ฉันเกิดทีจังหวัดฉะเชิงเทรา ดินแดนที่ประดิษฐ์ฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง คือองค์ พระพุทธโสธร เกิดมาได้ไม่ถึงปี คุณพ่อคุณแม่ก็พาฉันมาอยู่กรุงเทพฯ คุณพ่อรับราชการ คุณแม่เป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกๆ เมื่อฉันอายุ 5 ปีก็ได้เข้าโรงเรียนใกล้บ้าน ชื่อโรงเรียนสตรีสันติราษฎร์บำรุงฉันเรียนจนจบชั้น ม.ศ.3 (ในขณะนั้น) ฉันก็สอบเข้าเรียนต่อที่ โรงเรียนสตรีพระนครใต้ ยานนาวา ต้องออกจากบ้านไปโรงเรียนแต่ หกโมงเช้า เพราะถ้าสายกว่านั้นรถเมล์จะแน่น ขึ้นไม่ได้ และรถก็ติดด้วย ( นี่ขนาด30 กว่าปีที่แล้ว ) หลังจากเรียนจบระดับ ปวช. ฉันต้องหาที่เรียนต่ออีก จึงสอบเข้าเรียนที่ วิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพฯ (ชื่อวิทยาลัยสมัยนั้น) ทุ่งมหาเมฆ ช่วงนั้นก็มีปัญหาบ้านเมืองชุมนุมช่วง 14 ตุลาคม คล้ายๆขณะนี้ แต่นั่น นักศึกษาหัวรุนแรงกว่า ฉันเรียนปีแรกเขาเกณฑ์ไปนั่งชุมนุมหน้าทำเนียบเช่นกัน แต่พอดึกหน่อยฉันขี้เกียจนั่งตบยุง จึงชวนเพื่อนกลับบ้าน และต่อมาก็มีเหตุการณ์มากมายและน่ากลัวด้วย ถนนหนทางเงียบสงัด ไม่มีใครออกนอกบ้านรวมทั้งฉัน จนปี 2518 เรียนใกล้จบ มีประกาศติดหน้าวิทยาลัยเปิดรับสมัครสอบบรรจุของสำนักงาน ก.พ. เพื่อนที่เรียนแผนกอื่นเห็น เขาก็มาบอกพร้อมพาฉันไปสมัครสอบ ฉันไปสอบดูปรากฏว่าสอบได้ แต่ยังเหลือขั้นตอนการสอบสัมภาษณ์ ฉันคิดว่าตัวฉันคงไม่ได้แน่ๆ เพราะกรรมการดันมาสัมภาษณ์ฉันเรื่องการเมือง ซึ่งฉันไม่เคยชอบและไม่สนใจเลย บังเอิญขณะนั้นประธานสภาเป็นคนจังหวัดเดียวกับฉันด้วย ฉันก็ตอบไปตามประสา พอวันประกาศผลใจตุ๋มๆต้อมๆ ว่าจะมีชือฉันไหมหนอ โชคดีหลวงพ่อโสธร ช่วย ฉันติดชือในระดับต้นๆ คราวนี้ก็รอเรียกตัวเข้าทำงาน ฉันยังไม่รู้ว่างานที่จะทำนั้นเป็อย่างไร สอบทำงานแค่ที่นี่ที่เดียว ไม่กล้าไปสอบครู เพื่อนๆฉันเขาสอบครูเทศบาลกัน ฉันแหกคอก เพราะฉันไม่ชอบเป็นครู กลัวสอนเด็กไม่เป็น ถ้าเป็นครูฉันคงมีตำแหน่งที่ดีกว่าปัจจุบันนี้แล้ว เพราะเพื่อนฉันทุกคนเป็นเช่นนั้น
ต่อมาประมาณเกือบปี กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรฯ มีหนังสือถึง เรียกให้ไปรายงานตัว ฉันดีใจมากจนนอนไม่หลับ เขาให้ฉันเลือกจังหวัด 3 จังหวัดและเลือกอำเภอด้วย ความที่ฉันไม่ค่อยจะรู้เรื่องราวของจังหวัดต่างๆ ฉันได้เลือกจังหวัดเชียงใหม่ อันดับ 1 จังหวัดสงขลา อันดับ2 และจังหวัดนครราชสีมา อันดับ3 มาคุยโวกับทางบ้าน พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เห็นท่าจะไม่ดี อยู่ไกล โอกาสกลับบ้านยาก บอกว่าไกล ให้ฉันเลือกใหม่ คราวนี้พอเขาเรียกอีกครั้งฉันเปลี่ยน อันดับ 1 นครราชสีมา อันดับ 2 เชียงใหม่ อันดับ3 ชุมพร ดูสิว่าทำไมฉันถึงรักภาคใต้มากก็ไม่รู้ อาจเป็นไปได้ว่า ฉันชอบธรรมชาติ น้ำทะเล เกาะที่สวยงามกระมัง แต่ถ้าเดี๋ยวนี้ให้ฉันเลือก คงไม่กล้าแน่ (แฮะๆๆ) และแล้วก็มาถึงวันที่ฉันต้องเดินทางไปรับราชการที่จังหวัดนครราชสีมา มีเพื่อนร่วมรุ่นประมาณเกือบสิบคนทั้งชายหญิง มีเจ้าของถิ่น 1 คนเป็นชาย เขาดีมากมารอรับพวกเราที่สถานีขนส่งนครราชสีมา ฉันเดินทางกับเพื่อนร่วมอาชีพ 2 คน ปัจจุบันพี่คนนั้นเขาลาออกนานเกือบ 20 ปีแล้วเนื่องจากสุขภาพไม่ดี ลืมบอกไปว่างานในตำแหน่งฉันมีอำเภอละคน ฉะนั้นจึงต้องแยกย้ายกันไปอยู่ตามอำเภอ ฉันโชคดีได้ลงอำเภอเมือง ช่วงนั้นอายุฉันก็ 22 ปี และเพื่อนก็ไล่เลี่ยไม่ต่างกัน จึงเฮไหน เฮกัน กินเที่ยว สนุกสนาน พอสักระยะ บางคนก็แต่งงานมีครอบครัวไป ฉันเช่าบ้านอยู่ในเมือง นั่งรถสามล้อไปทำงานทุกวัน (ค่ารถ 3 บาทเอง) เงินเดือน 1,550 บาทยังอยู่ได้ ผิดกับสมัยนี้มากมายก่ายกองนัก ตัวฉันก็ย้ายไปทำงานอำเภอต่างๆถึง 6 อำเภอแล้ว จากวันนั้น จวบจนวันนี้ ทำงานครบ 32 ปีเต็ม พวกเราก็อายุมากขึ้น แต่เพื่อนๆรวมทั้งฉัน ที่เป็นผู้หญิง เราไม่ยอมที่จะ(แก่) กันเลย เมื่อมีประชุมพบกัน หรือไปเที่ยว ไปดูงาน สัมมนาที่จังหวัดต่างๆ พวกเราชาวโคราช จะต้องแต่งกายสวยเนียบทันสมัยกว่าจังหวัดอื่นๆ ได้รับคำชมตลอด (ตอนนี้กำลังปลงๆกันแล้ว) มีน้องรุ่นใหม่เข้ามา แทนที่พวกเรารุ่นเก่า
แต่วันนี่ ฉันมีเพื่อนรวมอาชีพ ร่วมสถาบัน ขออำลาชีวิตราชการถึง 3 คน แต่ละคนมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน พวกเราที่ยังอยู่ก็ได้จัดงานเลี้ยงเพื่อนเพื่ออำลา ณ ห้องอาหารในเมืองพวกเราประมาณ 45 คนร่วมงานและจัดหาของที่ระลึกให้กัน ร้องเพลงสนุกสนาน แต่ฉันกลับจิตใจหดหู่ เพื่อนฉันลาออก 3 คน และทุกคนก็มีเอกลักษณ์ของตัวเอง เมื่อเราไปกันทุกที่ กิน เที่ยว ดูงาน เป็นกลุ่มหรือคณะ เพื่อน คนนึงชอบเล่านิทาน คนนึงชอบสอย สอย สอย(ตามแบบอีสาน..นี่ก็สอย) พวกเราจะต้องหัวเราะกัน โดยเฉพาะฉันหัวเราะจนเหนื่อย และน้ำตาไหล ต่อไปการเดินทางไปราชการหรือเที่ยวกันเป็นคณะก็จะขาดเสียงครื้นเครงลง ยังไงก็แล้วแต่วันนี้..วันไหน..ฉันและเพื่อนทุกคนที่อยู่ เรายังมีสายใย……แห่งความผูกพันกันตลอดไป
งานเลี้ยง เพื่อน 3 คน จากด้านขวาบน แดง ติ๋ว ต่อย เมื่อ 11 กันยายน 2551
ไม่มีความเห็น