Indorama สระบุรี


อยากเห็นคนไทยฉลาด ความรู้ที่ได้ต้องนำำไปปฏิบัติ

สวัสดีครับลูกศิษย์ชาว Indorama (Thailand) และชาว Blog        

วันนี้ผมได้รับมอบหมายภารกิจที่สำคัญจากคณะผู้บริหารของ Indorama (Thailand) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดีย ให้ผมมาทำหน้าที่โค้ช (Coach) ให้แก่พนักงานของบริษัท Indorama Chemical  ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งเป็นกลุ่มพนักงานที่มีศักยภาพที่จะพัฒนาให้เป็นผู้นำองค์กรได้ในอนาคต   โครงการนี้จะทำต่อเนื่องทุกเดือน ซึ่งผมคาดว่าเราอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นไม่มากก็น้อย ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างภาพลักษณ์ของ Indorama ให้ดีขึ้น มีการปรับจุดอ่อน และ เพิ่มจุดแข็งให้มากขึ้น  วันนี้ก็เลยถือโอกาสที่จะเปิด Blog นี้ขึ้นมาเป็นสื่อกลางสำหรับพวกเรา หวังว่า Blog นี้จะเป็นแหล่งสะสมความรู้ได้ไม่แพ้ Blog อื่น ๆ ของผม และขอให้ลูกศิษย์ทุกคน เข้ามาใช้ Blog นี้ ให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ต่อบริษัท และต่อส่วนรวมครับ                                                     

                                                   จีระ  หงส์ลดารมภ์

 

หมายเลขบันทึก: 205029เขียนเมื่อ 2 กันยายน 2008 13:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:30 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (57)

สวัสดีรัับอาจารย์ ดีใจครับที่อาจารย์ได้มาช่วยพัฒนาองค์กรนี้ทำให้เรามีความหวัง

ทุกคนย่อมมีความหวังคงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นครับ ขอบคุณคับ

- มีความคิดใหม่ๆ จากเพื่อนร่วมงาน ได้รู้จักกับ อาจารย์ จีระ หงส์ลดารมภ์

- รู้จักกับการทำงานเป็นทีม พัฒนาเรื่องคนในองค์กร

- มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และมีเป้าหมาย

นายอาคม กิ้งเงิน

เวชสุวรรณ ทองไพฑูรย์

ได้ความรู้ใหม่ๆ ที่ได้ฟังการบรรยายของอาจารย์และเข้าใจคำว่าทำงานเป็นทีมมากขึ้น และรู้จักคนอื่นมากขึ้น

เรียน อ.จีระ

ผมมีความภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้รับโอกาสในวันที่  2 ก.ย. 51 เรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การทำงานเป็นทีม และทัศนคติที่เป็นบวก ซึ่งเป็นพื้นฐานในการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน และสามารถแข่งขันได้

อนึ่ง อาจารย์สามารถทำให้การเรียนรู้ เรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย และเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น

1. เป็นสิ่งใหม่ และดีมากๆ สำหรับ อินโดรามา สระบุรี เพื่อการเปลี่ยนแปลง

2. อยากให้ท่านอาจารย์มาเป็นที่ปรึกษา HRD ของ อินโดรามา กรุ๊ป ตลอดไป

3. อยากให้ท่านอาจารย์สอนบรรดา ครู-อาจารย์แม่พิมพ์ของชาติ ถึงวิธีการสอนการถ่ายทอดความรู้ ความคิดแบบท่านอาจารย์

1. ได้ร่วมแสดงความคิดเห็น

2. ได้เพิ่มพูล ความรู้เกี่ยวกับ Team work

3.ได้รับรู้ความคิดเห็นของคนอื่นที่แตกต่างกัน

4. ได้โอกาสที่จะแสดงความสามารถ

5. ได้เปิดวิสัยทัศน์หาตัวเอง

ผมได้ความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องทรัพยากรมนุษย์ มีความสำคัญอย่างไร ในบริษัท และถ้าลงมือปฏิบัติตามแล้วจะทำให้บริษัทซึ่งประกอบด้วย เจ้าของบริษัท ฝ่ายบริหาร และพนักงาน มีความเจริญก้าวหน้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์ และเป็นผู้นำอุตสาหกรรมด้านนี้ได้ ถาวร และยั่งยืน ต่อไปได้ อย่างไม่เป็นรองใคร ในยุคนี้

จากที่ผมได้เข้ามาอบรมวันแรก (ตอนแรกผมก็เฉยๆ ) แต่ผมได้รับฟังการอบรมแล้ว รู้สึกว่าตัวเราเหมือนอยู่ในโลกแคบๆ ซึ่งเราคิดว่าตัวเรานั้นดีพอ มีคุณภาพพอ ที่จะสามารถทำงานให้กับบริษัท อินโดรามา ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผมจะเอาความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับการบริหารคน ,การทำงาน เป็นทีมซึ่งตัวเราคิดว่าทำงานเก่งๆ ก็พอ แต่จริงๆ แล้ว มันไม่ใช่ เราต้องเข้าใจถึงใจเขามาใส่ใจเรา ทั้งพนักงานระดับล่าง และระดับบริหารที่สูงกว่าเรา

ผมคิดว่าการอบรมในครั้งต่อไป ผมสามารถรับความรู้ใหม่ๆ และสามารถนำไปปฏิบัติและใช้ได้ผลอย่างถูกต้อง

นายจิรายุทธ มีสุข

ตอนแรกๆ ก็ฟังไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรมาก แต่พอหลังจากดูเทปและทำ workshop แล้ว อาจารย์ comment แต่ละกลุ่มก็รู้สึกว่า เออ จริง ที่อาจารย์พูดถูกใจ ทั้งทัศนคติของเรา และผู้บริหารที่เหนือกว่าเรา ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมเห็นว่า อาจารย์เป็นคนพูดตรง พูดแล้วผู้บริหารฟัง รบกวนอาจารย์ไปพูดต่อให้เค้าฟังด้วยครับ แล้วถ้าเอาเทปที่ให้ผมดูให้ท่านผู้บริหารดู แล้วให้ทำ workshop แบบที่พวกผมทำนั่นก็จะดีครับ เพราะเค้าคือ ตัวจริง  ในการขับเคลื่อนทุกสิ่งอย่างให้สำเร็จโดยพวกเราจะช่วยกัน

ขอบคุณครับ

เริ่มต้นวันนี้ ผมเข้าอบรมผมคิดว่าเป็นเรื่องอบรมธรรมดา แต่เมื่อได้เริ่มรู้จัก อาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์แล้ว เพียงแค่เริ่มต้น การอบรมผมรู้เลยว่า เป็นการอบรมและเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ ที่ดีที่สุดในชีวิต แค่สามารถนำไปใช้ในชีวิตในครอบครัว และองค์กรก็สุดยอดแล้วครับ

"ผมเป็นห่วง ทุกๆคนที่อยู่หน้าทำเนียบ"

ขอบคุณครับ

นายสิทธิพล กาหาวงศ์

1. หลังจากผมเข้ารับการอบรมจากอาจารย์จีระ แล้ว ทำให้ผมเข้าใจในเรื่องต่อไปนี้ดีขึ้นมากครับ

- คนเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กร

- ความเชื่อมั่นในคน

- ความสำเร็จมาจากคน

- การบริหารงานบุคคลเป็นหัวใจขององค์กร

นายวินัย โกจันทึก

1. ผมได้ฟังการบรรยายของอาจารย์จีระ แล้ว ผมได้รับความรู้เพิ่มขึ้นอีก

2. ผมได้รับความรู้นี้ ไปปฏิบัติในหน่วยงานของผม

ความรู้ที่ได้รับจากการอบรมในครั้งนี้ ทำให้เข้าใจ คำว่า ทรัพยากรมนุษย์ เป็นสิ่งที่สำคัญมากและเป็นหัวใจ ขององค์กรหรือธุรกิจต่างๆมากมาย โดยที่องค์กรจะพัฒนาได้อย่างมั่นคง และยั่งยืนได้จาก คน เป็นปัจจัยหลัก และอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันสำหรับองค์กรอุตสาหกรรมทั่วทุกประเภท นั่นก็คือ การเพิ่มประสิทธิภาพโดยใช้ เทคโนโลยีที่ทันสมัย ตามกาลเวลาปัจจุบันเสมอ

จากการอบรม 6 ชม.กับ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ข้าพเจ้ารู้สึกผ่อนคลายเป็นการสัมนาที่สนุกบวกกับการได้สาระที่มีประโยชน์ ทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่า คน , ทรัพยากรมนุษย์มีความสำคัญ การทำงานเป็นทีม การจะเป็นหัวหน้าที่ดี ซึ่งข้าพเจ้าจะนำไปใช้ ใน Indorama Chemical

ในช่วงเวลาตั้งแต่ 09.00-16.00 น.นั้น ต้องมีความตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา จะต้องเตรียมตัวเพื่อตอบคำถาม ได้ความคิดที่แปลกใหม่ ได้แนวทางจากการเข้าร่วมงานกับเพื่อน และที่สำคัญอาจารย์ให้ออกไปบรรยาย แล้วท่านจะให้คำชมและคำตำหนิ หลังจากบรรยายเสร็จทันที

นายนพดล จันทรมาลี

สิ่งที่ได้รับ

1. ได้รู้จักอาจารย์ มีวิสัยทัศน์อย่างไร (ดีครับ)

2. รู้จักคิดมากขึ้น

3. มีความทะเยอทะยานมาก (ในทางที่ดี)

4. รู้จักการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

5. ความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์

6. ได้แสดงความคิดเห็น

7. รู้จักคำว่าทีมเวอร์ค

8. รู้บทบาทและหน้าที่ในการทำงานเป็นทีม

9. อาจารย์รู้สึกภูมิใจในตัวเอง (เป็นตัวอย่างที่ดี)

10. ได้รู้จักการใช้ชีวิตแบบปรัชญา

สิ่งที่ต้องการในครั้งต่อไป

มีกิจกรรม workshop (ฝึกการแสดงออกและเป็นผู้นำ)

พวงผกา เงินมั่นคง

สิ่งที่ได้รับจากการร่วมสัมนา

สร้างองค์กรทุกระดับ, นึกถึงองค์กรนอก, ใช้เครื่องจักรที่ทันสมัย, คุณธรรมต้องเป็นคนดีและเก่ง, ความรักความผูกพันในองค์กร, ส่วนร่วมในการบริหาร และกล้าแสดงออกในสิ่งที่ถูกต้อง

จีรัฐติ์ ประทุมสันต์

ก่อนจะพบตัวเป็นๆ ของอาจารย์ผมมีโอกาสเข้า blog ของอาจารย์มาก่อนประมาณ 2 ปี และเคยอ่านหนังสือ "ทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้" มาก่อน ก็พอจะทราบเกี่ยวกับอาจารย์มาบ้าง เมื่ออ่านใน blog ครั้งแรกรู้สึกว่า อยากให้อาจารย์มาเป็นที่ปรึกษาบ้าง ก็ได้มาจริงๆ ดีใจครับ

