สมุนไพต้านมะเร็ง


สมุนไพรต้านมะเร็ง

ในร่างกายคนเรา ย่อมมีเซลล์ที่จะเป็นมะเร็งกันทุกคน แต่อยู่ที่ปัจจัยแวดล้อมต่างๆ เช่น มลภาวะของอากาศ,อาหารการกินที่เราบริโภคเข้าไปและความเครียดต่างๆที่เกิดกับตัวเราจะส่งผลให้เซลล์นั้นมีรูปร่างผิดปกติ เมื่อเซลล์ผิดปกติก็จะทำงานได้ไม่เต็มที่ โดยจะไปเกาะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย มีการสร้างเส้นเลือดฝอย และเส้นเลือดฝอยนี้จะนำเลือดไปเลี้ยงเซลล์ที่ผิดปกตินั้น ให้เจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าปกติ

ดื่มชาจีนต้านมะเร็ง

นักวิทยาศาสตร์หลายคนในสหรัฐอเมริกามีความเชื่อเช่นนั้น นักวิจัยกลุ่มหนึ่ง นำโดยศาสตราจารย์อัลแลน คอร์เน ประจำอยู่ที่ Rutgers University ได้แถลงว่า มีสารชนิดหนึ่งที่พบในชาดำและชาเขียว สามารถหยุดยั้งสารก่อให้เกิดมะเร็งในกระแสโลหิตได้ การศึกษามีสมมุติฐานและข้อมูลที่พบว่า ในหมู่ชาวญี่ปุ่นมีความเสี่ยงน้อยในการเป็นโรคมะเร็ง เรื่องนี้ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารชื่อ Cancer Reserch ฉบับเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๗

ซึ่งนักวิจัยด้านโรคมะเร็งคือ ดร. จอห์น ไวส์เบอเกอร์ จากมูลนิธิเพื่อสุขภาพของชาวอเมริกัน (American Health Foundation) กล่าวว่า หนูที่ได้รับน้ำชาในสัดส่วนที่คนได้ดื่ม จะแสดงผลต่อต้านกับตัวก่อมะเร็งในตับอ่อน ลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเต้านม เขายังกล่าวด้วยว่า ”ถ้าท่านดื่มน้ำชาวันละ 6 ถ้วยต่อวัน ชาจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นมะเร็งได้” และรายงานยังกล่าวว่า ชาจะให้ประสิทธิผลน้อยถ้าต้มในน้ำเดือดเกินไป หรือถ้าเราใส่นมลงไป


ลูกพรุนป้องกันมะเร็ง

มีผลวิจัยเกี่ยวกับสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้เซลล์เกิดความผิดปกติกลายเป็นเซลล์มะเร็ง พบว่า ในพืชผักต่างๆ โดยเฉพาะ " ลูกพรุน" มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าอย่างอื่น รองลงมาคือ ลูกเกด ผลแบรี่สีน้ำเงินเข้มและสีดำ ผักตระกูลกระหล่ำ สตอเบอรี่ และผักโขม ทั้งในผักผลไม้ที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก ผู้ที่ชอบรับประทานผัก ผลไม้ มักไม่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและมะเร็ง

แอปเปิ้ล

-บำรุงหัวใจ

-ลดโคเลสเตอรอลในเลือด

-ลดความดัน

-ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด

-ลดความอยากอาหาร

-ช่วยกระตุ้นการทำงานของสารปกป้องมะเร็ง

-น้ำแอปเปิ้ลฆ่าเชื้อไวรัสได้


องุ่นฆ่าเชื้อโรคได้??

องุ่นมีสารทำลายเชื้อไวรัส(แต่ยังไม่มีใครกล้ายืนยัน ) ต่อต้านมะเร็งได้ ผลการศึกษาผู้สูงอายุในอเมริกา พบว่า องุ่นเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่คนชราที่ไม่เป็นมะเร็งนิยมรับประทาน ส่วนคนที่เป็นมะเร็ง พบจากการสัมภาษณ์ว่า ไม่ค่อยชอบทานองุ่น


แครอทกับการรักษาโรค

ความสัมพันธ์ระหว่างแครอทกับการต้านมะเร็งนั้น สถาบันมะเร็งแห่งชาติได้พบว่า เรตินอล (Retinol ) วิตามินเอ ที่ได้จากสัตว์สามารถระงับมะเร็งในทางเดินหายใจในหนูทดลองได้ ซึ่งแครอทเป็นพืชที่ถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกายมนุษย์

" อาหารที่มีเบต้าแคโรทีน สามารถลดการเกิดโรคมะเร็งในปอดได้"และยังสามารถป้องกันยับยั้งมะเร็งในระยะต่างๆได้

รู้ไหม ว่า ถ้าคนที่สูบบุหรี่ หันมาบริโภคอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนสูง จะช่วยให้คนประมาณ 15000-20000 คน รอดตายจากมะเร็งปอดต่อปี


ถั่วเหลือง

ผลงานวิจัยออกมาว่า ผู้หญิงที่ดื่มนมถั่วเหลืองจะทำให้ระดับฮอร์โมนเพศหญิง "เอสโตรเจน" และ "โปรเจสเตอโรน" อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งการลดลงของเอสโตรเจนช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งทรวงอกได้


ลูกเดือย

มีฤทธิ์ ทำให้เซลล์มะเร็งเกิด apoptosis
เซลล์ในร่างกายของคนเรานั้นมีการตาย 2 แบบคือ การตายแบบอะพอโตซิส (Apoptosis) ซึ่งไม่ทำให้เนื้อเยื่อรอบๆ เซลล์นั้นอักเสบหรือเสียหาย แต่มีการตายอีกแบบหนึ่งคือการตายแบบนีโครซิส (Necrosis) ที่ทำให้เนื้อเยื่อรอบๆ เกิดการอักเสบและเสียหาย ซึ่งปัญหาอย่างหนึ่งของยารักษามะเร็งคือนอกจากจะฆ่าเซลล์มะเร็งแล้วยังทำลายเซลล์ที่ยังดีๆ ในร่างกายไปด้วย


เปลือกมังคุด

โดยสารสกัดจากเปลือกมังคุดมาทดสอบฤทธิ์ในการฆ่าเซลล์มะเร็งด้วยการเหนี่ยวนำให้เซลล์เกิดการตายแบบอะพอโตซิส (apoptosis ) ทั้งนี้ผลจากการทดลองที่วัดด้วยค่า IC50 ซึ่งเป็นค่าบอกความเข้มข้นที่สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ครึ่งหนึ่งนั้นแสดงให้เห็นว่ามังคุดมีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์มะเร็งได้ดี คือประมาณ 4 มิลลิกรัมก็สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้ถึงครึ่งของเซลล์มะเร็งทั้งหมด

ในเมืองไทยใช้เปลือกมังคุดตากแห้งฝนกับน้ำดื่มแก้อาการท้องเสีย และน้ำต้มของเปลือกมังคุดแห้งใช้รับประทานแก้บิดมานานนับศตวรรษ สารโปรแอนโทรไซยานินที่ไม่มีสีนั้น มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่สูงมาก นอกจากพบในเปลือกมังคุดแล้ว ยังพบมากในเม็ดองุ่น ปัจจุบันมีผู้ใช้ความฝาดของเปลือก มังคุดทำไวน์เปลือกมังคุด โดยใช้เปลือกมังคุดครึ่งกิโลกรัม ในการทำไวน์มังคุด 20 กิโลกรัม เพื่อช่วยให้รสไวน์จับลิ้น และหวังผลในแง่การต้านอนุมูลอิสระ

และนอกจากสารพวกแทนนินแล้วในเปลือกมังคุดยังมีสารตัวอื่นที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย การที่สารต้านอนุมูลอิสระนั้น ก็หมายความว่า หากใช้ใน ปริมาณที่เหมาะ สามารถใช้ชะลอความชราของเซล และช่วยทำลายสารพิษที่จะมาทำร้ายเซลได้


เปลือกมังคุด
-ป้องกันการเกิดเนื้องอกและมะเร็ง
- เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค
- ชะลอความชรา
- ต้านอนุมูลอิสระ
- ต้านเชื้อไวรัส
- ต้านเชื้อแบคทีเรีย
- ต้านเชื้อรา

เปลือกทับทิม

ในเปลือกทับทิมมีสารในกลุ่มแทนนินสูง 22-25% โดยประกอบด้วยสารแทนนินในกลุ่ม มี Gallotannin เปลือกทับทิมตากแห้งใช้เป็นยาแก้ท้องเดินและโรคบิดได้ นอกจากนี้ยังพบสารแทนนินในกลุ่ม Ellagictannin ในปริมาณสูงสารในกลุ่มนี้มีคุณสมบัติเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระที่ดี โดยมีสรรพคุณลดอาการอักเสบ ทั้งยังมีฤทธิ์ต่อต้านมะเร็งกว่า 13 ชนิด ไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ เป็นต้น

นอกจากนี้ยังพบว่ามีคุณสมบัติในการทำลายเซลล์มะเร็งหลอดอาหาร และลำไส้ใหญ่ ซึ่งพบว่าการให้กรดเอลลาจิกกับสัตว์ทดลอง สารดังกล่าวจะไปเร่งการเจริญของเซลล์มะเร็งแบบอะมอพโดซีส (Amoptosis) ทำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลายโดยกลไกการแตกตัวของตัวมันเองได้

คนทั่วไปมักจะคิดว่า “เปลือกทับทิม” ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นหลังแกะเปลือกรับประทานเมล็ดด้านในแล้ว จึงเอาเปลือกทิ้ง ซึ่ง ในตำรายาจีน “เปลือกทับทิม” นั้นมีคุณค่าทางยา สามารถนำไปตุ๋นกับไก่รับประทานช่วยรักษาโรคได้

รศ.ดร.ศิริพร กล่าวว่า สารสำคัญที่พบในเปลือกผลไม้ เป็นสารประกอบในกลุ่มโพลีฟีโนลิก (olyhenolic) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง ที่สามารถช่วยป้องกันการสะสมสารอนุมูลอิสระ โดยหากร่างกายมีการสะสมสารอนุมูลอิสระมากเกินไป ก็จะก่อให้เกิดภาวะแก่ก่อนวัย หรือบางรายร้ายแรงถึงขั้นเป็นมะเร็งได้เนื่องจากสารอนุมูลอิสระเมื่อไปจับกับเซลล์ชนิดอื่นๆ ในร่างกาย ก็จะทำลายเซลล์นั้นๆ หรือเกิดภาวะการแบ่งตัวมากผิดปกติ เช่น หากไปจับกับเซลล์โปรตีนหรือคอลลาเจนที่ผิวหนังก็จะเกิดการแบ่งเซลล์มากผิดปกติ จนทำให้ผิวหนังเหยี่ยวย่น เป็นต้น

“ผลวิจัยพบว่าสารสกัดจากเปลือกผลไม้ แต่ละชนิดมีฤทธิ์ในการต้านสารอนุมูลอิสระแตกต่างกัน โดยเปลือกมังคุด เปลือกทับทิม และเปลือกเงาะ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมากที่สุด แต่เมื่อนำมาทดสอบความเป็นพิษกับเซลล์เม็ดเลือดขาวปกติในหลอดทดลอง พบว่าเปลือกมังคุดมีสารที่เป็นอันตรายต่อเซลล์ปกติอยู่มาก ส่วนเปลือกทับทิมจะมีสารที่เป็นอันตรายรองลงมา และเปลือกเงาะพบสารที่เป็นอันตรายต่อเซลล์ปกติน้อยมาก”

รศ.ดร.ศิริพร กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม การที่เปลือกมังคุดมีสารที่เป็นพิษอยู่มาก อาจเพราะตัวทำละลายเอทานอล ได้สกัดเอาสารส่วนอื่นๆ ซึ่งไม่ต้องการออกมาด้วย ดังนั้นทีมวิจัยจึงกำลังพัฒนากระบวนการสะกัดเพื่อให้ได้สารต้านอนุมูลอิสระที่บริสุทธิ์มากขึ้น

วุ้นว่านหางจระเข้

เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง หลายสายพันธุ์ พบว่าไม่มีผลต่อเซลล์ปกติ แต่กลับทำให้เซลล์จับตัวกัน แต่มีผลต่อเซลล์มะเร็ง


ลูกยอ

- ทำให้เกิด apoptosis cprogramned cell death ของ Capillary network
ระบบในร่างกายจะสั่งให้เซลล์มะเร็งตาย จะทำให้เส้นเลือดฝอยตาย เลยทำลายเซลล์มะเร็ง
- ออกฤทธิ์ต้านมะเร็ง โดยผ่านระบบภูมิคุ้มกัน
- ทำให้เซลล์มะเร็งตายแบบ necrsis เมื่อให้ขนาดสูง และทำให้เซลล์มะเร็งตายแบบ apoptosis เมื่อให้ขนาดต่ำ
-น้ำคั้นจากผลยอ ยับยั้งการสร้างเส้นเลือดใหม่(inhibition oangiogenesis) ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งในการทำลายเซลล์มะเร็ง
- สารโพลีแซคคาไรด์ คือน้ำตาลธรรมชาติที่มีอยู่ในผลลูกยอ เป็นน้ำตาลที่จะต้านให้เซลล์มะเร็งตาย โดยผ่านระบบคุ้มกัน
- ลูกยอ มีฤทธิ์ต้านออดซิเดชั่น แรงกว่าวิตามินซี 2.8 เท่า
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมของร่างกาย และต่อต้านมะเร็ง
-ต่อต้านเซลล์มะเร็ง และเสริมภูมิต้านทานโรคโดยการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวเพื่อต่อต้านเซลล์มะเร็งและเชื้อโรคต่าง ๆ

จากการวิจัยของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า ลูกยอสามารถช่วยกระตุ้นภูมิต้านทาน และป้องกันมะเร็งได้ โดยในลูกยอจะมีสารกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ซึ่งทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคในร่างกาย และสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งไม่ให้ลูกลาม แต่ไม่ได้รักษามะเร็ง

สารDamnacathal แดมนาแคทอล
- ยับยั้งการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปกติไม่ให้กลายเป็นเซลล์มะเร็ง
- ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
- ยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
- เพิ่มคุณภาพชีวิตและช่วยให้ผู้เป็น มะเร็งมีอายุยืนยาวขึ้น
สารTerpenesเธอร์ปินส์
- ช่วยให้เซลล์ขับถ่ายสารพิษต่าง ๆ ออกไปนอกร่างกาย ชะลอความเสื่อมของเซลล์

ผลอ่อน ใช้รับประทานแก้คลื่นเหียน-อาเจียน
ผลสุก ใช้เป็นยาบำรุงธาตุ ขับลมในลำไส้ โดยฝานเป็นชิ้นบาง ๆ คั่วไฟอ่อน ๆ หรือย่างให้เหลืองกรอบ ต้มหรือชงดื่มกับน้ำครั้งละ 10-15 กรัม น้ำที่ได้จิบทีละน้อยแต่บ่อยครั้งจะได้ผลดีกว่าดื่มทีเดียว


บริโภคนํ้าลูกยอที่มีจำหน่ายในท้องตลาดระวังอันตราย

ผลิตภัณฑ์บางส่วนยังพบการปนเปื้อนของเชื้อรา มีเอทานอล เมทานอล และเชื้อก่อโรค ซึ่งการปนเปื้อนทางเคมี และชีวภาพ จัดเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อผู้บริโภคที่บริโภคเป็นระยะเวลายาวนานอย่างต่อเนื่อง อาจจะสะสมและเกิดเป็นสารอัลดีไฮน์ในร่างกายโดยเฉพาะที่ตับ ซึ่งเป็นอวัยวะที่สลายเมทานอลปนเปื้อนดังกล่าว เสี่ยงต่อการเป็นโรคอื่นๆ ตามมาในระยะยาว เช่น มะเร็งตับ เป็นต้น

ดังนั้น ผู้ผลิตที่เข้าใจและใส่ใจในเรื่องสุขลักษณะที่ดีในการผลิต ก็สามารถผลิตน้ำลูกยอหมัก น้ำพลูคาวหมัก หรือน้ำสมุนไพรหมักอื่นๆได้อย่างปลอดภัย และมีคุณภาพ ผู้บริโภคเองก็ควรศึกษาและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน จึงจะได้ประโยชน์จากการบริโภคอย่างแท้จริง

ขิง

แอนน์ โบด และต่ง จี้กัง จากมหาวิทยาลัยมินเนโซตา ได้ทำการทดลองโดยการฉีดเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่จากมนุษย์เข้าไปในตัวหนู จากนั้นได้ให้อาหารหนูเหล่านี้ด้วยสารสกัดจากขิงเป็นเวลา 15 วัน ปรากฏว่า หนูกลุ่มที่ได้รับสารสกัดจากขิงมีอัตราการเติบโตของเซลล์มะเร็งน้อยกว่าหนูที่ได้รับอาหารธรรมดา


มะเขือเทศ

ช่วยยับยั้งมะเร็งต่อมลูกหมาก เนื่องจากมีสารไลโคพีน (Lycopine) ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้มะเขือเทศเป็นสีแดงสด และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย จากการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยที่ผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมากที่ได้รับไลโคพีนมีค่าเซลล์มะเร็งลดลง

หมายเลขบันทึก: 212105เขียนเมื่อ 27 กันยายน 2008 12:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 10:29 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เรียนถามคุณหมอ

เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะลุกลามต้องกินสมุนไพร์อะไรดีค่ะ

081-8032851 Khu Vilai

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท