คราที่ไปเยือนหาดใหญ่ในเดือนกันยายน มีกิจกรรมในมอ.จัดบรรยายเรื่อง “วิธีติดโช้คอัพให้กับความขัดแย้งในสังคมไทย” โดยขวัญใจชาวเฮฮาศาสตร์ 4 ท่าน อันมีลุงเอก พ่อครูบา อัยการชาวเกาะ และ หลวงพี่ติ๊กเป็นผู้บรรยาย ทั้ง 4 ท่านคุยให้ฟังแบบมันฮาส่งลูกกันลื่นไหลสอดคล้องกันโดยไม่ทิ้งเสน่ห์ประจำตัวไปแม้แต่น้อย จึงถือโอกาสนี้นำบางส่วนที่ท่านพูดๆกันมาเล่าสู่กันฟัง ด้วยภาษาที่ฉันเองแปลความมาค่ะ
ลุงเอกพูดเรื่องการใช้อาชีพเป็นอาวุธ และยกตัวอย่างวัฒนธรรมของชาติต่างๆมาให้ฟังว่า วัฒนธรรมคนอเมริกันเป็นวัฒนธรรมวัยรุ่นโปร (Youth culture) วัฒนธรรมเยอรมันเป็นวัฒนธรรมแห่งของทน (Engineering culture) วัฒนธรรมฝรั่งเศสเป็นวัฒนธรรมความสวยหอม (Check culture) วัฒนธรรมอาตาลีเป็นวัฒนธรรมความสวยน่าหลงใหล (Sexy culture) วัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นวัฒนธรรมเทคโนโลยี (IT culture) และพี่ไทยเป็นวัฒนธรรมแห่งสัมผัสระหว่างคน ไม่มีอะไรชัดเจน (Human touch) เรื่องที่เป็นไผ่ลู่ลม นกสองหัว และไร้สาระศาสตร์จึงเป็นที่นิยมในสังคมไทย
พ่อครูทักทายชาวมอ.และแซวว่า อย่าเจ้าชู้ที่นี่ เดี๋ยวจะโดนล็อกหัวใจ พร้อมทั้งโปรยคำหวานให้ชาวใต้หัวใจพองโตว่า นับเป็นวาสนาที่ได้มาเยือนใต้ แล้วได้เล่าเรื่องชุมชนมุสลิมเลี้ยงแพะไว้กำจัดขยะให้ฟังด้วย พ่อครูบอกว่าความขัดแย้งในสังคมไทยมีโจทย์อยู่มากมาย จะแก้อย่างไรตัวเองบอกได้ เพราะว่าไม่มีใครรู้จักตัวเองมากกว่าตัวเอง จะทำอะไรให้เรียนก่อนทำ มีความสะอาด มีวินัย วิธีการเรียนการสอนควรมีเทคนิคที่ปรับให้ส่งเสริมการเรียนรู้ที่เพียงพอกับการเปลี่ยนแปลงในสังคม การทำงานให้ทันเหตุการณ์ต้องปรับกุศโลบายให้เข้ากับเหตุการณ์ เชื่อมต่อสัมพันธ์ ทำลายความแห้งแล้ง และสร้างสังคมใหม่ที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ สันติภาพ
หลวงพี่ติ๊กพูดให้ฟังว่า ไม่มีอะไรที่มีพลังเท่าศาสนา ความไม่รู้นำมาซึ่งความรุนแรงได้ ความรัก ความปรารถนาดีถ้าไม่เข้าใจกันก็ทำให้เกิดความรุนแรงได้ ความเข้าใจคือปัญญา ใช้เมตตาสอนปัญญา ทำความเข้าใจคนอื่นให้มากๆโดยเฉพาะคนที่ทำอะไรไม่ได้แบบคนส่วนใหญ่ ความแปลกความไม่เหมือนทำให้คนส่วนนี้ถูกแยกออกมา การยอมรับความต่างจากคนส่วนใหญ่คือโช้คอัพ รู้จักมองให้ลึก คนไม่รู้เกิดเพราะการสื่อสาร บางเรื่องมีที่มาที่ไปสะสม มองแค่อย่างเดียวไม่พอ ให้มองว่าทำอย่างไรจึงจะดีด้วย โดยเฉพาะการมีความต่างอยู่ด้วย ให้ใช้ความเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เข้าใจธรรม เข้าใจทำ เข้าใจนำเสนอ เปลี่ยน Love ที่ลงเอยด้วยความเศร้า น้ำตา ความตายให้เป็น Love ที่ลงเอยด้วยแสงสว่าง พลังงานใจ จิตวิญญาณ และจิตสำนึกที่มีพลัง (ตรงนี้ท่านใช้คำภาษาปะกิต ฉันแปลมาตามความเข้าใจอีกต่อค่ะ)
หลวงพี่ยกตัวอย่างวิธีคิดที่กระเพื่อมให้เกิดความเปลี่ยนแปลงดั่งลมที่เกิดจากจากผีเสื้อกระพือปีก ยกตัวอย่างคู่สามีภรรยาให้ฟังว่า อะไรที่ดีหรือที่ชั่วส่งผลให้ตัวเองและคนอื่นเสมอ เรามีส่วนในการเพิ่มหรือลดความขัดแย้งอยู่เสมอ ทุกอย่างมีที่มาที่ไป ชาติจะรอดหรือล่มจมอาจจะเกิดจากการสอนของเราเพียงแค่ 1 นาที ทำอย่างไรให้เราคิดดี ทำดี แล้วสื่อสารให้คนอื่นหันมาทำดีด้วย ทำอย่างไรให้คนใกล้ตัวไม่ทำร้ายกันเอง A good partner is essential. The best partner is your asset management.
หลวงพี่แนะเคล็ดลับการอยู่ร่วมกับคนที่ไม่เหมือนกับเราไว้ว่า ให้พูดเรื่องใกล้ตัวเขาไว้ก่อน พูดถึงสิ่งที่เขารักก่อน นึกถึงไว้เสมอว่าทุกคนรักตัวเอง เมื่อสติแตกก็กลับไปเป็นไอ้บ้า คนเราไม่มีใครโชคร้ายและโชคดีตลอดชีวิต แต่จะมีสิ่งเหล่านี้สลับกันไปตลอดเวลา ความขัดแย้งเกิดได้ทุกพื้นที่ อย่าไปคิดว่าคนอื่นต้องเหมือนเรา
อัยการชาวเกาะนั้นทำหน้าที่ เป็นผู้ดำเนินการอภิปรายในคราวนี้ ทำหน้าที่โยนกลองให้แต่ละคนได้ตีตามสไตล์ของตัวเองอย่างลื่นไหลดี พร้อมทั้งมีลูกเล่นมาเล่าให้ฟังเป็นระยะๆ มีวิดีโอเตรียมมาให้ดูพร้อม สลับฉากให้กับการสรุปความ ท่านได้พูดถึงอาวุธที่ลดความขัดแย้งว่า มันคือ “การพูดการสื่อสารที่ชัดเจน” ค่ะ
แสนเสียดายที่ไม่ได้มาร่วมงาน ทั้งๆที่อยู่บ้านตัวเองแท้ๆครับ
เป็นของฝากที่ดีมากๆ เลยครับ ขอบคุณครับที่นำมาเล่าสู่กันฟัง
สวัสดีค่ะพี่หมอเจ๊
ทราบข่าวเรื่องที่พ่อครูบา ลุงเอก อัยการชาวเกาะ และหลวงพี่ติ๊ก จะไปบรรยายที่ มอ เหมือนกันค่ะ แต่ไม่สามารถไปเข้าร่วมได้ ... ขอบคุณพี่หมอเจ๊มากค่ะ ที่มาสรุปให้ฟัง ขอนำเคล็ดลับการอยู่ร่วม หรือทำงานกับคนที่เขาไม่เหมือนเราว่า ให้พูดคุยในเรื่องที่ใกล้ตัวเขา สิ่งที่เขารักไว้ก่อน และต้องสื่อสารกันให้ชัดเจน...ค่ะ
ให้เริ่มที่ตัวเรานี่แหละก่อนเลย
fact ค่ะ ขอบคุณอีกแล้วค่ะ