นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 18 พ.ย. จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเปลี่ยนกรอบการจัดทำงบประมาณกลางปี 2552 ที่สำนักงบประมาณเสนอมาใหม่
รมว.คลัง กล่าวต่อว่า จะขอเปลี่ยนแปลงและปรับลดงบในบางโครงการ เช่น โครงการถนนทางหลวงชนบทปลอดฝุ่นที่ตั้งไว้ 4.3 หมื่นล้านบาท อาจจะต้องปรับเพิ่มขึ้นเพื่อให้เกิดการสร้างงาน แต่จะต้องไปหารือกับ รมว.คมนาคม ว่าจะเพิ่มหรือลดอย่างไร สำหรับเงินเพิ่มทุนธนาคารเอสเอ็มอีแบงก์ 2,000 ล้านบาท นั้นจะไม่ปรับลดเพราะต้องการให้ธนาคารเร่งขยายสินเชื่อเพิ่มอีก 1 หมื่น ล้านบาท เช่นเดียวกับการจัดสรรงบเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพข้าราชการระดับล่าง 2.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่โครงการเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนการสงเคราะห์เบี้ยยังชีพคนชรา 6,000 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 1,000 ล้านบาท ใช้ในโครงการบ้านมั่นคง 1,000 ล้านบาท และโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 1,000 ล้านบาท อาจต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดรับกับแผนการสร้างงาน สร้างอาชีพ และความคล่องตัวในการเบิกจ่าย
น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการที่เสนอใช้งบ 1 แสนล้านบาท ต้องเป็นโครงการที่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภาย 9 เดือนนับจากนี้ และต้องเบิกจ่ายเม็ดเงินทั้งหมดได้ภายในเดือน ก.ย. 2552 เท่านั้น จึงไม่สมควรเสนอโครงการที่มีงบก่อสร้างที่ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานนานกว่า
จะแล้วเสร็จ
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า โครงการที่สำนักงบฯ เสนอมานั้นเป็นกรอบกว้าง ๆ ที่มีการเสนอ
เพื่อขออนุมัติจาก ครม. แต่เมื่อนายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงโครงการต่าง ๆ ที่ประชุมจึงคัดค้านและขอให้ปรับเปลี่ยนกรอบใหม่ ทั้งนี้ เพราะมีหลายโครงการที่เสนอมาแล้วเบิกจ่ายยาก ไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ
ที่เข้าสู่ภาวะถดถอย จึงมีข้อเสนอให้ปรับเปลี่ยนให้เบิกจ่ายได้ง่ายขึ้น และเพื่อรับกับสถานการณ์ทางการเมืองด้วย จึงได้มอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นแกนหลักในการปรับเปลี่ยนโครงการโดยให้เพิ่มส่วนที่ลงไปในท้องถิ่น ชนบท อีก 10-15%
โพสต์ทูเดย์ เดลินิวส์ ไทยโพสต์ คม ชัด ลึก 6 พฤศจิกายน 2551
ไม่มีความเห็น