หรือเป็นเพราะ กฎแห่งการดึงดูด (Law of Attraction)


ดูเหมือนจะเป็นเหมือนเรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อ การที่คนเราจะมีความเชื่ออย่างไรนั้นเป็นเพราะประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

    

     ช่วงที่ผ่านมา 2-3 เดือนนี้ถ้าใครมีโอกาสแวะเวียนไปตามร้านหนังสือ  โดยเฉพาะร้านนายอินทร์ จะเห็นหนังสือเกี่ยวกับ The Secret , The Top Secret หรือที่เขียนเกี่ยวกับกฎแห่งการดึงดูด หรือ Law of Attraction วางเต็มแผงไปหมด

        ดิฉันเอง เริ่มซื้อหนังสือ The Secret ซึ่งเป็นหนังสือ แปลมาอ่านด้วยความบังเอิญ ตอนนั้นไม่ได้สนใจ เห็นแต่ติดป้ายว่า Best Seller เมื่อหยิบขึ้นมาดูรู้สึกว่าทำรูปเล่ม สีสัน การพิมพ์ ดูขลังยังไงไม่รู้ วางลงดีกว่า ราคาก็สูง พอเลือกซื้อหนังสืออื่นเสร็จจะไปจ่ายเงิน มีเด็กผู้ชายอายุราว สิบห้าปี ไปถามคนเก็บเงินว่า ยังมีหนังสือ The Secret แบบที่ขายเป็นปกอ่อนไหม เพราะราคาจะถูกกว่า พนักงานบอกว่าเหลือ 2 เล่มสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่รีบซื้อก็ต้องรออีกนานกว่าจะพิมพ์ พนักงานหยิบหนังสือออกมาจากใต้แท่นคิดเงิน เด็กคนนั้นคว้าไว้เล่มหนึ่ง ดิฉันก็เลยหยิบมาดูบ้าง เห็นว่าราคาถูกลงกว่าปกแข็ง และขนาดขายดีจนคนเรียกหา ไม่รอช้าส่งให้พนักงานคิดเงินรวมกับหนังสือที่เลือกไว้ก่อนหน้านี้ทันที

        เมื่อนำกลับมาอ่านที่บ้าน มันขลังจริงๆ ที่อ่านแล้ววางไม่ลง ถึงขนาดวางแผนซื้อ post it มานั่งคัดลอกข้อความที่โดนใจ เอาไปแปะใส่สมุดบันทึก ช่วงนั้นมีการอบรมคุณอำนวยการเรียนรู้ของบริษัท ก็เลยเอาไปถ่ายทอดแนวคิด ดีๆ เช่น

 

        เราต้องหัดสนใจกับอารมณ์ของตัวเอง และฝึกฝนที่จะทำให้เป็นบวกด้วยการใส่ใจต่อความคิดของตัวเอง

        จงรู้สึกดี แล้วสิ่งดีๆ จะบังเกิด

        อารมณ์ คือ กุญแจของความคิดสร้างสรรค์ ความหยั่งรู้ และความสามารถในการบันดาลให้สิ่งที่ปรารถนาเป็นจริง

        การสร้างมโนภาพ ต้องเป็นภาพเคลื่อนไหว บวกกับความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในภาพนั้น

        เมื่อฝึกสร้างมโนภาพ จนในหัวเกิดภาพที่ต้องการชัดเจนแล้ว จงทุ่มเทความคิดไปที่ผลลัพธ์ขั้นสุดท้ายเพียงอย่างเดียวเสมอ

 

        หลังจากนั้นไม่นานดิฉันก็ได้ DVD ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้มาโดยบังเอิญอีกเช่นกัน วัตถุประสงค์ที่นำไปฉายให้พนักงานดู เพื่อที่จะให้เขารู้จักการกำหนดเป้าหมาย มีความคิดเป็นบวกต่อตัวเอง ผู้อื่น และเชื่อมั่นในตัวเองว่าสามารถทำให้สำเร็จได้ เรียกว่า พยายามตั้งโปรแกรมเปลี่ยนความคิด ทัศนคติที่มีต่อตัวเองเป็นอันดับแรก

***********************************************************

 

        ต่อมาได้รับหนังสือที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาอีกมากมาย เช่น พลังวิเศษแห่งอารมณ์ พลังแห่งจิตปัจจุบัน หรือแม้แต่ตอนมาเรียน สุนทรียสนทนา อาจารย์ใช้หลักการบางอย่างคล้ายกัน เช่นเรื่องของการทำ Mental Rehearsal ที่เราต้องใช้จินตนาการซักซ้อมการกระทำบางอย่างเพื่อให้เราก้าวพ้นข้ามกลัว เกิดความเชื่อมั่นว่าเราทำได้

 

        สิ่งที่กำลังจะเล่าคิดว่า อาจจะเป็น กฎของการดึงดูด อีกเรื่องหนึ่งที่ประสบมา ...

 

        เมื่อปีที่แล้ว ดิฉันไปเข้าสัมมนาหลักสูตร “Nine Lives of Innovation” ผู้บรรยายเป็นผู้แต่งหนังสือ Fish ตลาดปลาที่เคยโด่งดังจากการแปลของคุณ จิรนันท์ พิตรปรีชา ระหว่างการสัมมนา มีการฉายหนังเกี่ยวกับขั้นตอนการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท IDEO ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการออกแบบมาก เมื่อดูเสร็จชอบใจ และนึกถึงเพื่อนร่วมงานที่อยู่ในฝ่ายการตลาด ฝ่ายบริการเทคนิค ฝ่ายวิจัยการตลาด ฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ อยากให้พวกเขาได้ดูหนังเรื่องนี้ แต่ก็จนปัญญา เพราะ อ.ฝรั่งเขาไม่อนุญาตให้คัดลอกได้ เมื่อกลับมาที่บริษัท พยายามขายไอเดียที่ได้จากหนังให้น้องที่รู้จักฟัง แต่มันก็ไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจใดๆ เพราะเขาไม่เห็นภาพ

 

        จนเมื่อสัปดาห์ก่อน มี Inno Facilitator จากธุรกิจอื่น ท่านหนึ่งนำหนังเรื่องนี้มาเสนอให้หัวหน้าดิฉันดู ที่บริษัทเขาสั่งซื้อมาจากต่างประเทศเมื่อได้ยินเขาพูดถึงบริษัท IDEO ก็เลยลองถามไปว่าใช่เรื่องการออกแบบรถเข็นใน supermarket หรือเปล่า เขาบอกว่าใช่ ทำให้หัวหน้าดิฉันหันมามองหน้าด้วยความงงปนทึ่ง (คิดเองว่าเขาทึ่งฺ)

 

        พอกลับมาที่หน่วยงานเมื่อสองวันก่อน เอ่ยปากขอยืมพี่เขา แล้วนำส่งไปให้ผู้จัดการวิจัยการตลาด ตอนนี้รอผลแต่ว่า เขาจะนำไปถ่ายทอดต่อให้ลูกน้องหรือไม่ ที่แปลกใจตัวเองก็คือ ดิฉันเพิ่งได้รับเชิญจากหน่วยงานนี้ให้ไปร่วมกิจกรรมช่วง Idea time เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนไปนั่งฟังเขาแบ่งปันเรื่องราวที่ได้จากการอบรม ดิฉันชื่นชมผู้จัดการท่านนี้มากที่กระตุ้นน้องๆ ในหน่วยงานให้ทำกิจกรรมนี้ และคิดว่าอยากจะหาเรื่องราวดีๆ มาแบ่งปันให้ทีมนี้บ้างในโอกาสหน้า

        จำความรู้สึกได้อย่างแม่นยำ ดีใจมากๆ ที่สิ่งที่ตั้งใจทำให้เขาบรรลุผลแล้วอย่างที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ว่าจะเกิดขึ้นจริง

 

        จากเหตุการณ์นี้ยิ่งตอกย้ำเรื่องความเชื่อส่วนบุคคลนั้นมาจากประสบการณ์ บางครั้งสิ่งที่เกิดขึ้น หรือผ่านเข้ามาในชีวิตเรามันมีมากมายจนเราลืมที่จะจับ หรือสังเกตได้ทัน แต่อะไรที่ฝังใจ หรือสร้างความประทับใจอาจจะมีไม่มาก ถ้าพบแล้วต้องรีบเก็บไว้ เพื่อให้เรามีกำลังใจที่จะทำเรื่องราวดีๆ ให้เกิดขึ้นกับตัวเองและสังคมที่อยู่รอบข้างเราต่อไป

 

หมายเลขบันทึก: 205164เขียนเมื่อ 2 กันยายน 2008 22:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 16:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ชวงนี้ ต้องการ "คิด เชิงบวก มากสุดสุด"ครับ

ค่ะ คิดอะไรบวกๆไว้ก่อนดีกว่านะคะ ยิ่งช่วงนี้ด้วย
อยากชวนทำ
สวนครัวที่บ้านค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณหมอ JJ พี่ Sasinand และคุณ Paula ที่มาช่วยสนับสนุนความคิดเชิงบวก หรือ Positive Thinking ค่ะ

ถูกแล้วค่ะ ยุคนี้เป็นยุคที่โหยหาด้าน Soft side มาก เพราะเราเริ่มติดกับวัตถุ จนกลายเป็นวัตถุนิยมไปมาก สังคมจึงอยากเรียกร้องให้เกิดความสมดุล โดยหันมาให้ความใส่ใจกับด้านจิตนิยมบ้าง

ไม่ทราบว่าที่อื่นเป็นกันหรือเปล่าคะ หรือที่บริษัทดิฉัน ช้าเกินไปที่เพิ่งเริ่มมาดูแลด้านนี้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท