วันนี้ได้เห็นนิสิตกลุ่มหนึ่งของ มมส. มาจัดพิธีอย่างหนึ่งที่บริเวณถนนหน้าคอนโดที่พัก ตรงกับบริเวณที่กำลังมีการก่อสร้างตึกใหม่เพื่อขยายงานของ ศูนย์นวตกรรมแห่งหนึ่งของ มมส. แต่เลือกที่จะสร้างตึกในบริเวณที่เดิมเป็นป่า โดยทำการตัดต้นไม้ออกทั้งหมด บริเวณนี้เป็นสิ่งที่ผมเคยคุยกับอาจารย์ผู้ใหญ่ภาควิชาชีววิทยาท่านหนึ่ง ในปีแรก (ปลายปี 2548) ที่ผมมาช่วยงานที่ มมส. ว่าเป็นป่าเต็งรังหรือป่าเบ็ญจพรรณที่เหลืออยู่ในเขตของ มมส. น่าจะอนุรักษ์ไว้เพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ของนิสิต โดยไม่ต้องออกไปไกล ก็ได้รับทราบว่าทางภาควิชาชีววิทยาก็ใช้ป่าบริเวณนี้เป็นที่ให้นิสิตได้มาใช้ศึกษาประกอบรายวิชานิเวศวิทยาและความหลากหลายทางชีวภาพอยู่เป็นประจำ รวมทั้งงานวิจัยหรือโครงงานวิทยานิพนธ์ของนิสิตต่าง ๆ ด้วย ผมก็เลยเบาใจว่าป่าบริเวณนี้คงจะอยู่คู่ มมส. ไปอีกนาน ผ่านมาเพียง 3 ปี ผมก็ได้เห็นป่าแห่งนี้ถูกทำลาย โดยการไถทิ้งเพื่อก่อสร้างตึกใหม่อย่างน่าเสียดายในต้นเดือนที่ผ่านมา ผ่านมาหนึ่งเดือนหลังจากป่าบริเวณนี้หายไปมากกว่าครึ่งแล้วก็ได้เห็นนิสิตกลุ่มหนึ่งออกมาเคลื่อนไหว ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นเรื่องของการทำพิธีเพื่อการอนุรักษ์ป่าหรือลดการตัดต้นไม้ทำลายป่าบริเวณนี้ที่เหลืออยู่ เพราะเห็นนิสิตเดินเข้าไปทำพิธีบริเวณป่าที่เหลืออยู่ รวมทั้งได้ยินเสียง (ร้องตะโกน) ว่า ไม่สมควรตัดต้นไม้ทำลายป่า การตัดต้นไม้เป็นสิ่งไม่ดี อีกทั้งพบว่ามีป้ายมาตั้งไว้บริเวณนั้นที่มีข้อความว่า “โลกยิ่งร้อน ยิ่งตัดต้นไม้” โดย เครือข่ายนิสิตพิทักษ์ป่า เพื่อต่อต้านการกระทำที่เกิดขึ้น
เหตุการณ์ที่เล่ามาจึงเป็นที่มาของหัวเรื่องที่ว่าผม จะดีใจหรือเสียใจดี เพราะแม้ว่าตัวเองเป็นผู้รับผิดชอบ เขียนหนังสือและเตรียมสื่อในการจัดการเรียนการสอนในบทแรกของวิชา วิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวันเรื่อง ความหลากหลายทางชีวภาพและการอนุรักษ์ และบอกนิสิตว่า สรรพสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และต้องดับ(สิ้น)ไป เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เมื่อคิดถึงว่า ป่าบริเวณนี้กว่าจะพัฒนามาเป็นป่าในสภาพปัจจุบันได้ต้องใช้เวลาหลายสิบปี แต่ถูกทำลายหมดในเวลาไม่กี่วัน ทั้ง ๆ ที่น่าจะมีทางให้เลือกที่จะไม่ต้องทำลายป่าได้ อย่างไรก็ตามการที่ได้เห็นว่า ยังมีนิสิตกลุ่มหนึ่งมีจิตสำนึกในการที่จะช่วยกันอนุรักษ์ พิทักษ์ป่า ออกมาเคลื่อนไหว แม้ว่ามันจะไม่สามารถทำให้ป่าที่ถูกทำลายไปแล้วกลับคืนมา อย่างน้อยก็คงทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้คิด และมีจิตสำนึกในการที่จะไม่ทำลายป่าในครั้งต่อ ๆ ไปมากขึ้น ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง ผมก็น่าจะดีใจที่อย่างน้อยยังมีนิสิตกลุ่มหนึ่ง ที่มีจิตสำนึกตามสิ่งที่ผมพยายามสื่อให้นิสิตได้ทราบในวิชาที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และได้มีการแสดงออกในเรื่องของการช่วยกันอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัย
สวัสดีครับอาจารย์์..
ธรรมชาติอยู่ได้โดยไม่มีมนุษย์ แต่มนุษย์จะอยู่ไม่ได้หากไม่มีธรรมชาติ ครับ
ความงามของวัตถุยังไงก็ไม่สู้ความงามของธรรมชาติครับ..