ้าของแปรง ใช้ประเมินเวลาว่าเจ้าของบ้านออกบ้านไปนานแล้วหรือยัง(ถ้ายังเปียกอยู่แสดงว่าเพิ่งออกไป) ไม่มีคำตอบไหนผิด แต่ทั้งหมดนี้เราก็ยังมองมันเป็นแปรงสีฟัน หรือ เป็นแปรงอยู่ ลองทำลายกรอบลวงตาดูซิ ลองมองมันว่าไม่ใช่แค่แปรงดู

     เอาไปทำปิ่นปักผม ดามนิ้วฉุกเฉินตอนนิ้วหัก เริ่มเข้าท่า แต่พี่จิกจะไปดวงจันทร์ด้วยแปรงสีฟัน ทำยังไง เอามีดเหลาด้ามแปรงสีฟันให้แหลม แล้วเอาไปจี้คอประธานาธิบดีประเทศที่มียานอวกาศ ถ้าไม่ให้ผมไปดวงจันทร์ ท่านประธานาธิบดีมีรูที่คอแน่ คิดไปไกลได้ขนาดนั้น อย่าถามว่าทำไมไม่เอามีดไปจ่อคอเลย ก็บอกแล้วว่ามันมีกรอบอยู่ โจทย์มันให้ใช้แปรงสีฟัน

 

 

ผู้ที่ทำลายกรอบได้สนุกและมีประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติท่านหนึ่งก็คือ อะคิมีดิส Archimedes (คนที่แช่น้ำล้นอ่างแล้วคิดเรื่องการหาปริมาตรวัตถุด้วยการแทนที่น้ำได้ เอ่อ...ตาลุงที่ดีใจแก้ผ้าวิ่งร้องยูเรก้านั่นแหละครับ) สิ่งที่เขานอกกรอบแล้วเรารู้จักกันดีก็คือค่าพายที่เท่ากับ 22/7 ที่เราใช้หาพื้นที่วงกลมกัน

     ที่บอกว่าแกทำลายกรอบได้สนุกก็คือ ถ้าเราจะหาพื้นที่ของวงกลมเราก็หมายความว่าเราหาสิ่งที่อยู่ในวงกลมใช่ไหมละ แต่คุณลุงอะคิมิดิส แกล้ำมากครับ

 

     นี่คือรูปหน้าตา และวิธีการคำนวณหาค่าพายโดยคุณลุง ผมคงไม่มีปัญญาอธิบายได้ว่ามันทำยังไงถึงออกมาเป็น 22/7 ได้ แต่หลักการของลุงแกคือสร้างรูปเหลี่ยมในและนอกวงกลม แล้วมาหาค่าตรงกลางเอา เออเว้ย เอากับลุงสิ นี่จึงไม่น่าแปลกใจว่าถึงแม้ค่าพายที่ลุงอะคิมิดิส คำนวณได้จะยังไม่เป๊ะ (ระหว่าง 223/71 ถึง 22/7) แต่คนก็ยกย่องให้ลุงเป็นหนึ่งในสุดยอดนักคณิตศาสตร์โลก

 

ต่อไปเป็นนิทาน 2 เรื่องรวด 

นิทานหลงทางเรื่อง ปากกาอวกาศ

     กาลครั้งหนึ่ง มีองค์กรหนึ่งชื่อว่านาซา ซึ่งมีหน้าที่หลักคือส่งคนไปทำงานในอวกาศ  อยู่มาวันหนึ่ง นาซาพบว่ามีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งคือปากกามันเขียนในในอวกาศนั้นไม่ได้ เพราะปากกาที่เราใช้กันทุกวันนี้มันอาศัยแรงโน้มถ่วงโลกดึงดูดให้หมึกไหลลงมาสู่กระดาษ แล้วทีนี้ในอวกาศมันไม่มีแรงโน้มถ่วงที่ว่า นาซาเลยทุ่มทุนและระดมมันสมองวิศวกรกันขนานใหญ่ว่าจะทำยังไงให้ปากกาสามารถใช้ได้ในอวกาศ ในที่สุดก็สำเร็จ (แต่หมดงบไปกี่พันล้าน หรือใช้วิธีไหนถึงทำได้อันนี้ผมไม่รู้) แต่เรื่องของเรื่องคือวันหนึ่งมีแม่บ้านคนหนึ่งรู้เรื่องนี้เข้าก็เลยยื่นจดหมายน้อยถึงท่านผู้บริหารนาซาว่า ทำไมท่านไม่ใช้ดินสอกันล่ะคะ จบข่าวครับท่านผู้ชม

นิทานทำลายกรอบเรื่อง รถไฟ

     กาลครั้งหนึ่ง ที่ประเทศแห่งหนึ่ง มีการคิดกันว่าจะทำยังไงดีให้การคมนาคมขนส่งจาก ภาคกลางไปยังภาคต่าง ๆ ของประเทศทำได้โดยสะดวก รวดเร็ว และ ประหยัด ทางรถไฟนั้นขนได้เยอะ ประหยัด แต่ช้าเหลือเกิน ทางเครื่องบินนั้นสะดวกรวดเร็ว แต่ก็แพงเหลือเกิน

     ครั้นจะทำเครื่องบินให้บรรทุกได้เยอะ ๆ ก็เปลือง ทำได้ยากมาก ก็เลยคิดกันว่าทำยังไงให้รถไฟไปได้เร็วพอ ๆ กับเครื่องบิน หรือ ถึงช้ากว่าก็ไม่มากนัก (อย่าลืมว่าเครื่องบินนี่มันต้องตรวจเครื่อง เช็กอิน โหลดสัมภาระ รอกัปตันเข้าห้องน้ำ ฯลฯ บินจริง 20 นาที แต่รวมเวลาขั้นตอนก็หลายชั่วโมงอยู่) มีคนคิดทั้งพัฒนากำลังหัวรถจักรให้มีกำลังแรงขึ้น ทำรางให้ตรงตลอดจะได้ไม่ต้องเลี้ยวให้เสียความเร็ว ใช้ระบบแม่เหล็กไฟฟ้าให้ลดแรงเสียดทาน ต่าง ๆนานา ซึ่งก็เป็นความคิดที่ดีทั้งนั้น และก็ทำให้รถไฟของประเทศนั้นเร็วกว่าเดิมมาก แต่ก็ยังไม่เร็วพอที่จะเทียบได้กับเครื่องบินอยู่ดี

     กลับมาที่หัวข้อนี้ ทำลายกรอบลวงตา ลองนึกถึงขบวนรถไฟดูครับ มันก็จะมี หัวรถจักร ตู้โบกี้โดยสารมาต่อ มีตู้เสบียง มีตู้สินค้า มีตู้ดิเรก(ตลกละ) ต่อกันไปเรื่อย ๆ เป็นขบวน ทำยังไงดีครับ ถึงจะทำลายกรอบลวงตานี้ทิ้งไป เฉลย..เขาติดเครื่องให้ทุกโบกี้ครับ ไม่มีใครเป็นหัวรถจักร ไม่มีใครต้องลากใคร คราวนี้ไปฉิวเลยครับ เจ้ารถไฟ ชินคันเซ็นขบวนนี้

     นอกจากจะสอนเรื่องกรอบแล้ว เรื่องนี้ยังใช้สอนเรื่องการทำงานว่า ถ้ามัวทำตัวเป็นโบกี้รอให้หัวรถจักรมาลากไป ก็จะได้แค่นั้น ทำงานได้มีประสิทธิผล คือ งานสำเร็จ แต่ถ้าทุกคนมีเครื่องเป็นของตัวเองไปได้เอง ไม่ต้องรอใครมาสั่ง งานจะมีประสิทธิภาพแค่ไหน

     สุดท้ายมีคำเตือนมาฝากว่าอย่าได้หลงกรอบ (หรือง่าย ๆ หลงประเด็น) เพราะนอกจากจะไม่ทำให้ความคิดงอกงามแล้ว ยังทำให้เสื่อมถอยด้วย เช่น เด็กชายมัธยมผมรองทรงถามว่า ทำไมต้องตัดผมสั้น ตัดผมสั้นแล้วทำให้เรียนเก่งเหรอ เออ ที่จริงเด็กก็พูดถูกนะตัดผมสั้นแล้วจะเรียนเก่งขึ้นรึไง ไม่ใช่สิ! ที่จริงคือเรื่องให้ตัดผมสั้นนี่มันเป็นเรื่องระเบียบวินัยครับ คือตัดแล้วจะมีวินัยกว่าไม่ตัดครับ ซึ่งเป็นคนละกรอบกับเรื่องเรียน เพราะการเป็นนักเรียนนอกจากเค้าจะให้เรียนให้เก่งแล้ว เค้าฝึกเรื่องอื่นด้วย เพราะคนที่เรียนเก่งแต่ไม่มีระเบียบ ไม่เคารพกฎกติกาสังคม ทำบ้านเมืองฉิบหายมานักต่อนักแล้วครับ

     แล้วถ้าจะพูดจริง ๆ ถ้าฝึกเรื่องเคารพกฎระเบียบ และเป็นคนมีวินัย ก็จะทำให้เป็นคนแบ่งเวลาได้ รู้จักหน้าที่ ซึ่งน้องก็จะกลายเป็นคนรู้จักว่าตอนไหนควรเรียน เล่น ทำการบ้าน หรือเตรียมสอบ น้องก็จะเรียนเก่งขึ้นครับ เข้าใจนะครับ แล้วคราวหน้าอย่าเกรียนอีก

นี่แค่วิธีแรก ยังเหลืออีก 6 วิธีครับ แต่คงไม่ยาวเท่านี้

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 224908เขียนเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2008 15:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

555 ทำไงดีพี่แอบเห็นเฉลยก่อนแล้วสิเลยอดทำลายกรอบลวงตาเลย

ในสังคมของเราบางแห่งยังมีคนชินกับการสั่งและควบคุม

ก็เลยกลายเป็นโบกี้แบบเดิมๆ ต้องมีขบวนนำขบวนตาม...

ก็เลยเคลื่อนขบวนไปกันอย่างช้าๆ ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง

อ่านสนุกดีค่ะ

โอ้ แปรงสีฟันเจ๋งค่ะพี่ร่ม

จะลองเอาไปใช้ดูบ้างดีมั้ย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท