บทบาทองค์กรนักศึกษาในสถานการณ์ทางการเมือง


...องค์กรนักศึกษาควรทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกด้านข้อมูลข่าวสารทั้งจากภายนอกสู่มหาวิทยาลัย และภายในสู่ภายนอก เชื่อมประสานทรัพยากรทางปัญญาทั้งปวงในมหาวิทยาลัยเพื่อนำไปสู่การเกิดสติปัญญาทางการเมืองในฐานะพลเมืองผู้กระตือรือร้นในหมู่นักศึกษาทั้งมวลอย่างสันติ อารยะ และเป็นประชาธิปไตย...

2008

Sunday, September 7

7:10:51 PM

 

วันนี้อ่านข่าวใน Manager และก็เห็นน้องๆนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหวกันอย่างเปิดเผยมากขึ้น. จากข่าวพบว่ามีเครือข่ายนักเรียน นิสิต นักศึกษาจาก 80 สถาบัน มาร่วมเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผยในนามของ Young PAD ชื่อไทยน่าจะเป็นแนวร่วมเยาวชน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย . น้องๆเหล่านี้ได้ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ รวมถึงเชิญชวนกันหยุดเรียนสามวันตั้งแต่ 9-11 กันยายน เพื่อแสดง "อารยะขัดขืน" ให้เป็นที่ประจักษ์

 

ในการเคลื่อนไหวนี้ ไม่ได้รับการทัดทานจากผู้บริหารมหาวิทยาลัย เหล่าผู้บริหารเพียงเตือนสตินักศึกษาเท่านั้นให้เคลือ่นไหวอยู่ในกรอบของกฎหมาย ด้วยสติและปัญญา  อย่างน้อยที่สุดอธิการบดีของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และมหาวิทยาลัย ราชภัฎพิบูลสงครามได้ออกมาแถลงเรื่องนี้อย่างเปิดเผย

 

ในข่าวนั้น ได้มีการโจมตีองค์กรนักศึกษาอย่าง องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) อย่างเปิดเผย ในทำนองที่ว่าวางตัวเป็นกลางในขณะที่เราควรจะอยู่ข้างประชาชน . ตัวนักศึกษาธรรมศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่งเองก็เห็นต่างและได้ขึ้นเวทีพันธมิตรและประกาศว่าจะอยู่เคียงข้างประชาชนตามคำขวัญที่ติดปากกันว่า "ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน"  จากความคิดเห็นในข่าว อมธ. ถูกตำหนิค่อนข้างมากว่า ไม่รู้้เท่าทันสถานการณ์และไม่อยู่ข้างประชาชน รวมไปถึงการกล่าวหาว่าอมธ.อยู่ฝ่ายรัฐบาลเสียด้วยซ้ำ

 

สิ่งที่น่าคิดก็คือ อมธ.จะไม่มีความคิด ไม่ติดตามข่าวสาร จนไม่รู้สถานการณ์บ้านเมืองเชียวหรือ ? อมธ.ถูกรัฐบาลซื้อไปแล้วหรืออย่างไร? หรือว่าเป็นเพราะสาเหตุอื่นที่ทำให้อมธ. จำต้องวางตัวในลักษณะนั้น? คำถามเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรทำความเข้าใจก่อนที่จะตัดสินอมธ. หรือกระทั่งองค์การนักศึกษาหรือสโมสรนิสิตที่ใดก็แล้วแต่ที่มีมติวางตัวเป็นกลางในสถานการณ์บางอย่าง

 

ผมคิดว่ามันเร็วเกินไปที่จะตัดสินอมธ.ในทางที่ไม่ดี ก่อนที่จะเข้าใจบทบาทของอมธ.อย่างแท้จริงต่อนักศึกษา. จากประสบการณ์ที่ผมอยากจะลงสมัครอมธ.นั้น หน้าที่หนึ่งของอมธ.คือการเป็นตัวแทนของนักศึกษา. บทบาทนี้ค่อนข้างชัดเจนเมื่ออมธ.ถูกเลือกตั้งมาจากนักศึกษาในมหาวิทยาลัย (เราจะไม่กล่าวถึงจำนวนนักศึกษาที่มาเลือกตั้งในที่นี้) ฉะนั้นอมธ.เป็นเหมือนตัวแทน หรือเป็น Agent ในขณะที่นักศึกษาทั้งปวงคือ  ผู้เป็นเจ้าของอำนาจ หรือความเห็นต่างๆ เป็น Principal . โดยหลักการ อมธ.จึงควรนำเสนอความเห็นต่อสาธารณชน บนพื้นฐานของความเห็นของนักศึกษาทั้งมวล

 

อย่างไรก็ดี จากที่ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับนักศึกษาหรือศิษย์เก่าหลายคน ผมพบว่า แม้ดูเหมือน trend จะไปในทางพันธมิตร มาก แต่เราก็ไม่น่าจะสามารถสรุปได้ว่านักศึกษาทั้งหมดเห็นด้วยกับพันธมิตรฯ. ส่วนใหญ่คนที่ออกมาแสดง  preference ทางการเมืองในช่วงนี้จะเป็นคนที่เห็นด้วยกับพันธมิตร แต่คนที่ไม่พูดอะไร ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าเห็นไปในทางนั้นเช่นกัน 

 

ผมเชื่อว่า ความเห็นของคนในสังคมจริงๆแล้วมันไม่ใช่ขั้วตรงข้ามเหมือนที่รัฐบาลหรือพันธมิตรเองพยายามทำให้เห็นเป็นแบบนั้น จริง แต่มีลักษณะเป็น Spectrum คือมีคนในพื้นที่สีเทา ไม่ได้เห็นด้วยกับพันธมิตรทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้สนับสนุนรัฐบาล และเห็นด้วยกับไม่เห็นด้วยในประเด็นต่างๆ อาจรับไม่ได้กับการใช้ความรุนแรงของรัฐบาลแต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการที่พันธมิตรยึดทำเนียบ หรือแกนนำไม่ยอมมอบตัว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ รัฐบาลและพันธมิตรได้พยายามนำเสนอภาพลักษณ์ของขั้วตรงข้าม และโดยเฉพาะพันธมิตรที่พยายามโจมตีกลุ่มที่ออกมายืนในพื้นที่สีเทาให้เงียบไปและมาร่วมกับพันธมิตรเสีย ซึ่งในมุมนึงมันก็เป็นกลยุทธ์ในการทำสงครามมวลชนแบบหนึ่งซึ่งก็เข้าใจได้ . ผมยังเชื่อด้วยว่ากระทั่งภายในอมธ.เองก็ยังยากที่จะลงฉันทามติว่าอยู่ฝั่งไหน

 

ฉะนั้น อมธ. ในฐานะตัวแทนนักศึกษากว่าสองหมื่นคนนั้น จะสามารถฟันธงลงไปได้อย่างไรว่า นักศึกษาทั้งปวงเห็นไปในทางไหน ? และเค้าจะนำเสนอความเห็นต่อสังคมอย่างไรภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว ? 

 

ผมเห็นว่าการที่อมธ.ประกาศตัวว่าเป็นกลางนั้นเป็นเรื่องเหมาะสมในหลักการ. หลักการที่ว่านี่ก็คือ ในฐานะที่อมธ.เป็นตัวแทนของนักศึกษาทั้งมวลนัน่เอง.  การจะหาฉันทามติเพื่อนำเสนอต่อสังคมในฐานะตัวแทนนักศึกษานั้นแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และการอาศัยชื่ออมธ.ในการ "แอบอ้าง" ว่านักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยนั้นอยู่ข้าง พันธมิตรฯ นั้นก็เป็นเรื่องที่หาควรไม่ เพราะว่ามันก็ไม่ต่างอะไรกับการทำในกรณีตรงข้ามคือแสดงตัวว่าเราหนุนรัฐบาล แม้จะได้รับเสียงต่อต้านที่ต่างกันก็ตาม

 

สิ่งเดียวที่อมธ.ทำได้คือ ไม่แสดงว่าสนับสนุน แต่ก็ไม่ขัด และเห็นด้วยในหลักการที่ทุกคนเห็นด้วย เช่น การไม่ใช้ความรุนแรง และการกระทำการใดๆที่ไม่ขัดต่อหลักกฎหมายบ้านเมือง อย่างที่อมธ.ได้กระทำอยู่นั่นเอง  รวมถึงแถลงการร่วมต่างๆของเครือข่ายองค์กรนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยด้วย

 

อย่างไรก็ดี อะไรคือความเหมาะสมในทางปฏิบัติของเรื่องนี้เล่า? สิ่งที่องค์กรนักศึกษาเหล่านี้ได้กระทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่องค์กรนักศึกษาอันเป็นตัวแทนของนักศึกษาสามารถกระทำได้แล้วกระนั้นหรือ?

 

ในความเห็นของผม องค์กรนักศึกษาเหล่านี้สามารถทำได้มากกว่าการประกาศจุดยืนที่เป็นกลางและวางเฉยกับจุดยืนกับนักศึกษารายคนไป. ผมคิดว่า พวกเขาควรใช้เหตุการณ์เหล่านี้เป็นโอกาสในการกระตุ้นการตื่นตัวเชิงการเมืองให้แก่นักศึกษา โดยการทำหน้าที่เป็นตัวกลางข้อมูลข่าวสารทางด้านการเมือง โดยการทำหน้าที่รวบรวมความเห็นของทุกฝ่าย ข่าวจากทุกแหล่ง ความเห็นนักวิชาการในมหาวิทยาลัยของตน โดยมุ่งหมายเพื่อให้ปัญญาแก่นักศึกษาและผู้คนในสถานการณ์นี้ ในหลายแง่มุมที่สุดที่เป็นไปได้ ละวางความร้อนแรงทางอารมณ์การเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเพื่อจะได้มองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

 

นอกจากนั้น องค์กรเหล่านี้ยังควรทำตัวเป็นผู้กระตุ้นและเปิดเวทีความเห็นทางการเมืองของนักศึกษารากหญ้าในมหาวิทยาลัยของตนให้มากที่สุด เพื่อให้เห็นความเห็นที่หลากหลายของนักศึกษา เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางความคิดที่แตกต่างอย่างสันติ อันเป็นสิ่งที่พึงกระทำ และพึงเกิดขึ้นในสังคมประชาธิปไตย. เวทีเหล่านี้อาจนำไปสู่การได้จุดร่วมระหว่างความเห็นที่แตกต่างในหมู่นักศึกษาก็ได้ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นความคิดของนักศึกษาในเชิงการเมืองอีกด้วย

 

โดยสรุปคือ องค์กรนักศึกษาควรทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกด้านข้อมูลข่าวสารทั้งจากภายนอกสู่มหาวิทยาลัย และภายในสู่ภายนอก เชื่อมประสานทรัพยากรทางปัญญาทั้งปวงในมหาวิทยาลัยเพื่อนำไปสู่การเกิดสติปัญญาทางการเมืองในฐานะพลเมืองผู้กระตือรือร้นในหมู่นักศึกษาทั้งมวลอย่างสันติ อารยะ และเป็นประชาธิปไตยนั่นเอง

 

 

หมายเลขบันทึก: 206737เขียนเมื่อ 8 กันยายน 2008 01:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 00:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ประกาศจุดยืนเป็นกลางที่สุด

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท