เจ้าหน้าที่ใช้กระบวนการ CQI มาใช้ในกระบวนการปรับปรุงคุณภาพการทำงาน แต่ยังไม่ได้ใช้วิถีทางของการจัดการความรู้ ซึ่งได้แก่กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการถอดบทเรียนจากขุมความรู้ อย่างแท้จริง
จากที่ศูนย์อนามัยที่ 8 ได้จัดการประชุมวิชาการโดยการนำเสนอผลงาน KM ที่นครนายก(http://gotoknow.org/blog/kongkiet/202447) เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 25551 และผู้นำเสนอได้รับการชี้แนะ และได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในระหว่างกันแล้ว
ต่อมาในวันที่ 27-28 สิงหาคม 2551 ผู้นำเสนอได้ปรับปรุงผลงาน KM เพื่อให้เห็นถึงผลลัพธ์และกระบวนการที่นำวิธีการของ KM มาใช้ นำเสนอด้วยการจัดบอร์ด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทั้งองค์กรได้มีโอกาสมาเรียนรู้ และรับทราบทั่วกัน (http://gotoknow.org/blog/kongkiet/204127) ซึ่งได้มีการประกวด (http://gotoknow.org/blog/kongkiet/204163) และแจกรางวัลไปเรียบร้อยแล้ว (http://gotoknow.org/blog/kongkiet/204181) นั้น
วันที่ 29 สิงหาคม 2551 ศูนย์ ฯ จึงได้จัดให้มีกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกลุ่มการเรียนรู้ที่นำเสนอ (รวมทั้งผู้อื่นที่ไม่ได้นำเสนอด้วย)
ในการจัดกิจกรรมผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 8 (นายแพทย์ชาญชัย พิณเมืองงาม) ได้กล่าวว่า
- การจัดการความรู้ของศูนย์อนามัยที่ 8 หากพัฒนาไปถึงจุดหนึ่ง จะต้องมีการพัฒนาเข้าไปอยู่เป็นนิสัย มีพฤติกรรม โดยไม่รู้ตัว
- จะเห็นว่าบุคลากรบางกลุ่มได้ใช้กระบวนการ KM มาใช้ในการทำงานตลอดเวลา คิดตลอดเวลา จะเห็นถึงการพัฒนา แต่จะทำอย่างไรให้คนอื่นทำได้ เช่นถ้ากลับไปมองที่บ้านก็สามารถใช้กระบวนการนี้ในการพัฒนาได้
- โดยพื้นฐานของมนุษย์นั้นเกิดมาสร้างให้มีความขยันอยู่แล้วตั้งแต่ขวบปีแรก ในช่วง 1-2 ปี ความ ขยันของเด็กขึ้นอยู่กับพ่อแม่ เด็กเล็ก ๆ มักจะชอบเข้ามามีส่วนในกิจกรรม แต่พ่อแม่มักจะไม่ชอบและขัดขวาง ทำให้พฤติกรรมเด็กพยายามหลีกเลี่ยงนิสัยที่จะคิดประดิษฐ์และพัฒนา พยายามจะหลีกเลี่ยงที่จะทำงานตลอดเวลา เพราะจะทำก็กลัวไปหมด
- ดังนั้นกิจกรรมของเจ้าหน้าที่ศูนย์ ในช่วงนี้เปรียบเหมือนเด็ก ที่ต้องอาศัยการประคับประคองจากพ่อแม่ ซึ่งก็คือหัวหน้าหน่วยงาน และมีคณะกรรม KM คอยช่วยเหลือ ซึ่งจะทำให้มีผลงานที่ดีในโอกาสต่อไปมากยิ่งขึ้น มีองค์ความรู้ ที่พัฒนาสะสมไปเรื่อย ซึ่งต้องใช้เวลา และต้องมีการพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ ทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ
สำหรับผลงานที่ได้รับรางวัลเรื่องการเล่านิทานเพื่อการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก โดยคุณเตือนใจ แก้วสารพัดนึก (แผนก ER) ป้าเตือนบอกว่า
- จุดเริ่มต้นของกิจกรรมคือหมอเปิ้ล ซึ่งคิดว่านิทานน่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการ จึงเกิดการรวมกลุ่มกันขึ้น ซึ่งแต่ละคนมีความสามารถไม่เหมือนกัน
- ตัวป้าเตือนเองตอนแรกไม่ได้อยู่ในกลุ่มหรอก แต่เดินผ่านไปเห็นว่ามีการเล่านิทานจนเกิดความสนใจเข้าไปรวมกลุ่มตัว โดยในกลุ่มทุกคนร่วมกันทำงานด้วยกันด้วยใจรัก
- ต่อมาหมอหญิงมาเล่าร่วมด้วนว่าสมาชิกของกลุ่มเป็นคนที่รักเด็ก และอยากพัฒนากิจกรรมการเล่านิทาน โดยทุกคนมาจากงานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล และอื่น ๆ
- ช่วงแรกเริ่มด้วยการพัฒนาถึงกระบวนการในการเล่า การหาอุปกรณ์ วิธีการเล่า ฉาก เนื้อเรื่อง วิธีการพากษ์เสียง
- ต่อมาเริ่มพัฒนาเรื่องช่วงเวลาการแสดง นอกจากนั้นยังได้รับความร่วมมือจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่นการหาต้นไม้ประกอบฉาก เครื่องเสียง อุปกรณ์ประกอบฉาก
- ทุกครั้งที่จัดกิจกรรมจะมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
- ในระยะต่อไปจะมีการวัดในลักษณะการเผยให้พ่อแม่นำไปใช้เล่านิทานให้ลูกได้ รวมถึงการวัดว่าการเล่านิทานมีผลมากน้อยต่อพัฒนาการเด็กเพียงใด
กลุ่ม NICU (ทารกวิกฤต) โดยพี่จ๋อมมาเล่าว่า
- ที่ NICU มีกิจกรรมการพัฒนาคุณภาพตลอดเวลาอยู่แล้ว
- ในปีที่แล้วที่ NICU ส่งเรื่องถึง 5 เรื่อง ในปีนี้ส่ง 2 เรื่อง
- ปีนี้ผลงานที่ได้รางวัลคือเกราะป้องกันตัวเย็น ได้รางวัล Popular vote ซึ่งที่ได้รับรางวัลผลงานนั้นเกิดจากความร่วมมือร่วมใจกัน
- ทุกคนมีส่วนร่วม เห็นถึงประโยชน์ของการพัฒนา
พี่บุษรา จากห้องคลอดมาเล่าเรื่อง ชุมชนคนเฝ้าคลอด
- พี่บุษบอกว่าเรื่องที่ทำเกิดจากปัญหาของงานที่ทำ และสิ่งที่ทำเป็นงานที่ทำเป็นประจำอยู่แล้ว
- คือคนไข้บ่นว่าเจ้าหน้าที่ห้องคลอดดุ เจ้าหน้าที่ในห้องคลอดต้องการจะปรับปรุงในส่วนนี้มากที่สุด
- พี่บุษ บอกว่าการทำ KM ในเนียนกับเนื้องาน เกิดจากงานที่ทำประจำมีปัญหา และจากการทบทวนประจำเดือน
-
จุดเริ่มของ KV มาจากการเล่าเรื่องในหน่วยงาน จากนั้นมีการสรุปประเด็น มีแนวทางที่จะต้องทำและปรับปรุง ที่ทุกคนได้มีการสรุปบทเรียนจากประสบการณ์และการพบเห็น
- ต่อจากนั้นได้มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องโดยใช้กระบวนการ AAR ตลอดเวลา ซึ่งการปรับกิจกรรมนั้นมีผลลัพธ์ตอบกลับมาอย่างน่าชื่นชม เช่นมีการติดตามหลังการทำงาน การเยี่ยมหลังคลอด การไปดูผลงานที่ทำไปแล้ว
- ซึ่งผลตอบกลับมาคือความชื่นชมทั้งจากผู้รับบริการ เจ้าหน้าที่อื่น ๆ และผู้บังคับบัญชา สังเกตได้จากของกินที่ผู้รับบริการนำมาฝากที่ห้องคลอดมากขึ้น วัดความพึงพอใจมีคะแนนมากยิ่งขึ้น ไม่มีข้อร้องเรียน และมีคนมาเล่าให้ฟังว่ามีคนชมลับหลังด้วย
จากการประเมินของคณะกรรมการ พบว่า
- ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่ใช้กระบวนการ CQI มาใช้ในกระบวนการปรับปรุงคุณภาพการทำงาน แต่ยังไม่ได้ใช้วิถีทางของการจัดการความรู้ ซึ่งได้แก่กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการถอดบทเรียนจากขุมความรู้ อย่างแท้จริง
- ดังนั้นในกระบวนการการจัดกิจกรรมในระยะต่อไปน่าจะต้องให้มีการให้ความรู้ โดยการฝึกให้ทำจากกระบวนการที่แท้จริง รวมถึงการเรียนรู้จากผู้อื่น ที่มีความสามารถมากกว่า
- การตั้งกลุ่มหรือเรื่องน่าจะเป็นกลุ่มที่สนใจและรักในเรื่องเดียวกัน และเรื่องที่ทำควรเป็นเรื่องที่เป็นงานที่ทำอยู่แล้ว
- และสิ่งที่สำคัญคือตัวผู้นำกลุ่ม Key person จะมีบทบาทสำคัญในการชักและชี้นำในการทำกิจกรรม
- อย่างไรก็ตามมาถึงในขั้นนี้ศูนย์ ฯ ได้มีการพัฒนามาอยู่ในขั้นตอนที่น่าพอใจ มีกลุ่มเจ้าหน้าที่หลายกลุ่มที่ใช้กระบวนการ KM ในงานประจำ และเห็นผลของการทำงานที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น
ขอบคุณครับ