รัตติยา วิจิตรแพทย์

สิ่งที่ได้รับจากการรับฟังการอบรมในวันนี้

-ได้รับข้อคิดที่จะนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน และการทำงานในองค์กรได้ เช่น การรู้จักคิด และวิเคราะห์ให้เป็น

- ได้รับรู้ถึงลักษณะการบรรยายของวิทยากรนั้นดูมีสีสรร สร้างบรรยากาศเป็นกันเองได้ดี สามารถเป็นที่ปรึกษาได้ในทุกๆ ข้อที่เป็นคำถาม

- รู้สึกมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมีส่วนร่วมในการเข้ามารับฟังการอบรมในครั้งนี้ ทำให้เกิดประโยชน์ได้รับรู้ในทางความคิด ที่จะนำไปพัฒนาในชีวิตและองค์กรต่อไป

- ได้รับรู้ถึงแรงบันดาลใจในการต่อสู้ชีวิตนั้น เราต้องพึ่งตนเอง แก้ปัญหาด้วยตนเอง และต้องมีการตั้งเป้าหมาย เพื่อที่จะทำให้เกิดแรงกระตุ้น ให้ประสบความสำเร็จได้

- การมองโลกในแง่ดี จะเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น

1. สิ่งที่ได้รับ

- บรรยากาศดี ทิวทัศน์ส่วย สบายตา

- ทุกครั้งที่ไปเข้ารับการอบรมที่ไหน จะมีอาการง่วงนอนตลอด แต่นี่ ไม่มีอาการเลย

- กล้าพูด กล้าแสดงออก และอยากนำไปปฏิบัติเปลี่ยนแปลงใหม

- มุมมองที่ดีต่อพนักงานและองค์กรมากขึ้นกว่าเดิม

- อยากเห็นองค์กร เจริญควบคู่ไปกับสังคม

- ภูมิใจที่ได้รับสิ่งดีๆ มาต่อเติม

- ดีใจที่ได้เป็นลูกศิษย์อ.จีระ

- การเป็นผู้ฟังที่ดีของเพื่อน ที่เข้ารับการอบรม

- มีกำลังใจและแรงจูงใจในการใช้ชีวิตประจำวัน

- สอนให้บางคนได้รู้ว่า ... ยังมีเพื่อนร่วมงานที่ดีๆ และอยากจะพัฒนาองค์กรไปด้วยกัน

- การไม่เห็นแก่ตัว ,การเอาตัวรอด

- การทำงานเป็นทีม

- นำองค์กรสู่ความเป็นหนึ่ง

2. เสนอแนะ ครั้งต่อไป ในการอบรม 

- มุมมองของพนักงานที่มีต่อโรงงาน (ทัศนคติ) ในด้านดี

- แรงกระตุ้น ต่อการทำงาน

(ความหมาย อายุงานมาก รู้มาก แต่ ... ทำก็ต่อเมื่อมีหัวหน้างานมา) หรือ ผลตอบแทน

-

พงษ์ศักดิ์ พุทธทองศิริ

ความรู้สึก ของข้าพเจ้าก่อนที่จะเข้าร่วมการเรียนรู้ในครั้งนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าก็เหมือนกับทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา แต่พอเข้าร่วมการเรียนรู้ มีความคิดว่าไม่ใช่ เพราะอาจารย์มีความคิดและวิธีการพูด การบรรยายที่แตกต่างออกไปอีกแนวหนึ่ง มีความสบายๆ ในการพูด ให้ความรู้แปลกใหม่ ที่นำไปใช้ได้ทั้งในที่ทำงาน และครอบครัว ทำให้คนมีความกระตือรือร้น มีความทะเยอทะยาน ในการตั้งเป้าหมาย และการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ ๆ

นายเกรียงไกร สนิทไชย

จากการได้มาเรียนรู้กับอาจารย์ ตั้งแต่เช้า- เย็น ผมมีความรู้สึกเป็นกันเอง และสอนให้รู้จักการวิเคราะห์การพัฒนาตนเอง

 

จากการได้ฟังการบรรยายของ อ.จีระในวันนี้ผมได้รับแนวความคิดที่แปลกใหม่ เข้ามาหลายประเด็น ในการบริหารงาน การพัฒนาองค์กร การพัฒนาบุคคล

จากการที่ได้เข้ารับฟังของอาจารย์จีระ แล้วรู้สึกเข้าใจในการทำงานเป็นทีม และได้รับแบบอย่างที่ดีในหลายๆประเด็น

นายสุกร์ เบสูงเนิน

จากการเข้าฝึกอบรมในวันนี้ ข้าพเจ้าได้ความรู้เพิ่มเติมหลายอย่าง หลายประเด็นเช่น

- การทำงานเป็นทีม

- การเป็นทรัพยากรที่ดีขององค์กร

- การที่จะพัฒนาตัวเอง และพัฒนาองค์กรให้ดีขึ้น

- การเพิ่มพูนความรู้

การฝึกอบรมครั้งต่อไป อยากให้อาจารย์ฝึกอบรมเพื่อการเอาชนะอุปสรรคต่างๆ

จากการที่ได้ seminar ในครั้งนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้หัวหน้างานรู้จักคิดนอกกรอบ ให้เป็นคนที่รู้จักการนำปัญหามาวิเคราะห์ให้เป็น ได้แสดงออกคือการคิดเสียงดัง ให้คนอื่นได้รับรู้ด้วย ไม่ให้คิดในใจแล้วเก็บไว้คนเดียว และให้รู้จักการคิด ไม่ copy ให้ understanding แล้วพัฒนาให้เป็น Value Added คือการเพิ่มมูลค่าทางความคิด

จากนั้นนำไปปฏิบัติโดยใช้ teamwork ซึ่งการเป็น teamwork ที่ดี จะต้องมีบทบาทแต่ละคนต้องไม่เหมือนกันแต่เมื่อรวมกันแล้ว ต้องนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ คือเป้าหมายสูงสุด ในองค์กร

ได้เข้าใจถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

-พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

- มีคุณธรรมในการทำงาน

- มีจริยธรรม

- ได้เข้าใจการเป็นผู้นำ ทำงานได้โดยไม่อิจฉาริษยา และทำงานที่สำคัญเหมาะสมกับตำแหน่ง

จึรัฐติ์ ประทุมสันต์

สวัสดีครับอาจารย์ ตอนนี้ผมอ่านหนังสือของอาจารย์อยู่ครับและได้เจอคำพูดหนึ่งครับฃึ่งผมคิดว่าใช่คือ

"ในการสร้างคนในองค์กร เราไม่ได้สร้างเฉพาะระดับใดระดับหนึ่ง เราต้องสร้างทั้งหมด

ตั้งแต่คนงาน ในโรงงานจะต้องมีการฝึกอบรมมาตลอด ถึงจะรับทอดกันไปได้ ถึงจะพูดภาษาเดียวกันได้ ถ้าทำเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งก็จะรู้เรื่องเฉพาะส่วนนั้น ส่วนอื่นก็จะไม่รู้เรื่องด้วย" และจากหนังสือบางตอนพอลำดับความได้อีก คืออุปสรรคของการพัฒนาบุคลากรคือคนถูกตีค่าเป็นแค่ต้นทุนของการผลิต

เป็นธรรมดาของนายทุนครับที่ลงทุนไปและต้องได้กำไรและกำไรต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด

และการทำให้เป็นบรรษัทภิบาลเป็นเรื่องยากสำหรับบริษัทข้ามชาติ ความต่างทางวัฒนธรรม ประเพณี การดำรงชีวิต ล้วนเป็นข้อจำกัดของการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อองค์กร

ไม่ทราบอาจารย์มีคำแนะนำหรือเห็นอย่างไรครับ

องค์กรธุรกิจต่างๆ จะอยู่ได้อย่างยั่งยืนก็ต่อเมื่อมีทรัพยากรมนุษย์ที่ดี ซึ่งทรัพยากรมนุษย์ คือคนที่ไม่ใช่เครื่องจักรที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่รู้จักรเหน็ดเหนื่อย องค์จะดีและอยู่ได้ก็เพราะมีคนเก่งและดีซึ่งเป็นคุณสมบัติของคำว่าทรัพยากรณ์มนุษย์ ดังนั้นองค์กรต่างๆต้องเล็งเห็นความสำคัญของคนเป็นอันดับหนึ่งซึ่งจะสามารถพาองค์กรไป

สู่เป้าหมายปลายทางได้สำเร็จโดยการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ เรียนรู้เทคโนโลยีต่างที่มีการเปลี่ยน-

แปลงในโลกใบใหม่ตลอดเวลาตามการเหมาะสมและหมั่นปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์

มีวินัย ทำงานเป็นทีม และจงรักภักดีของคนในองค์กรซึ่งเปรียบเสมือนเข็มของการก่อสร้าง

ที่จะยั่งยืนไม่มีการทรุดตัวขององค์กร

คุณสมบัติของทรัยากรมนุษย์ต้องมีอย่างน้อยสองข้อคือ

1. เป็นคนเก่งซึ่งมีอยู่ด้วยกัน สี่เก่ง คือ เก่งคิด เก่งงาน เก่งคน และเก่งเรียน

2. เป็นคนดี คือ มีจริยธรรม คุณธรรม ความประพฤติดี มีน้ำใจ และซื่อสัตย์

รัตติยา วิจิตรแพทย์

สวัสดีค่ะ..อาจารย์ วันนี้ได้อ่านหนังสือของอาจารย์แล้วนะค่ะ

ก็พอจะสรุปได้เกี่ยวกับในองค์กรนั้น ถ้าพูดถึงคุณภาพของคนกับการเพิ่มผลผลิตนั้นถือว่าคนนั้นเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุด เพราะองค์กรจะพัฒนาได้ดีก็มาจากคนที่ได้กำลังแรงจูงใจ ซึ่งสิ่งจูงใจไม่ใช่แำค่ค่าตอบแทนหรือเงินเท่านั้น แต่เป็นได้ทั้งการสร้างบรรยากาศภายในองค์กร ที่หมายถึงการสร้างโอกาสการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างพนักงานทุกระดับ เพราะการพัฒนาคนต้องพัฒนาทุกระดับ ทำให้ได้ประโยชน์ได้รับความรู้พร้อมกัน ก็จะก่อให้เกิดการทำงานเป็นทีม ซึ่งสิ่งนี้ก็จะทำให้เกิดพลังขับเคลื่อนในองค์กร ทำให้เกิดผลสำเร็จมากขึ้น และการที่จะรักษาบุคลากรให้อยู่กับองค์กร ผู้นำหรือผู้บริหารระดับสูงก็จะต้องสร้างความผูกพันในองค์กรต้องให้ความสำคัญกับพนักงาน

ทุกระดับ ให้โอกาสทุกคนเท่าเทียมกัน ซึ่งจะเป็นกำลังใจให้กับพนักงานทุกระดับและ ก็จะก่อให้เกิดความเชื่อมั่นและศรัทธา ทุกคนจะได้มีความรู้สึกมีส่วนร่วมมีความภูิมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จขององค์กร

และสุดท้ายนี้รู้สึกชอบในคำพูดของอาจารย์ที่ว่า "มนุษย์เกิดมาเท่ากันโดยพื้นฐาน แต่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จะทำให้มีความสามารถทัดเทียมกัน" ก็ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์มาก ๆนะค่ะ ที่ได้มีโอกาสได้รับความรู้มากขึ้น

ขอบคุณสำหรับหนังสือเล่มนี้ ที่สื่อให้เรารู้ว่า "คน" มีความสำคัญมากในการพัฒนาองค์กรให้เจริญเติบโตควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจใน

ยุดไฮเทคทางด้่านเทคโนโลยีที่ทันสมัย "คน" บางครั้งจะมีอยู่ 2 ด้าน คือ ด้านยอมรับ คือ

พร้อมที่จะพัฒนาตนเองและองค์กรให้เจริญเติบโต กับด้านการไม่ยอมรับ ไม่รับรู้ ไม่สน

รู้แต่อย่างเดียว รู้มากเหนื่อยมาก ผมคิดว่าข้อความและบทสนทนาบางตอนในหนังสือเล่มนี้ จะสื่อให้รู้คุณค่าของตนเอง ว่ามีความสำคัญมากขนาดไหน ผมขอยกย่องและชมเชยท่าน

อ.จีระฯ และท่านพารณฯ เป็นอย่างยิ่งที่ได้สื่อคุณค่าของความเป็นคน ที่มีความสำคัญต่อ

องค์กรเป็นอันดับหนึ่ง และสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ คนในครอบครัว ผมชอบมากคำนี้

"คนในครอบครัว" ขอบคุณครับ

ถาม-ตอบ "ใครบ้างที่จะรู้สึกถึงความเจ็บปวด เหนื่อยล้า ท้อถอย หมดกำลังใจ"

ของการทำงานด้านทรัพยากรมนุษย์บ้าง เคยได้ยินคำพูดนี้บ่อย ๆ "ทำดีก็เสมอตน"

มีบ้างในบางครั้ง รอยยิ้มของเพื่อนร่วมแผนกเท่านั้นแหละที่จะเป็นกำลังใจในการทำงาน

และก็อีกนั้นแหละ คือคำขอบคุณจากผู้บังคับบัญชา

นาย เวชสุวรรณ ทองไพฑูรย์

หลังจากหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้แล้วสิ่งที่ได้รับคือได้รู้จักประวัติการทำงานของคุณ.พำรณ อิศรเสนา ณ. อยุธยา และ ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ ว่าท่านทั้งสองมีหน้าที่การงานต่างกันแต่มีจุดประสงค์เหมือนกันคือให้ความสำคัญสำหรับคนมากกว่าผลผลิต

อ่านหนังสือแล้วได้อะไร?

เอาเป็นว่าได้ข้อคิดเห็นอะไรจากหนังสือเล่มนี้ รู้สึกว่าพนักงานจะสามารถพัฒนาได้มากขนาดไหนขึ้นอยู่กับแนวทางของผู้บริหาร

ว่าสนใจจะพัฒนาด้านนี้หรือไม่ จากหนังสือจะเห็นว่ามีงบประมาณสำหรับด้านนี้ มีการผลักดันอย่างต่อเนื่องและตั่งใจ มีการร่วมมือร่วมใจทุกฝ่าย แต่อย่างแรกเลยผู้ที่รับผิดชอบในด้านนี้ต้องแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ

ในการพัฒนาด้านนี้ และเมื่อพัฒนาแล้วต้องให้เป็นทั้ง “คนเก่งและคนดี” รักที่จะเรียนรู้และพัฒนาตัวเองและองค์กรต่อไป ยกตัวอย่างเหมือนที่หลวงให้ทุนไปเรียนเมืองนอกซึ่งคนที่ไปได้ความรู้ที่จะนำมา

พัฒนาประเทศต่อไปและความรู้สึกต้องการตอบแทนบุญคุณหลวงที่ให้โอกาสได้ไปเรียน

หลักๆของหนังสือจะส่งเสริมให้พัฒนาทุกๆด้านควบคู่กันไปไม่ใช่แต่ความรู้เท่านั้น

ในหนังสือเล่มนี้ผมอ่านแล้ว มีการสนทนาระหว่างคุณพารณกับศ.ดร.จีระ และ ศ.ดร.จีระ กับคุณยุพา การสนทนาต่างก็มุ่งมั่นไปในทิศทางเดียวกันคือ อ.พารณจะเน้นไปทางพัฒนาคนควบคู่กับการเพิ่มผลผลิตที่มีส่วนร่วมกับบริษัท

ส่วน ศ.ดร.จีระ จะเน้นกับแรงงานทรัพยากรมนุษย์ จะให้ความรู้ไปทุกหนทุกแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศไม่เน้นเฉพาะในรั้วมหาวิทยาลัย ส่วนคุณยุพาพูดถึงคุณพารณนั้นเป็นต้นแบบที่ดี

คน หรือ มนุษย ์เป็นทรัพยากรที่สำคัญมากซึ่งไม่ต่างไปกับเงินทุนและวัตถุในขบวนต่าง ๆ ขององค์กรทุกองค์กรที่สามารถจะสร้างและพัฒนาองค์กรให้ทุกอย่างยั่งยืนและถาวรได้โดยการสร้างการพัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ โดยให้มีการอบรมกับทุกระดับขององค์กรได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไม่ว่าทางเทคโนโลยี การบริหารงานและการจัดการระบบใหม่ ๆ ให้ทันสมัยยุคปัจจุบันตลอดเวลาสร้างความสัมพันธ์ให้พนักงานมีส่วนร่มและรักองค์กร เพื่อพัฒนาให้ไปสู่อนาคตอันสดใส ฉะนั้น คนจึงเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญมากที่จะรับรู้ เรียนรู้ และริเริ่มสร้างสรรค์ให้มีความคิดที่หลากหลายที่จะพัฒนาอยู่ตอลดเวลาอย่างไม่หยุดนิ่ง ดังนั้นองค์กรจะรุ่งเรืองโชติช่วงด้วยพรัพยากรมนุษย์ที่มีประสิทธิ์ภาพ และคุณสมบัติที่ดีดังนี้

- เป็นคนเก่ง ที่ช่างคิดที่จะเรียนรู้ คิดทำ ขวนขวาย มีความพยายาม อดทนและมุ่งมั่นสูง

- เป็นคนดี มีคุณธรรม รักความถูกต้อง และซื่อสัตย์

หลังจากศึกษาตำราของ อาจารย์เสร็จ ทำให้ผมได้รู้ว่า เราต้องพัฒนาตนเองและพนักงานทุกระดับชั้น

ให้เปิดโลกทัศน์ ได้ศึกษาเรียนรู้สิ่งใหม่ให้ทันตามเทคโนโลยี เพื่อรองรับโลกอนาคต

พวงผกา เงินมั่นคง

-สิ่งที่ดิฉันได้รับจากหนังสือเล่มนี้ สอนให้เรารู้ว่า คนเราถ้าไม่พัฒนาตัวเอง สมองก็จะเสื่อมไม่ทันโลก

- งานทุกอย่างต้องประด้วยคุณภาพ ทันตามกำหนด ราคาเป็นธรรม

- ผลผลิตจะประสบผลสำเร็จได้ก็คือ ความจงรักภักดี ความีวินัย ความพร้อมเพรียงกับให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว

คุณสมบัติขององค์การ :-

1. ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม

2. สนับสนุนให้มีการศึกษา

3. พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง

เรียนอาจารย์จีระ

ทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดในองค์กรการลงทุน ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และจะทำให้องค์กรนั้นสามารถพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยเครื่องมือในด้านการบริหารหลายด้านเช่น

-ภาวะผู้นำ

-การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

-การสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้

-การทำงานเป็นทีม

-การคิดแบบสร้างสรร

-การพัฒนาทางด้านทักษะความรู้ และความสามารถ

-เทคนิคในเรื่องของการเพิ่มผลผลิต

ซึ่งจะทำให้องค์กรทางธุรกิจสามารถแข่งขันได้ และดำรงอยู่อย่างยั่งยืนครับ

หลายล้านคนคงบอกว่าหนังสือนี้ดีมากดิฉันเป็นหนึ่งในล้านคนนั้นที่อ่านแล้วอยากอ่าน

อีกมีปรัชญาหลายอย่างที่นำมาปรับใช้กับการดำเนินชีวิตได้ เราเกิดมาเพื่อจะเรียนรู้และเรียนรู้อย่างสนุก..นำมาใช้เพื่อสร้างสรรค์

จากที่อ.บอกว่าชาวอินเีดียให้ความไว้วางใจอ.มากดิฉันเชื่อมากๆๆเนื่องจากตอนนี้พนักงานอิน

โดจะเข้าสู่ระบบญี่ปุ่นซึ่งเป็นแนวคิดของอ.แน่นอนระบบนี้เป็นระบบที่ดีสอนให้คิดเป็น

ระบบแต่พนักงานยังให้ความสนใจน้อยเพราะจากที่อ.บอกถ้าจะพัฒนาต้องพัฒนาทั้งระดับบน

และระดับล่างมิฉะนั้นจะคุยกันคนละภาษา ดิฉันอยากให้บริษัทจริงจังกับการพัฒนา

บุคลากรในบริษัทในทุกระดับ.

จริงๆแล้วทำให้ผมรู้ว่าการใช้ชีวิตนั้นเราก็ต้องมีปรัชญาในการใช้ชีวิตเหมือนกัน ซึ่งทำให้เราได้คิดและรู้เรื่องราวต่างๆได้ดีขึ้นเช่น

ในสังคมของการทำงานคงไม่พอถ้าเรามีแค่หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบแต่ชิ่งที่ควรมีคือ การในเกรียติซึ่งกันและกันไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรืือลูกน้อง ถ้าเรามีพื้นฐานตรงจุดนี้ความเครารพ ความเชื่อและความศรัธาก็คงจะตามมาอย่างเช่น

- คนเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดขององค์กร

อ่านหนังสือเล่นนี้แล้วสิ่งที่ได้คือ

1 คนเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดขององค์กร ทำให้เรา้เปลี่ยนความคิดแบบใหม่

2 คนไม่ได้ต้องการผลตอบแทนที่เป็นเงินอย่างเดียว แต่ยังต้องการผลตอบแทนทางใจด้วย

3 พยายามสร้างองค์กรให้มีบรรยากาศของครอบครัว ซึ่งฟังแล้วทำให้รู้สึกอบอุ่น

4 การเพาะปลูกสำคัญก็จริง แต่การเก็บเกี่ยวย่อมสำคัญกว่า

5 ไม่ว่าเราจะทำอะไรเราต้องเชื่อหรือศรัทธาในสิ่งนั้นก่อน

เรียน อาจารย์ที่นับถือ

ผมได้อ่านหนังสือของอาจารย์แล้วทำให้หูตาสว่าง ปัญญาเกิดขึ้นจึงได้รู้ว่า การใช้หลัก 5 ส. /

คิว ซี ซี / ระบบความปลอดภัย / ระบบข้อเสนอแนะ / ทั้งหมด 4 ประการนี้ช่วยให้เพิ่มผลผลิตได้อย่าง

รวดเร็ว แต่ที่โรงงานผมมี ISO 9001 และ ISO 14001 อีกด้วย แต่ก็ยังไม่เจริญเท่าที่ควรคงเป็นเพราะ

ว่าโรงงานของผมไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องของคน ผู้นำขาดวิสัยทัศน์กว้างไกล อีกทั้งยังขาดคนเก่ง

(จริง) และคนดี (จริง)

ปล. ระบบข้อเสนอแนะของโรงงานผมเปิดตัวไปเมื่อวานนี้เอง ??????? (8 กันยายน 2551)

หนังสือเล่นนี้ดีมากครับ อยากให้ผู้บริหารทุกคนได้อ่านแต่ก็ไม่รู้จะอ่านหรือเปล่า หรือมองว่าลูกจ้างคือต้นทุน แต่ผมก็มีความเชื่อน่ะว่าผู้บริหารไม่ได้คิดแบบนั้น

จากคำพูดที่ว่า คนเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร เพราะอะไรทุกอย่างก็เกิดจากคนทำทั้งนั้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเองนอกจากธรรมชาติเพราะฉะนั้น ทำดีต้องได้ดีแน่นอนครับ

เรียน อาจารย์จีระ

กระผมได้อ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ของอาจารย์พอสรุปได้ว่า

- การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นการลงทุนไม่ใช่ต้นทุน

- องค์กรที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ ประสพความสำเร็จในการกำหนดวิสัยทัศน์,กลยุทธ์,คุณค่า เพื่อนำองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศ โดยอาศัยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้สอดคล้องรับกับนโยบายดังกล่าว เพื่อรับมือกับการแข่งขัน และสภาพการเปลี่ยนแปลงทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม เมื่อองค์กรมีศักยภาพในเรื่องของทุนมนุษย์ ก็จะทำให้องค์กรพัฒนาต่อไป

หลังจากได้ศึกษาหนังสือ อ. จีระ ทำให้ผมได้เข้าใจการเป็นหัวหน้างานที่ดี คือ มีการพัฒนา

ทางด้านความรู้ จริยธรรม คุณธรรม และยุติธรรม ดั่ง เปาบุ้นจิ้น

ปล. ESS เมื่อวาน โคโยตี้เต้นได้มันส์มาก ขอบคุณครับ

จากที่ผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้ (ยังอ่านไม่จบดี)แต่ก้ได้แง่คิดหลายต่อหลายอย่าง

ที่จะทำให้บริษัท อินโดรามา ซึ่งต้องปรับปรุงหลายด้าน เช่น พัฒนาด้านคน ด้านจิตใจ

วินัย และความจงรักภักดีต่อบริษัท ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มผลผลิตอย่างมี คุณภาพอย่าง

และยั่งยืนตลอดไป

ขอขอบคุณบริษัทที่ยังเห็นคุณค่าของพนักงาน ที่ให้พวกเราได้รับการอบรมที่มี คุณค่าในครั้งนี้ด้วย

เรียน ท่านอาจารย์ จีระ

อาจารยทั้งสอง์ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างแท้จริงและยั่งยืน

ขอบคุณที่ท่านอาจารย์ได้ชี้แนะสั่งสอนให้ชาวอินโดรามาเคมีคอลส์ สระบุรี

" การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทุกระดับและนำไปปฏิบัติ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดขององค์กร

ถ้าไม่พัฒนาคนก่อนอื่น ถึงแม้ว่าจะนำเอาอะไรเข้ามาในองค์กร ก็จะไม่เกิดผลสำเร็จ

เพราะคนนี้แหละเป็นตัวจักรสำคัญที่สามารถทำได้นาๆนับประการในโลกนี้ทั้งบวก/ลบ"

ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

ปล.อยากให้ท่านอาจารย์มาอยู่กับเราชาวอินโดรามาตลอดไป

เรียนท่าน อาจารย์ จีระ

ได้ข้อคิดจากท่านอาจารย์ คือ ในการปฏิบัติงานของฝ่ายบริหารกับผู้ร่วมทำงานกับองค์กร

ี่มีระบบที่เข้มแข็ง เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน ให้ความเจริญก้าวหน้ากับองค์กรของเราให้

ดียิ่งขึ้น ขอบคุณครับ

นายอภิรักษ์ บุญสมวล

เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือจบ ข้าพเจ้าได้พบหลักความจริงที่ว่า เมื่อเราทำความดีเราก็จะได้ผลกรรมดี กลับคืนมาไม่ช้าก็เร็ว และเหนือสิ่งอื่นใด เราก็จะได้คำชมและสรรเสริญเยินยอ แต่เราก็จะต้องไม่ตั้งอยู่ในความประมาท อย่าหลงตัวเองว่าเราเก่ง เราจึงต้องทำความดี โดยไม่หวังผลตอบแทน แล้วความรักความเชื่อมั่น และศรัทธาก็จะเกิดขึ้น ทุกอย่างก็จะประสบผลสำเร็จ

