สวัสดีครับพี่พี่เพื่อนๆเป็นไงกันบ้างครับการเตรียมตัวในการสอบ วันอาทิตย์นี้แล้วนะครับรีบๆกันหน่อยนะครับในการอ่านหนังสือใครมีอะไรดีๆก็มาแนะนำกันบ้างนะครับ เอาละเข้าเรื่องกันดีกว่า
การนิเทศแบบคู่สัญญา (Buddy Supervision) คือ การนิเทศโดยตรงที่เปิดโอกาสให้ครู 2 คน ได้ดึงเอาศักยภาพทางการสอนที่มีอยู่ในตัวของแต่ละคนออกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กัน โดยเริ่มต้นจากการจับคู่สัญญา เพื่อสร้างมิตรสัมพันธ์อันดีต่อกัน และใช้สัมพันธภาพอันดีนี้ เป็นตัวนำไปสู่กิจสัมพันธ์หรือความสำเร็จในการจัดกระบวนการเรียน
แนวคิดทฤษฎี การนิเทศแบบคู่สัญญาใช้แนว
คิดทฤษฎีของ ระบบ Buddy System ของทหารในสนามรบ ใช้ระบบกระบวนการทำงานแบบกลุ่มสัมพันธ์ (Group Process) และใช้แนวคิดที่มุ่งทั้งการพัฒนาคนและพัฒนางาน คือ เน้นมิตรสัมพันธ์ (Concern for People) และกิจสัมพันธ์(Concern for Production) ใช้ทฤษฎีความสัมพันธ์ของ Heider ที่ว่า คนเราถ้าชอบสิ่งใดหรือไม่ชอบสิ่งใดเหมือนกัน จะเป็นมิตรกันได้ ใช้หลักจิตวิทยาที่ว่า "คนเรารู้จักตนเองจากการเปรียบเทียบกับคนอื่น" และใช้ปรัชญา "หยิน-หยาง" คือ ในดีมีเสีย ในเสียมีดี ไม่มีผู้ใดที่ดีพร้อม ทุกคนมีจุดเด่นและจุดด้อยในตัวเอง เหมือนกับสีขาวที่มีจุดดำหรือสีดำที่มีจุดสีขาว จุดประสงค์ของการนิเทศการสอนแบบคู่สัญญา 1. เพื่อให้ครูที่สอนวิชาเดียวกันหรือชั้นเดียวกันสามารถนิเทศการสอนซึ่งกันและกันได้ 2. เพื่อให้ครูที่สอนวิชาเดียวกันหรือชั้นเดียวกัน ซึ่งมีปัญหาอย่างเดียวกัน สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ เพื่อใช้แก้ปัญหาต่าง ๆ ร่วมกันได้ 3. เพื่อให้ครูเกิดขวัญกำลังใจในการทำงาน ด้วยการเสริมแรงซึ่งกันและกัน อันจะนำไปสู่แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในการสอน 4. เพื่อให้ครูเกิดเจตคติที่ดีต่อการนิเทศภายในโรงเรียนที่ว่า มิใช่การตรวจตราจับผิด แต่คือการพัฒนาและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของครูในฐานะเพื่อร่วมวิชาชีพ กระบวนการนิเทศการสอนแบบคู่สัญญา ขั้นที่ 1 เสนอนแนวคิด 1.1 ผู้บริหารสถานศึกษาเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการนิเทศการสอนแบบคู่สัญญาให้ครูใน โรงเรียนทดลอง นำไปปฏิบัติ ภายใต้การสนับสนุนทุกรูปแบบ 1.2 เมื่อครูยอมรับหลักการแล้ว ให้ครูจับคู่สัญญาที่มีปัญหาการเรียนการสอนในวิชาเดียวกันหรือชั้นเดียวกัน เพื่อร่วมกันวางแผยการนิเทศ เช่น สังเกตการสอน เขียนแผนการสอนและเตรียมสื่อการสอน เป็นต้น 1.3 คู่สัญญแต่ละคนเขียนแผนการสอนในวิชาที่มีปัญหา โดยต่างฝ่ายต่างเขียนแผนการสอนตามแนวคิดของตน
ขั้นที่ 2 สาธิตให้ดู (สมมติว่า คร A เป็นคู่สัญญากับครู B)
2.1 ครู A สาธิตการสอนตามแผนการสอนของตน โดยมีครู B เป็นผู้สังเกตการสอน และบันทึกจุดเด่นจุดด้อยของครู A ตามแบบสังเกตการสอน 2.2 ครู B สาธิตการสอนตามแผนการสอนของตนในวิชาที่มีปัญหาเดียวกับครู A โดยมีครู A เป็นผู้สังเกตการสอน และบันทึกจุดเด่นจุดด้อยตามแบบสังเกตการสอนเช่นเดียวกัน 2.3 ครู A และครู B ร่วมกันวิเคราะห์วิจารณืจุดเด่นจุดด้อยของกันและกันเพื่อนำจุดเด่นของแต่ละ คนมาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น และช่วยกันปรับปรุงแก้ไขจุดด้อย 2.4 ครู A และครู B นำจุดเด่นของแต่ละคนมาบูรณาการ เพื่อสร้างนวัตกรรมหรือแนวทางแก้ปัญหาในรูปแบบใหม่ ที่นำเอาส่วนดีของแต่ละคนมาผสมผสานกัน ขั้นที่ 3 อยากรู้ต้องปฏิบัติ 3.1 ครู A และครู B นำวิธีการสอนที่ได้รับการปรับปรุงตามข้อ 2.4 มาใช้ปฏิบัติการสอนในวิชาเดิมหรือในบทเรียนต่อไป 3.2 ครู A และครู B นิเทศการสอนซึ่งกันและกันอีกครั้งหนึ่ง แล้วสรุปผลการนิเทศการสอน ขั้นที่ 4 อยากทราบผลให้ชัดต้องวัดและประเมินผล 4.1 ครู A และครู B ร่วมกันวัดและประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหากยังไม่บรรลุจุด ประสงค์การเรียนรู้ คู่สัญญาต้องกลับไปค้นคว้าหาความรู้หรือแนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับปัญหานั้นเพิ่มเติม เพื่อนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และใช้แก้ปัญหาร่วมกันอันจะจำไปสู่วิธีการแก้ปัญหาใหม่ 4.2 ถ้านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์แล้ว คู่สัญญาควรแสดงความยินดีร่วมกัน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและเป็นแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในการทำงาน เครื่องมือในการนิเทศแบบคู่สัญญา 1. แบบสังเกตพฤติกรรมการสอน 2. แบบวิเคราะห์การสังเกตการสอน การประเมินผลการนิเทศการสอนแบบคู่สัญญา 1. การสังเกตการสอน โดยคู่สัญญาผลัดกันทำการสอนและนิเทศการสอน 2. ตรวจผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน บทบาทของคู่สัญญาในฐานะผู้นิเทศการสอนและผู้รับการนิเทศ 1. คู่สัญญาต้องเป็นบุคคลที่มีมิตรสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ถ้ายังไม่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันต้องสร้างพฤติกรรมนี้ให้เกิดขึ้นก่อน การนิเทศการสอนแบบคู่สัญญาจึงจะได้ผล
2. คู่สัญญาต้องเปิดใจกว้าง ยอมรับคำวิจารณ์เกี่ยวกับจุดเด่นและจุดด้อยของตน 3. คู่สัญญาต้องมีความรู้และทักษะในการวิเคราะห์วิจารณ์อย่างมีเหตุผล โดยปราศจากอคติ 4. คู่สัญญาต้องหมั่นแสวงหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อพัฒนาตนเองและเพื่อนครูที่เป็นคู่สัญญา รวมทั้งการนำความรู้หรือวิธีการใหม่ๆ(นวัตกรรม) มาพัฒนาการสอนให้บรรลุจุดมุ่งหมายตามหลักสูตร บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในการนิเทศการสอนแบบคู่สัญญา 1. ทำหน้าที่เป็นผู้เสนอแนวคิดใหม่ๆ ซึ่งจะนำมาใช้ปรับปรุงการจัดกระบวนการเรียนรู้และท้าทายให้ครูทดลองนำไป ปฏิบัติ 2. ให้การสนับสนุนครูในด้านงบประมาณ วัสดุ อุปกรณ์ หนังสือหรือเอกสารประกอบการค้นคว้า รวมทั้งให้ขวัญกำลังใจครูด้วบการเสริมแรงแบบต่างๆ 3. ไม่เข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงการทำงานของครูมากจนเกินความจำเป็น หรือทำให้ครูเกิดความรู้สึกว่า การนิเทศการจัดกระบวนการเรียนรู้เป็นการตรวจตราหรือการจับผิด
แหล่งที่มา (บูรชัย ศิริมหาสาคร )
|
ไม่มีความเห็น