สงฆ์ หรือ คณะ
คำว่า “สงฆ์” หรือ “คณะ” ทางวรรณคดีบาลีหมายถึง “กลุ่ม” หรือ “หมู่” เช่น หมู่เทพ หมู่ชน หมู่สัตว์ และอาจหมายถึงกลุ่มบุคคลทางการเมือง กลุ่มบุคคลทางอาชีพได้ด้วย
ในครั้งพุทธกาลนิยมหมายถึงกลุ่มบุคคลทางศาสนา ไม่ว่าจะเป็นนักบวชที่นิยมจาริกหรือนักบวชอยู่ประจำตามหมู่บ้าน ประจำเมือง และยังหมายถึงบุคคลในสำนักปรัชญาต่าง ๆ ได้ด้วยแต่ละกลุ่มมีแบบประพฤติปฏิบัติเป็นของตนเอง มีแบบการแต่งกาย มีสัญลักษณ์ ของแต่ละหมู่แต่ละกลุ่มโดยเฉพาะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำว่า “สงฆ์” ในครั้งพุทธกาลนั้นนิยมหมายถึงกลุ่มบุคคลทางศาสนา มีวินัยเป็นหลักปฏิบัติ มีแนวชีวิตเป็นของเฉพาะกลุ่ม ดังนั้น คำว่า “สงฆ์” จึงมีการให้คำนิยามไว้ว่า “คือกลุ่มบุคคลที่เสมอกันด้วย ศีล และทรรศนะ” หมายความว่า การมีศีลเสมอกัน และการมีทรรศนะที่ถูกต้องตรงกัน เป็นคุณสมบัติของสงฆ์ เพราะคำว่า “สงฆ์” มีความหมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความสามัคคีกลมกลืนกัน ถ้าเห็นต่าง ๆ กัน มีความขัดแย้งกัน ไม่ตรงกับคำว่า สงฆ์ ที่แปลว่า หมู่ หรือ กลุ่ม
คำว่า “คณะ” ใช้กันกว้างขวาง เช่น คณะรัฐมนตรี คณะกรรมาธิการ คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะนักแสดงต่าง ๆ ที่นำมาใช้ทางการศึกษา เช่น คณะนิติศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ เป็นต้น ตามกลุ่มของวิชาที่กำหนดให้ศึกษาซึ่งมีการเน้นหนักต่าง ๆ กัน
ส่วนคำว่า “สงฆ์” เป็นคำเฉพาะคำหนึ่งในพระพุทธศาสนา มีความสำคัญควบคู่กับพระพุทธและพระธรรม เป็นส่วนหนึ่งในพระรัตนตรัย หมายถึง พระสาวกของพระพุทธเจ้า นับตั้งแต่พระอัญญาโกณฑัญญะเป็นต้นมา หรือนับตั้งแต่พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ เป็นต้นมาอยู่ในฐานะเป็น “สถาบัน” ทางฝ่ายพระสาวกเรียกว่า “ภิกษุสงฆ์” ทางฝ่ายพระสาวิกา เรียกว่า “ภิกษุณีสงฆ์” ใครทำสงฆ์ให้แตกความสามัคคี จัดว่าเป็น “อนันตริยกรรม” คือเป็นกรรมหนัก เป็นบาปหนักที่ไม่มีสิ่งใดจะขัดขวางผลของมันได้ เพราะฉะนั้น คำว่า “สงฆ์” จึงนิยมเรียกกลุ่มบุคคลในพระพุทธศาสนา มากกว่ากลุ่มบุคคลอื่นในลัทธิศาสนาใด ๆ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัย ที่เป็นหลักสูงสุดของพระพุทธศาสนา ถึงแม้จะมีการนำคำว่า “สงฆ์” ไปใช้ในลัทธิอื่นบ้าง ก็ไม่มีความหมายสำคัญเท่ากับที่ใช้ในพระพุทธศาสนา
พิธีกรรมที่สำคัญ ๆ ของพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เรียกว่า “สังฆกรรม” แปลว่ากรรมของสงฆ์ คือเป็นงานของหมู่ของส่วนรวมที่ต้องพร้อมเพรียงกันทำ และต้องทำให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในพระวินัย เช่น อุโบสถกรรม คือการประชุมสวดปาฏิโมกข์ทุกกึ่งเดือน ปวารณากรรม คือกรรมที่ต้องทำในวันออกพรรษา อุปสมบทกรรม คือพิธีรับบุคคลใหม่เข้าหมู่เข้าสถาบัน เหล่านี้เป็นเรียกว่าสังฆกรรมทั้งสิ้น พระพุทธเจ้าทรงมอบให้สงฆ์เป็นเจ้าของพิธีกรรมในครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าประทับเป็นประธาน เมื่อศาสนาขยายออกไปทรงมอบให้สงฆ์มีความสำคัญอย่างสมบูรณ์ แม้พระองค์ไม่ได้ประทับเป็นประธานในที่ประชุมก็ตาม คำว่า “สงฆ์” จึงเป็นชื่อของสถาบันทางพระพุทธศาสนาสืบมาถึงบัดนี้
นอกจากนี้ยังมีคำอื่น ๆ อีกมากที่มีความหมายถึงกลุ่มบุคคล เช่น กลุ่มนักแสดงกลุ่มนักฟ้อน กลุ่มนักกีฬา กลุ่มนักกายกรรม เป็นต้น มีความหมายในทางที่มีอาชีพเดียวกันมากกว่าที่หมายถึงศีลธรรม ความเชื่อถือ และทรรศนะทางจิตใจ สรุปว่า ไม่มีคำใดที่มีความหมายพิเศษไปกว่าคำว่า “สงฆ์” ที่เป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัย
**************************************************************************
ข้อมูลที่ใช้ในการเรียบเรียง : พุทธปรัชญาเบื้องต้น (รศ.สุวรรณ เพชรนิล)
ไม่มีความเห็น