แต่ก่อนแต่ไรเราก็มีสองคน
แต่วันหนึ่งก็มีเจ้าขึ้นมาแทรกตรงกลางระหว่างเรา
เธอเป็นโซ่ข้อกลางคล้องใจเราสอง
เราเรียกเธอว่า “ซอมพอ”
“พอ” คือความพอเพียง และเพียงพอ
นี่เป็นสิ่งเตือนใจเราสองคน
จากเล็กๆ เราเฝ้าดูทะนุถนอม
จวบจนวันวานผันผ่านไป วันแล้ววันเล่า
จนเจ้าเติบใหญ่
พูดจาฉะฉาน
มีคำถามมากมายที่เธอปุจฉา
ทำไม ทำไม ทำไม และทำไม ?
ทำไมคุณพ่อถึงหน้าบึ้ง
อ๋อเหรอ พ่อขอโทษ พ่อเผลอไป
บางทีพ่อก็เหน็ดเหนื่อย หงุดหงิด เลยหน้าบึ้ง
เธอบอกว่าไม่หล่อเลย
ทำไมคุณพ่อไม่ยิ้ม
พ่อถามกลับว่า อยู่เฉยๆ ทำไมต้องยิ้มด้วยล่ะ
เธอบอกว่า ถ้าไม่ยิ้มหน้าจะหล่อได้อย่างไร
เออ จริงแท้หนอ หล่อ ไม่หล่อ อยู่ที่ยิ้มหรือไม่ยิ้ม
บางคราเราเผลอไปว่าเราต้องสอนลูก
แต่มาตรองนึกว่าใครสอนใครกันแน่
เราสอนลูก ลูกสอนเรา
นี่คือความจริงแท้
ความแท้จริง
ไม่มีใครสอนใคร หากแต่ใครเรียนรู้ใคร
ลูกคือกระจกเงาสะท้อน
เราสอนเขา เขาสอนเรา
เราสอนตัวเราเอง
พ่อน้องซอมพอ
๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
เราอยากให้ชีวิตของลูกเรามีแต่รอยยิ้มในทุก ๆวัน
พ่อแม่ก็ควรยิ้มรับทุก ๆ วัน น่ะสิค่ะ
ดีมากเลยค่ะ ยิ้มน่ะค่ะคุณพ่อ
โชคดีมีความสุขค่ะ
ครับ พยายามฝึกตนเองให้ยิ้มในทุกสถานการณ์ครับ