ร่มใบใหญ่


...ด้วยความเป็นร่มวิเศษ แม้ผู้คนจะหลั่งไหลเข้ามาพักพิงอาศัยมากเท่าใด ปีกร่มก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้นๆ อุ้มชูเอา ผู้ทุกข์ยากเหล่านั้นไว้ได้ทั้งหมด...

 

เรื่อง-

                เป็นเวลานานกว่าสองพันห้าร้อยปีล่วงมาแล้ว มีมหาบุรุษผู้หนึ่ง สร้างร่มขึ้นมาคันหนึ่ง ร่มคันนี้เป็นร่มวิเศษ มีขนาดใหญ่มาก สามารถบรรจุผู้คนให้เข้าไปอยู่ภายใต้ร่มเงาของร่มได้นับแสนนับล้านคน และร่มคันนี้ก็สามารถคุ้มแดดคุ้มฝนให้ผู้อยู่ใต้ชายคาร่มได้เป็นอย่างดี

                ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เมื่อร่มคันนี้สร้างเสร็จและเริ่มใช้งานได้ใหม่ๆ ผู้คนจึงตื่นเต้นยินดี และอยากมาอยู่ใต้ชายคาของร่มวิเศษนี้กันมากมาย เพราะนอกจากจะสามารถป้องความร้อนความหนาว ความทุกข์อันเกิดจากสภาวะเหล่านั้นแล้ว เจ้าของร่มคันนี้ยังเปี่ยมเมตตา ให้ผู้ทุกข์ร้อนเข้ามาพักพิงอาศัยใต้ชายคาร่มของท่านได้ฟรีๆ ไม่คิดราคาค่างวดใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ท่านขอว่าให้ทุกคนที่เข้ามาช่วยกันดูแลรักษาร่มช่วยกัน เพราะร่มนี้ก็เหมือนกับเป็นของทุกคนโดยเท่าเทียม ไม่เลือกรวยจน ไม่เลือกชนชั้นวรรณะใด

                ในสมัยนั้น และต่อมาอีกนานปีทีเดียว ผู้ที่เข้าไปอาศัยใต้ชายคาร่มนี้ต่างพบกับความร่มเย็นเป็นสุข ปราศจากความหนาวร้อน จากภัยแดดภัยฝน ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในร่มได้เห็นอานิสงส์อันสุดวิเศษของร่ม ก็เริ่มมองอย่างชื่นชม และพากันหลั่งไหลเข้าพึ่งพาร่มเงาของร่มคันนี้มากเข้ามากเข้าทุกขณะ

                ด้วยความเป็นร่มวิเศษ แม้ผู้คนจะหลั่งไหลเข้ามาพักพิงอาศัยมากเท่าใด ปีกร่มก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้นๆ อุ้มชูเอา ผู้ทุกข์ยากเหล่านั้นไว้ได้ทั้งหมด

                เวลาผ่านไปมากกว่าสองพันห้าร้อยปีดังว่า เจ้าของร่มผู้คอยสร้าง ขยายต่อเติมร่มให้เหมาะสมกับผู้คนจำนวนมากที่เข้ามาอาศัย และเป็นผู้ซ่อมแซมเมื่อเกิดรอยรั่วรอยโหว่ ท่านนั้นได้ถึงกาลสิ้นแห่งสังขารไปนานแล้ว

                ก่อนตาย ท่านมิได้มอบหมายให้ผู้ใดผู้หนึ่ง คอยรับหน้าที่สร้างและซ่อมต่อจากมา แต่ท่านสั่งไว้เป็นมั่นเหมาะว่า ทุกคนที่อาศัยร่มนี่แหละต้องช่วยกันรักษาให้ร่มคงสภาพใช้กาลได้ตลอดกาลนาน

                แรกๆ ที่ท่านสิ้นไป ผู้คนเหล่านั้นยังพากันบำรุงรักษาดูแลร่มอย่างแข็งขัน ร่มยังยังคงสภาพดีต่อมาอีกยาวนาน มีบ้างที่บางครั้งผู้คนในร่มเกิดขัดแย้งกัน ก็เพราะด้วยพื้นฐานความคิดที่แตกต่าง ทำให้ความเห็นผิดเพี้ยนกันไปบ้างตามประสาคนหมู่มาก แต่เมื่อถึงที่สุดแล้วคนเหล่านั้นต่างคิดถึงประโยชน์ภายใต่ร่มวิเศษนี้ร่มกัน ปัญหาหนักเบาต่างๆ จึงมีทางปรองดอง แก้ไขกันมาได้

                จนเมื่อระยะหลังมานี่เอง จะด้วยสภาวการณ์ความเป็นไปของโลกบีบคั้นขึ้น หรือจิตใจของผู้คนเหลวไหลเหลาะแหละขึ้นเอง ก็ไม่ทราบได้ ผู้คนภายใต้ร่มคันนั้นจึงคลายวินัย ลืมหน้าที่ของตน ที่จะต้องคอยรักษาร่มคันนั้นให้คงสภาพดีอยู่เสมอ อาจจะด้วยมองเพียงสั้นๆ ว่า ตลอดชีวิตที่ตนดำรงอยู่นั้น อย่างไรเสียร่มนี้ก็ยังคงใช้การได้ดีอยู่ ไม่พากันคิดไปภายหน้าถึงลูกถึงหลาน ผู้จะเป็นอยู่มีชีวิตสืบไป จึงพากันละเลยเฉยเสีย แม้ผ้าร่มบางแห่งสู้แดดสู้ลมมานาน มีรอยเก่าปรุ ก็มิได้ปรับใหม่ บางแห่งมีรอยโหว่รูรั่ว ก็เฉยไม่พากันแก้ไขปะชุน ด้วยเห็นว่ารอยรั่วนี้เป็นของเพียงเล็กน้อย คงไม่สร้างความลำบากให้ผู้คนถึงกับเปียก ถึงกับร้อนได้หรอก เพราะที่ยังดีอยู่ก็ยังมีเยอะแยะให้หลบไปได้

                ด้วยความคิดสั้นๆ เพียงเท่านี้ ไม่นานเท่าไหร่ ที่ผู้คนเริ่มพากันคิดพากันรู้สึก ช่องโหว่ช่องขาด ของร่มก็นับวันมีเพิ่มขึ้นขึ้นเรื่อยๆ หยาดฝนเริ่มรั่วทะลุสู่ใต้ร่มมากขึ้น แสงแดดร้อนก็ผ่านเข้ามาได้มากกว่าเก่า ผู้คนก็เริ่มเดือดร้อนให้เห็นกันบ้างแล้ว

                แต่แทนที่ผู้คนทุกคนผู้มีหน้าที่จะช่วยกันรักษาร่มพาพากันหาวิธีซ่อมแซมแก้ไขโดยด่วน กลับมีมีคำบ่นด่าว่า คนโน้นทำไมไม่ทำ คนนี้ทำไมไม่ทำ เกี่ยงกันอยู่เรื่อยๆ อย่างนี้ ก็ไม่มีใครลงมีทำจริงๆ จังๆ สักที

                มีบ้างอยู่หรอกผู้ที่รักดี สำนึกดี อุตส่าห์ปีนป่ายขึ้นไปบนหลังคาร่ม ลงมือซ่อมแซมแก้ไข แต่ด้วยเหตุที่ร่มนี้เป็นร่มคันใหญ่ จุคันได้ถึงหลายล้านหลายโกฏิ กำลังคนเพียงคนสองคนก็ไม่อาจสร้างให้ร่มทั้งกลับมาดีได้ดังเดิม

                พอร่มเข้าสู่สภาพย่ำแย่อย่างนี้ คนภายนอกที่มองเข้ามา จึงถูกมองว่าไม่ดี ตีขลุมนวมกันไปทั้งหมดว่า ภายใต้ร่มคันนี้ล้วนชำรุดทรุดโทรม ถึงแม้มันจะมีบริเวณที่ดีอยู่บ้างตรงที่ผู้รักดีน้อยคนนั้นขึ้นไปบำรุงรักษาไว้ แต่ของดีเพียงเล็กน้อยนั้นก็หาทำให้เกิดภาพในทางบวกได้ไม่ เพราะปลาในข้องมันเน่าไปหมดทั้งข้องแล้ว เหลือปลาเป็นปนอยู่ตัวสองตัว มันก็คงทำให้ข้องนั้นหมดกลิ่นเหม็นไปย่อมไม่ได้ เขาคงยังมองว่านี่มันข้องปลาเน่าทั้งนั้นอยู่นั่นเอง

                ลำพังเพียงอาศัยอยู่ใต้ร่มโบราณ ผ้าร่มเก่าขาด มีรูโหว่ มีรูแหว่ง ก็ทำให้คนที่อยู่ใต้ร่มทั้งเปียกฝนยามฝนตก ทั้งร้อนแดดยามแดดออก เดือดร้อนมากพออยู่แล้ว แทนที่จะพากันเก็บตัว พยายามหาจุด หาช่องที่ฝนไม่รั่ว แดดไม่ทะลุ หรือหาผ้าหาเข็มอุดรูรั่วนั้นไว้ ผู้คนใต้ร่มกลับพากันวิ่งหลบออกไปข้างนอกร่มเสีย นั่นก็ยิ่งทำให้ร่างเปียกโซกไปด้วยฝนยิ่งกว่าเก่า แทนที่จะเก็บตัวหลบแดด ตามจุดประสงค์ของผู้สร้างที่สร้างไว้เพื่อป้องกันแดดฝนให้ เพื่อให้ดูดีมีศรัทธาแก่คนภายนอก กลับพากันวิ่งแส่ส่ายออกไปหาฝนหาแดดเสีย

                นั่นยิ่งทำให้คนข้างนอกมองว่าใต้ร่มคันนี้มีแต่ความวุ่นวาย ไม่มีระเบียบเข้าไปใหญ่

                แม้บางคราวจะมีผู้หลักผู้ใหญ่ในร่ม เคยออกมากระตุ้นเตือนให้พากันอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยบ้าง แต่ก็หาเป็นผลไม่ เพราะตัวผู้ใหญ่นั่นเองที่สักแต่พูดๆ เตือนคนอื่น แต่เมื่อถึงเวลาแล้ว กลับเป็นตัวเองที่วิ่งโซกตากฝนกลับมาให้ผู้อื่นเขาเห็นเป็นเยี่ยงอย่าง

                ด้วยเหตุนี้ร่มใบนั้น แม้ผู้สร้างจะสร้างไว้ด้วยเจตนาดีเพียงไร และมีความมั่นคงแข็งแรงเพียงไร แต่เมื่อผ่านอายุการใช้งานยาวนาน ประกอบกับผู้ที่พึ่งพิงอาศัยไม่รู้จักรักษาตัวเอง และรักษาสภาพร่มอันเป็นประโยชน์ส่วนรวมไว้แล้ว ผู้คนเหล่านั้นย่อมเปียกเปรอะไปด้วยกันยากจะเยียวยารักษา

                น่าเสียดาย...ร่มคันนั้น ว่ากันว่าเมื่อก่อนมีก้านอันแข็งแรงถึง 227 ก้าน เดี๋ยวนี้ผุหักทำลายไปไปแล้วจำนวนมากนัก

                                                              ##################################

หมายเลขบันทึก: 201329เขียนเมื่อ 16 สิงหาคม 2008 10:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

น่าเสียดายที่ร่มใบใหญ่นั้นผุพังไปตามกาลเวลา

อยากออกบวชเพื่อ ขอจาริกแบบท่านบ้าง สาธุ

เป็นเรื่องที่ให้แง่คิดหลายอย่าง น่าสนใจดีนะค๊ะ

ขอบคุณค่ะ จะแวะมาเยี่ยมบ่อยๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท