ทำบุญเหมือนกัน ไฉน ได้บุญไม่เท่ากัน


 

...บุญ  ๓ แบบ...

อาทิตย์จันทร์ อังคาร และวันพุธ

ครบทั้งชุด พฤหัสบดี มีศุกร์เสาร์

ทั้ง 7 วัน หมุนสลับ รับใช้เรา

ทุกค่ำเช้า เราควรเพิ่ม เสริมความดี

 

บ่อเกิดของบุญในพระพุทธศาสนา นั้นโดยย่อมี 3 ประการ คือ

๑.  การให้ทาน

๒.  การรักษาศีล

๓. การเจริญภาวนา

บุคคล

ทำบุญด้วยการให้ทานนั้นก็มี ๓ แบบ คือ

ประเภทที่ ๑ ทำบุญแบบอาบน้ำโคลน

ประเภทที่ ๒ ทำบุญแบบอาบน้ำหอม

    ประเภทที่ ๓ ทำบุญแบบอาบน้ำบริสุทธิ์

              ทำบุญแบบอาบน้ำโคลน คือ ทำบุญด้วยจิตใจที่สกปรก จัดงานทำบุญ แต่หมกมุ่นไปด้วยอบายมุข สิ่งไม่ดี ทำไปแล้วก็ไม่มีอานิสงส์ เหมือนกับเรา อาบน้ำโคลน ยิ่งอาบก็ยิ่งสกปรก

               ทำบุญแบบอาบน้ำหอม คือ ทำบุญประเภท ทำแล้วหวังเด่น หวังดัง หวังชื่อเสียง เกียรติยศ ถ้าไม่ได้ชื่อเสียง ก็ไม่อยากทำ

              ทำบุญแบบอาบน้ำบริสุทธิ์ คือ ทำบุญด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์  ทำบุญเพื่อบุญ อย่างโยมพ่อโยมแม่มาทำบุญ วันนี้มาทำบุญ เพื่อบุญ ทำบุญเพื่อตุนเอาความดี  มีจิตใจที่บริสุทธิ์ ทำแล้วย่อมมีอานิสงส์บุญมาก เหมือนกับเราอาบน้ำที่สะอาดบริสุทธิ์ ยิ่งอาบ ก็ยิ่งสะอาด

             แล้วคุณๆละค่ะ ทำบุญแบบไหน???

 

แฮะ!! ขอยกมือสารภาพค่ะ ว่าที่ผ่านมาจ๊ะชอบทำบุญแบบอาบน้ำหอมเป็นส่วนใหญ่ อิ อิ

อย่างตอนประถม พอจังหวะจะใส่เหรียญในซองผ้าป่า ต้องคอยมองก่อน รอให้เพื่อนมากันเยอะๆ ถึงจะใส่ กลัวไม่มีใครรู้ค่ะ ว่าเราก็ใจบุญ ฮ่า ฮ่า ...

อีกครั้งก็ตอนเริ่มรักษาศีลอุโบสถ ครั้งแรกที่ต้องอดมื้อเย็น ในใจก็ชอบเผลอคิดไปว่า ฮือ! อยากให้ชาวบ้านชาวเมืองเขารู้จัง ว่าเราเจ๋ง.. ลงทุนอดข้าวเย็นเพื่อรักษาศีล ไม่ใช่ใครก็ทำได้นะ แฮะๆ

คิดอยู่อย่างนี้ ผลบุญที่น่าจะเยอะประมาณแม่น้ำตาปี คงหดเหลือแค่น้ำหนึ่งแก้วที่พอให้ดื่มเพื่อดับกระหายเท่านั้น เฮอ

นี่ไงล่ะค่ะ พระท่านถึงบอกว่า เจตนาคือกรรม

เจตนาทำบุญเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาหรือเพื่ออบรมจิตใจให้ห่างจากกิเลส ย่อมก่อกรรมดี สว่างไสวกว่า เจตนาทำบุญเพื่อหวังความนับหน้าถือตา หวังรวย หวังสวย หวังหล่อ นะค่ะ

ดูไปดูมาเวลาเราทำบุญกันก็มักจะขอพรแบบเอากิเลสใส่ตัวกันทั้งนั้น แฮะ ผิดวัตถุประสงค์ของการทำบุญชนิดจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยค่ะ ท่านผู้ชม ไหงเป็นงี้

แล้วที่ผ่านมา จ๊ะจะทำบุญไปทำไมเนี่ย เฮ้อ เศร้าใจ...

ท่านผู้อ่านที่น่ารัก อย่าเป็นเหมือนจ๊ะนะค่ะ ที่เป็นอยู่ก็ปรับเปลี่ยนซะ

ก่อนทำบุญนั้น ลองสำรวจในใจก่อน ว่าบุญครั้งนี้ทำเพื่อสละกิเลสส่วนเกิน หรือทำเพื่อทำนุบำรุง เลี้ยงกิเลสเอาไว้

ง่ายๆคือ หากขณะทำ คิดถึงแต่ตัวเอง บุญครั้งนี้จะทำให้ชั้นได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ อันนี้ก็มีแนวโน้มจะทำบุญเพื่อบำรุงกิเลสของตน

แต่หากขณะทำ ใจคิดถึงแต่ผู้ที่จะได้รับทานของตน เช่น ขณะบริจาคเสื้อผ้าก็คิดถึงรอยยิ้มของผู้รับ ขณะหลีกเลี่ยงการพูดคำเท็จ ก็รู้สึกภูมิอกภูมิใจว่าได้ให้ความจริงกับผู้อื่น หากทำได้อย่างนี้ด้วยความจริงใจ ไม่เสแสร้งแกล้งทำ ก็มั่นใจได้เลย ว่าบุญครั้งนี้จะได้ผลสมน้ำสมเนื้อ กับจิตใจที่ใสสะอาดขณะลงมือทำ

อืม!! คุณผู้อ่านทราบเทคนิคการทำบุญให้ได้บุญไปแล้ว...ก็อย่าลืมนำไปใช้นะค่ะ

เจริญในธรรมค่ะ


หมายเลขบันทึก: 214796เขียนเมื่อ 7 ตุลาคม 2008 20:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เป็นกำลังใจให้..กับการทำความดีค่ะ สู้ๆ

ที่สำคัญ..อย่าลืมทำบุญเผื่อแผ่ให้คุณพ่อ-คุณแม่ด้วยนะคะ!

เช่น การสวดมนต์ ,การนั่งวิปัสสนา ฯลฯ ท่านจะได้รับและมีความสุขจริงๆค่ะ ^__^

ทำบุญเผื่อพ่อกับแม่เหรอค่ะ ได้เลยค่ะ

งั้นความสุขจากผลบุญที่ไดจากการเขียนธรรมทานครั้งนี้ จ๊ะขอเผื่อให้พ่อแม่ และท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกคนด้วยเลย แฮะๆ บุญจะหมดไหมนี่...

อือ ไม่น่าจะหมดนะค่ะ จ๊ะเคยรู้มาว่า การแผ่เมตตา เปรียบได้กับการให้เปลวไฟจากเทียนของเราให้คนอื่นเอาเทียนมาต่อ....

เพราะฉะนั้นถ้ามีคนเอาเทียนมาต่อสักร้อยเล่มพันเล่มหมื่นเล่ม..จนเป็นแสนเป็นล้านเล่ม เทียน (บุญ) ของเราก็ไม่มีวันหมด อีกทั้งบุญกุศลยังจะเพิ่มขึ้นด้วย

จ๊ะดีใจที่ได้กำลังใจจากท่านผู้อ่านค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท