ธรรมชาติของคนชอบความสวยงาม
เธอจึงชมชอบดอกไม้งาม
แม้หนามจะแหลมคม ก็ไม่สน
ยิ่งดอกไม้กลิ่นหอม ยั่วยวนใจ ยิ่งแล้วใหญ่
ยิ่งอยากได้มาดอมดม
เธอจึงมุ่งหาดอกไม้งามมาหว่านปลูก
เฝ้าทะนุถนอม บำรุงบำเรอดอกไม้งาม
ใส่ปุ๋ย รดน้ำ พรวนดิน
สารพัดอย่าง ให้ไม้ออกดอกงดงาม
ยิ่งงดงาม ยิ่งหอมหวน ยิ่งมีค่า
คุณค่าของดอกไม้ จึงอยู่ที่ “รูป” อยู่ที่ “กลิ่นหอม”
นี่หรือคุณค่าที่เธอตีตราและให้ค่า
นี่เป็นคุณค่าที่ “เปลือก”
เธอจึงมองข้ามผ่าน “ดอกหญ้า” อย่างฉัน
ที่พยายามอุตส่าห์เบียดแทรกตัวเองขึ้นมา
ท่ามกลางดอกไม้งามที่คนเขาทะนุถนอม
แม้ขาดปุ๋ย ขาดน้ำ ขาดดินดี
แต่ฉันก็ยังกระเสือกกระสนเบ่งบานชูใบดอกแข่งกับเขา
แต่เธอก็ยังไม่เห็นความงาม ไม่เห็นความหอมในตัวฉัน
จึงเพียรถอนราก ตัดฉันทิ้ง
มิทันที่ฉันจะได้ชูช่อ ผลิดอก ให้ได้ยล
เพราะฉันไม่สวยงาม ไม่หอมหวนยวนใจ หรือกระไร
เธอตัดสินคุณค่าฉันที่ “เปลือกนอก”
เพ่งพิศฉันดีดี
ฉันก็มีหัวใจเหมือนใครเขา
จะตัดสินฉันที่ “เปลือกนอก” กระนั้นหรือ
ขอโอกาสให้ฉันบ้าง
ได้ชูช่อ ชูใบ กับใครเขาบ้าง
มองแผกต่าง คิดแหวกกรอบ “ดอกไม้งาม”
ฉันไม่ต้องการปุ๋ย น้ำ ดินดี อย่างใครเขา
ฉันเพียงต้องการ “ที่ทาง” และ “โอกาส” ให้ฉันยืน
ให้ฉันมีสิทธิเท่าเทียมที่ “กลางใจ”
เพียงเท่านี้ฉันก็เป็นสุขแล้ว
ความคิดปิ๊งแว๊บเข้ามาในหัว ขณะพาลูกน้อยโลดเล่นอยู่สนามเด็กเล่น จึงเก็บความคิดและภาพถ่ายดอกหญ้ามาบันทึกไว้
เห็นด้วยครับ