พงศักดิ์ พุทธทองศิริ

จากการที่ผมได้อ่านหนังสือ " ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ " ของอาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์ และบทความสัมภาสความคิดของอาจารย์พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ทำให้ผมมีความคิดใหม่ที่ว่า คนเราไม่จำเป็นที่จะเก่งและได้ดีในสายที่เรียนมา จากหนังสือ " ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ " จะเห็นได้ว่า จากคน 2 คน ต่างวัย ต่างสายอาชีพ ต่างความคิด ต่างประสบประการณ์ แต่มีความมุ่งมั่นอันแท้จริง ในการที่จะพัฒนาคนไปสู่เป้าหมายเดียวกันได้ นั้นก็คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณค่า เพื่อศักยภาพไปสู่ ครอบครัว องค์กร สังคม และประเทศชาติ

ได้รู้จักทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ ที่มากด้วยประสบการณ์ วิสัยทัศน์กว้างไกล มีการพัฒนาความรู้กับผู้อื่น เราจะต้องเตรียมตัวพัฒนาปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา เพราะเราอยู่ในโลกที่ต้องมีการแข่งขัน ธุรกิจของไทยและการใช้ชีวิตประจำวัน ต้องก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ

หนังสือทรัพยากรมนุษย์เป็นหนังสือที่รวมแนวคิดและความเห็นตลอดจนประสบการณ์ของคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และดร.จีระ หงศ์ลดารมภ์ ซึ่งได้กล่าวถึงประวัติและผลงานด้านการทำงานเกี่ยวกับคนของปูนซีเมนต์ไทยซึ่งเป็นบริษัทของคนไทยแห่งแรกที่ได้ลงมือปฏิบัติการด้านการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพควบคู่ไปกับการพัฒนาคนอย่างจริงจัง ปัจจัยสำคัญที่ที่ทำให้การเพิ่มผลผลิตประสบความสำเร็จคือ ความจงรักภักดี และความมีวินัยของคนในองค์กร ส่วนหลักการบริหารเน้นความมีส่วนร่วมของพนักงานเพื่อให้เกิดความผูกพันกับบริษัท ตลอดจนมีความเชื่อ ความศรัทธาในเรื่องของคนเก่ง คนดี คุณค่าของคน และการทำงานเป็นทีม ประเด็นหลักๆในด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์คือ ปรัชญาหรือแนวความคิด เป้าหมาย วิธีการในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และปัจจัยที่จำเป็นต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ในส่วนของดร.จีระได้นำเสนอทฤษฎี 3 วงกลม ซึ่งได้ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เรื่องภาวะผู้นำ นวัตกรรม การบริหารเวลา และการมองว่างานทุกอย่างเป็นงานที่ท้าทาย ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้เป็นการสรุปถึงความเชื่อและแนวทางในการทำงานเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย จากการที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้จนจบทำให้มีมุมมองในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์กว้างไกลมากขึ้น

อาจารย์ค่ะดิฉันได้ไปคุยกับเพื่อนทำงานที่ซีพี.เค้าบอกว่าตอนนี้ทางยักษ์ใหญ่เครือซีพีเจริญโภคภัณท์

กำลังเปลี่ยนระบบบริหาร.ยักษ์จากที่ทำอะไรเชื่องช้าเพราะระบบใหญ่กำลังจะลุกวิ่ง

กำลังหันมาพัฒนาทรัพยากรคน เทคโนโลยีที่ทันสมัย ฟังแล้วน่าตื่นเต้นมาก คนของเค้ามีคุณภาพมากตั้งแต่การคัดคนเข้าทำงาน การให้ผลตอบแทน การให้การศึกษา,อบรมและทำอย่างจริงจัง.ดิฉันเลยอยากรู้ความคิดของอ.ว่าระหว่างคนอินเดียกับ

คนจีนใครจะประสบผลสำเร็จมากกว่ากัน....คิดถึงอาจารย์หนังสืออ่านจบแล้วค่ะ

แต่งข้อความมาหลอกกันชัดๆอ่านดูแล้วไม่ห็นจะมีใครเค้าเขียนลงเลยเดี๋ยวเจอหม่ำหน่อยแล้วสิหนาว

หนูก็ไม่ได้เขียนดันมีลงเฉยเลย ใครแน่เจอเจ้าแม่ห้องแลปมั๊ย

นายแอ๋ง จอมขี้เมา

แอ๋งคือเจ้าพ่อน้ำเสียใครอย่าแตะด๊อกเตอร์นะไม่งั้นเสีย2กั๊กอ่านซะจะได้ไม่เครียดหรือจะเจอกับหม่ำก็ได้ถ้าไม่มีตังค์ซื้อเหล้ากู้ป๋ายศก่อนแล้วไปเที่ยวต่อร้านสำรวยชวนประพันธ์กับอาจารย์ผดุงเจ้าพ่อน้ำเสียไปด้วย

นายแอ๋ง จอมขี้เมา

แอ๋งคือเจ้าพ่อน้ำเสียใครอย่าแตะด๊อกเตอร์นะไม่งั้นเสีย2กั๊กอ่านซะจะได้ไม่เครียดหรือจะเจอกับหม่ำก็ได้ถ้าไม่มีตังค์ซื้อเหล้ากู้ป๋ายศก่อนแล้วไปเที่ยวต่อร้านสำรวยชวนประพันธ์กับอาจารย์ผดุงเจ้าพ่อน้ำเสียไปด้วย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท