สองสามวันมานี้ ข้าพเจ้าได้ใช้เวลาในการพิจารณา ในเรื่อง "การนับถือตนเอง"
เพราะการนับถือตนเอง อาจใกล้เคียงต่อ การยึดถือมั่นหมายในตัวเองมาก และคนส่วนใหญ่มักเข้าใจคลาดเคลื่อนไปสู่ -----> การยึดตนเองเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่จริงๆ แล้วการนับถือตนเองนั้น เป็นส่วนสำคัญของบททีว่าด้วยความเมตตากรุณาต่อร่างกาย ชีวิต และจิตใจนี้ นำไปสู่การเบียดเบียนในตนเองน้อยลง
การเบียดเบียนในตนเองนี้ ต้องไม่ใช่ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ
แต่มนุษย์เรามักจะเบียดเบียนตนเองเสมอ หลงผิดคิดว่าไปว่านี่คือ น้ำใจ นี่คือ ความมีเมตตา หากแต่จริงๆ แล้วกำลังทำร้ายตัวเองและผู้อื่นอย่างไม่รู้สึกตัว ...
บทที่ว่าด้วยการนับถือตัวเองนี้ มีรายละเอียดที่ทำให้พิจารณาเยอะมาก แต่ในบันทีกนี้ข้าพเจ้าทบทวนในประเด็นที่ไปสู่การช่วยเหลือบุคคลอื่น เราคิดว่า การช่วยเหลือบุคคลอื่นเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ แต่การที่เราจะช่วยเหลือผู้อื่น เราต้องมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ การช่วยเหลือต้องทำตามศักยภาพที่เรามีอยู่ ไม่ใช่เกินศักยภาพ เพราะหากเกินศักยภาพเมื่อไร เมื่อนั้นเราเริ่มทำร้ายตนเอง
เป็นต้นว่า...การช่วยเหลือทางด้านจิตใจ หากว่า ณ ขณะนั้นใจเราขุ่นมัวด้วยอารมณ์ที่ครอบงำอยู่ ไม่ใช่สภาวะที่ใจสงบ เราก้าวกระโดดไปช่วยผู้อื่น นั่นน่ะเรากำลังทำร้ายทั้งตนเองและผู้อื่นอย่างไม่รู้ตัว เป็นเบียดเบียนทางใจอย่างมาก ... การช่วยเหลือทางจิตใจผู้อื่นเราต้องมีความพร้อมทางด้านจิตใจ มีพลังแห่งความร่มเย็น ไม่ใช่ช่วยกันโกรธ ช่วยกันไม่พอใจผู้อื่น ... ซึ่งจะเห็นตัวอย่างได้มากมาย การที่เพื่อนเราหรือคนที่เรากำลังช่วยเหลือได้รับความกระทบจากบางสิ่งบางอย่าง เราเข้าไปช่วย ช่วยด้วยความโกรธ ความไม่พอใจ ยิ่งเป็นการกระหน่ำซ้ำลงไปในดวงจิตทั้งผู้ถูกช่วยและผู้ช่วยเหลือ เช่น เพื่อนเราโดนคนด่า เราไปช่วยกันเกลียด โมโหคนที่มาด่าเพื่อนเรา แทนที่จะทำให้เกิดความร่มเย็นในใจทั้งเราและเพื่อนเรา แต่เรากลับไปเติมเชื้อไฟในอารมณ์โกรธ เกลียดในจิตใจตนเองเกิดขึ้นแทน...
การช่วยเหลือ ... ต้องช่วยด้วยความเมตตา กรุณาที่อยากให้เขาพ้นทุกข์จริงๆ ทุกข์ที่ว่านี้ คือ ทุกข์ที่อยู่ในจิตใจเขา ให้เกิดเป็นความร่มเย็น ไม่ใช่ความเร่าร้อน หากว่าศักยภาพตนเองยังมีไม่มากพอ ก็ต้องทบทวนต่อตนเองก่อนว่า เราทำได้ในแค่ไหน เราก็ทำในแค่นั้น ... ทำภายใต้ในความนับถือทั้งต่อตนเอง อย่างเสมอเหมือนต่อการนับถือในผู้อื่นด้วย...
มีนิทานเรื่องหนึ่ง...
หญิงสาวคนหนึ่ง...เห็นเพื่อนตนเอง ตกลงไปเล่นในแม่น้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งหญิงสาวทราบมาว่า แม่น้ำนี้มีร่องน้ำลึก และหากพลัดตกลงไปอาจถึงชีวิตได้ จึงตะโกนบอกเพื่อน แต่เพื่อนไม่ฟัง ยังคงเล่นน้ำและลอยคอในน้ำต่อไปอีก โดยไม่สนใจในคำเตือนนั้น แถมยังตะโกนบอกเพื่อนคนอื่นๆ ให้ลงมาเล่นน้ำด้วยกัน และก็มีคนอีกหลายคนที่กระโดดลงไปเล่นน้ำด้วยความสนุกสนาน เพื่อนบอกต่อคนอื่นว่า หญิงสาวตนนี้อิจฉาตนเอง ที่ได้เล่นน้ำสนุกสนาน... และยังอิจฉาว่าตนมีเพื่อนเยอะที่มาลงเล่นด้วยมากมาย
แต่ไม่นาน... หลังจากที่กลุ่มคนเหล่านี้เล่นน้ำอย่างเพลิดเพลิน ได้ลอยคอไปตามกระแสน้ำ และได้ตกลงไปในล่องน้ำลึกนั้น ซึ่งมีกระแสน้ำวนอยู่ข้างล่าง และดูดกลุ่มคนเหล่านี้ลงไปใต้น้ำ
หญิงสาวเห็นเพื่อนและกลุ่มคนกำลังจม แต่ได้พิจารณาต่อตนเองแล้วว่าไม่มีกำลังมากพอที่จะว่ายน้ำลงไปช่วย แต่จะนิ่งนอนใจก็ไม่ได้ จะกระโดดลงไปเลยก็ไม่ได้ ก็เลยวิ่งไปตามคนมาช่วย แต่สายไปคนที่มาช่วยช่วยได้เพียงบางคน คนที่เหลือจมลงไปใต้น้ำแล้ว... ส่วนคนที่ช่วยได้ทัน บางคนก็มาต่อว่าหญิงสาวว่าไม่รู้จักเตือนเพื่อนตนเอง แต่หญิงสาวได้ทบทวนในตนเองแล้วว่า ด้วยใจจริงบวกกับความสามารถของตนเองได้ทำเต็มที่แล้ว.... แม้เพื่อนจะจมน้ำไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวรู้สึกผิด มากไปกว่าความสลดใจ
ในทางย้อนกลับจากนิทานเรื่องนี้ หากหญิงสาวไม่รู้จักในตนเอง ไม่รับรู้และเชื่อในความสามารถของตน ก็อาจจะกระโดดลงไปช่วย ที่สุดก็จะจมน้ำลงไปทั้งหมด... ไม่มีใครเหลือรอดเลยสักคนก็อาจเป็นได้
แต่นี่ก็เป็นเพียงนิทาน แต่ในชีวิตจริงมีคนมากมาย ที่ปฏิบัติต่อตนเอง...ในลักษณะที่ขาดความนับถือในตนเอง... และปล่อยไปเนิ่นนาน... กลายเป็นความคุ้นชิน จากนั้นก็เป็นพฤติกรรม จากพฤติกรรมก็กลายเป็นนิสัย จากนิสัยก็กลายเป็นบุคลิกภาพเกิดขึ้น
จนเมื่อได้รับ effect เกิดขึ้นทางจิตใจ หรืออาจมีอาการแสดงออกทางกายร่วมด้วย จนได้เข้าไปสู่กระบวนการเยียวยา บำบัดรักษาแล้ว ...ก็ยังไม่รู้สึกตัว และยอมรับในตนเอง...
--------------------------------
สวัสดีครับ
ตอนนี้อยู่บ้านที่ขอนแก่นค่ะ... ฝนซาลงแล้วกะว่าอีกสักหน่อยจะขับรถกลับยโสธรค่ะ...
ยินดีต้อนรับย้อนหลังสู่ยโสธรนะคะ...
(^___^)
"ดูแลพลังชีวิตตนเอง และดูแลพลังชีวิตของผู้อื่น" ด้วยหัวใจที่ปรารถนาอยากให้เขาพ้นทุกข์นะคะ
แวะมาเยือน....และเก็บเกี่ยวสาระไปให้กับชีวิตตนเอง.....ขอบคุณสาระดี ๆ มาก ๆ จ้า........พี่ชาย ชยพร แอคะรัจน์
เรียนท่าน Dr.Ka+Poom ก็เตือนเต็มที่เท่าที่ทำได้นิ ความรับผิดชอบ อยู่ที่เจ้าตัว เจ้าของแหละ
ขอบพระคุณทุกท่านมากนะคะ ที่แวะมา...
(^___^)
สวัสดีครับ ดร.
สวัสดีครับ
ก่อนที่ผมจะทำอะไรลงไป ผมมีหลักคิดของผมอยู่ 2 อย่างครับ
1. เบียดเบียนตัวเองหรือไม่
2. เบียดเบียนคนอื่นหรือไม่
แล้วผมก็เป็นตัวของตัวเองอย่างสบายๆ ครับ
สวัสดีค่ะ...
(^___^)
ขอบคุณค่ะ
กะปุ๋ม