วันที่ ๒๑ ต.ค. ๕๑ ผมไปร่วมประชุม สัมมนาป่าชุมชน ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ครึ่งวัน ผมไปด้วยหลายเป้าหมาย เป้าหมายหนึ่งคือไปดูว่ามีโจทย์วิจัย หรือบทเรียนว่าด้วยการทำงานวิชาการเชิงนโยบายหรือเชิงเทคนิคว่าด้วยป่าชุมชนอย่างไรบ้าง และผมก็ได้หลายคำตอบ เป็นคำตอบที่ผมไม่รู้ว่าถูกหรือผิด และจะได้นำมา ลปรร. ต่อไป
เมื่อกลับมาบ้าน ผมก็เอาเอกสารที่ ศูนย์ฝึกอบรมวนศาสตร์ชุมชนฯ แจก เอามาศึกษา ติดใจเอกสารชื่อ “ร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชนของไทย กลับนโยบายป่าไม้หรือพายเรือในอ่าง” โดย เบรนเนอร์ และคณะ โปรแกรมเศรษฐกิจ-สังคมของการใช้ป่าในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยไฟร์บวก ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันนี จัดแปลและพิมพ์เผยแพร่โดย แผนงานสนับสนุนการดำเนินงานด้านป่าชุมชนในประเทศไทย ศูนย์ฝึกอบรมวนศาสตร์ชุมชน แห่งภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มกราคม ๒๕๔๓
ผมติดใจคำนำของ ดร. สมศักดิ์ สุขวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกอบรมวนศาสตร์ชุมชนฯ ที่ระบุว่าหนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นจากงานวิจัยของ นศ. ป. เอก ชาวเยอรมัน ๖ คน “ซึ่งมีพื้นความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ กัน คือด้านสังคม มานุษยวิทยา ภูมิศาสตร์ เกษตร เศรษฐศาสตร์เกษตร และป่าไม้ ได้เสนอประสบการณ์ของตนที่มีกับป่าชุมชนจากการทำงานในประเทศไทยมายาวนานพอสมควร คนละ ๓ – ๕ ปี และจากการศึกษาวิจัยภาคสนามอย่างเข้มข้นเมื่อปี ๒๕๔๐ การวิจัยของนักศึกษาแต่ละคนมุ่งเน้นแง่ต่างๆ กันของการจัดการทรัพยากรท้องถิ่น และการพัฒนานโยบายป่าไม้ในพื้นที่ต่างๆ ในภาคตะวันตก ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย”
นี่คือตัวอย่างของการวิจัยเชิงนโยบาย ที่มีการตั้งโจทย์ และจัดทีมวิจัยแบบสหวิทยาการที่น่าสนใจมาก น่าจะเป็นตัวอย่างแก่ผู้เกี่ยวข้องกับงานวิจัยได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่เฉพาะงานวิจัยป่าชุมชน แต่เป็นเรื่องๆ สำคัญๆ เชิงนโยบาย ที่มีความซับซ้อน มีมุมมองที่ขัดแย้ง หรือเป็นเรื่องของการแย่งชิงทรัพยากรอย่างเรื่องป่าชุมชน หรือเรื่องอื่นๆ
ผมอยากเห็นประเทศไทยมีการจัดทำโจทย์วิจัย และจัดหา นศ. ป. เอกที่ทำงานเป็นทีม และลงสนามจริงจังอย่างทีมเยอรมันนี้
วิจารณ์ พานิช
๒๑ ต.ค. ๕๑
ขอบพระคุณอย่างสูงครับสำหรับตัวอย่างการสร้างองค์ความรู้ด้วยวิธีสหวิทยาการที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อน กระผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ อยากให้มีการทำงานที่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุจริงๆ(ถึงจะช้าหน่อยแต่ก็คุ้มค่าจริงหรือเปล่าครับ) ไม่ใช่แก้กันแค่เฉพาะหน้าแล้วก็ต้องรอรุ่นต่อไปเข้ามาแก้กันต่อไปเรื่อยๆ แทนที่จะได้พัฒนาก็กลายเป็นการย่ำอยู่กับที่หรือถอยหลังกลับไปอีก แล้วเมื่อไหร่จะได้มีเวลาคิดทำอะไรที่ใหม่ๆขึ้นไปกันหละครับ