สร้างภูมิคุ้มกัน: วัดชลประทานฯ 5 ตุลาคม 51


“ขยัน แบ่งปัน ยามรุ่งเรืองไม่ลุ่มหลง ยามเสื่อมไม่ท้อถอย”

วันอาทิตย์นี้ พระอาจารย์สุรศักดิ์ฯ แสดงปาฐกถาธรรมเรื่อง ชีวิตที่มีคุณภาพ ที่ประกอบด้วย พลังกาย พลังจิต และพลังสติปัญญา ตอนที่ผู้เขียนไปถึงวัดท่านบรรยายถึงช่วงปลายๆ ของ พลังจิต ประเด็นสำคัญคือ จิตที่แน่วแน่มั่นคง ใจที่จดจ่ออยู่กับการงาน และพุทธภาษิตที่ว่า บัณฑิตไม่แสดงอาการขึ้นลง ท่านขยายความคุณลักษณะของบัณฑิตว่าต้อง ขยัน แบ่งปัน ยามรุ่งเรืองไม่ลุ่มหลง ยามเสื่อมไม่ท้อถอย

 

ส่วน พลังสติปัญญา ท่านบอกให้ใช้ ปัญญา คู่กับ ความสุจริต สอนพุทธสุภาษิตว่า ผู้ใช้ปัญญาเพียงเพื่อประโยชน์ตน เป็นคนใช้ไม่ได้ และ การศึกษาคือการประหารเสียซึ่งสัญชาติญาน อย่างสัตว์

 

เนื่องจากวันอาทิตย์นี้ตรงกับวันที่มีการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ท่านจึงเทศน์สอนเรื่อง ประชาธิปไตยนิดหน่อยด้วย ท่านบอกว่าแต่ละครอบครัวควรมีส่วนร่วมสร้างสำนึกประชาธิปไตยขึ้นในบ้านของตนเอง ท่านบอกว่าการเคยชินกับประชาธิปไตยในแบบที่ เสียงข้างมากเป็นใหญ่ ให้ลองคิดในมุมของ ประโยชน์ของส่วนรวมเป็นใหญ่ ท่านให้พ่อแม่ฝึกลูกหลานให้มีสำนึกต่อส่วนรวม โดยการมอบหมายงานอะไรซักอย่างที่เป็นประโยชน์ส่วนรวมของทุกคนในบ้านให้เขาฝึกทำอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่เด็ก

 

จากเรื่องประโยชน์ส่วนรวมนี้ ท่านเชื่อมโยงไปถึงเรื่อง ทรัพยากร ท่านกล่าวถึงถ้อยคำของ ท่านมหาตมะคานธี ซึ่งผู้เขียนจำได้ไม่ครบถ้วนทุกคำ แต่ใจความหลักประมาณว่า ทรัพยากรในโลกนี้มีไว้เพียงพอสำหรับแบ่งปันกัน แต่ไม่พอสำหรับคนโลภเพียงคนเดียว ท่านพูดถึง ขโมย อีกประเภทหนึ่ง คือพวกที่ กินเกิน อยู่เกิน ใช้เกิน สะสมเกิน

 

สุดท้ายท่านให้พิจารณาประโยคสามประโยค คือ ฉันต้องการความสุข ฉันอยากได้ความสุข และ ฉันปรารถนาความสุข ท่านบอกว่าระหว่าง ฉัน กับ ความสุข มันอยู่ไกลกันเพราะมีความ ต้องการ อยากได้ และ ปรารถนา กั้นขวางอยู่ ท่านว่าถ้าตัดทั้งสามอย่างนั้นทิ้งเสียได้ "ฉัน" กับ "ความสุข" ก็ใกล้กันมากขึ้น และถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นไปอีกก็ไม่ควรมี "ฉัน"

 

รูปแบบการแสดงปาฐกถาธรรมของ "พระอาจารย์สุรศักดิ์ฯ" ในวันนี้ เป็นการยกพุทธสุภาษิต คำกลอนสอนธรรม ประโยคหรือถ้อยคำของบุคคลสำคัญ มาเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของผู้คนและสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน ผู้เขียนเองได้มีโอกาสมองเห็นบางแง่บางมุมของหลายสิ่งหลายอย่างในมุมมองที่อาจไม่เคยคิดพิจารณามาก่อน ทำให้มีเรื่องที่ต้องกลับมาย้อนทบทวนและเตือนตนอยู่เสมอๆ ... ธรรมะ กับ KM เหมือนกันตรงที่ แค่เพียงรู้แล้วไม่นำสู่การปฏิบัติก็ไม่เกิดผล และการนำสู่การปฏิบัติให้เกิดผลก็ต้องใช้ความตั้งใจพยามยามสูงมากๆ เช่นกัน

 

วันอาทิตย์นี้ญาติโยมที่มาทำบุญค่อนข้างบางตา สังเกตว่าช่วงที่พระบวชใหม่เยอะก็จะมีญาติโยมตามมาทำบุญเยอะ พอพระใหม่สึกไปผู้คนก็บางตาลง เหลืออยู่แต่ขาประจำจริงๆ

 

วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม 51 เป็นวันครบรอบหนึ่งปีการมรณภาพของ หลวงปู่ปัญญานันทภิกขุ ทางวัดจัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระ และเชิญชวนญาติโยมร่วมทำบุญด้วย ท่านเน้นว่าการร่วมทำบุญเพื่อ หลวงปู่ฯ ให้ทำตามกำลังของแต่ละคน ทำเท่าที่สบายใจ และการทำบุญเพื่อ หลวงปู่ฯ ที่ดีที่สุดคือ การประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งสอนของท่านที่สอนให้ คิดดี ทำดี พูดดี คบคนดี และไปสู่สถานที่ดี

 

ปลาทูแม่กลอง

5 ตุลาคม 2551

หมายเลขบันทึก: 214361เขียนเมื่อ 6 ตุลาคม 2008 14:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม 2012 23:33 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท