ทำไม ผมชอบกีฬารักบี้ฟุตบอล ตอนที่ 1


นี่คือจุดเริ่มต้นสู่แบบแผนที่ดีงาม และการถ่ายทอดซึมซับเอาไว้กับตนเองและกลายเป็นความงามความดี เป็นมรดกทางวัฒนธรรมกีฬาที่ผมได้รับมาและนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้จนพัฒนาเยาวชนในท้องถิ่นอีสานที่จังหวัดร้อยเอ็ดได้รู้จักและสนุกสนาน ร่วมทั้งการรู้จักคุณค่าของกีฬารักบี้ฟุตบอล เหมือนที่ผมได้รับจาก การเป็นนักเรียนโรงเรียน ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์และเป็นนักเรียนเก่าราชวิทย์ ในที่สุด ที่นี่สอนให้ผมได้เอื้อเฟื้อเผื่อแพร่และสร้างสิ่งที่มีคุณค่าให้กับการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง

ทำไม ผมชอบกีฬารักบี้ฟุตบอล ตอนที่ 1

บทนำ

        "กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ แก้กองกิเลศทำตนให้เป็นคน ผลของการฝึกตน เล่นกีฬาสากล ตะละล้า ..." คงไม่ปฏิเสธว่า เพลงกราวกีฬา ได้นำเสนอ กระบวนทัศน์ของการเล่นกีฬาและผลของการเล่นกีฬาอย่างชัดเจนว่า กีฬา คือ สิ่งที่มีประโยชน์และเป็นสิ่งที่คนยุคปัจจุบันจะต้องได้สัมผัสและฝึกฝนเพื่อ ก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า จิตใจที่แจ่มใสอยู่ในร่างกายที่สมบูรณ์  มนุษย์ยุคปัจจุบันจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเล่นกีฬา มีเวลาออกกำลังกาย เพื่อ การสร้างความเข้มแข็งของร่างกายให้เกิดขึ้น เพื่อส่งผลสู่สภาพจิตใจที่จะงดงามแจ่มใสต่อไป  กีฬาจึงเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ยุคใหม่ มนุษย์สังคมเมืองทุกคน เพื่อสร้างภาวะที่จะต่อสู้ในสังคมได้อย่างต่อไปหากร่างกายและจิตใจมีความพร้อมและรู้เท่าทัน

ปฐมบทกีฬา

         ผมรู้จักเล่นกีฬาสากลตั้งแต่เข้าเรียนหนังสือชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กีฬาที่หัดเล่นและเห็นจนชินตาก็คือกีฬายอดฮิต ฟุตบอล นั่นเอง ก็เหมือนกับเด็กชนบททั่วไป ที่โรงเรียนมีสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่เข้าแถว ใช้เป็นที่ทำกิจกรรมลูกเสือ อนุกาชาด (สมัยนั้นเรียกอย่างนี้จริง ๆ ) พวกพี่ ๆ เอาลูกฟุตบอลหนังกลับ มาจากไหนไม่รู้ พอมาถึงโรงเรียนก็เห็นที่สนามแล้ว แบ่งข้างกันเล่น ฝ่ายละเท่าไรไม่นับ แต่ก็เตะกันอย่างสนุกสนาน จนเหงื่อไหลไคลย้อย เหนื่อยก็วิ่งไปดื่มน้ำประปาที่ก๊อกใกล้ ๆ สนาม แล้วกลับลงมาเล่นใหม่  เมื่อเราเข้าใหม่ ป.1 ก็ได้แต่เพียงมองดู ครั้นหลายอาทิตย์เข้า เริ่มรู้จักคนมากขึ้น ก็ลงไปเล่นเลย ป.1 ป.2 มักเล่นด้วยกันเพราะตัวไม่ใหญ่ ป.3 ป.4 มักเล่นด้วยกัน โรงเรียนใหญ่ก็มีหลายวง โรงเรียนเล็ก ก็น้อยวง  ลูกฟุตบอลก็มีทั้งลูกหนังกลับ ลูกพลาสติก เป็นต้น เล่นได้ไม่นานพอเหงื่อไหล เสียงระฆังก็ดังขึ้น ได้เวลาเข้าแถวตอนเช้า โรงเรียนขึ้นแล้ว ทุกคนก็หยุดโดยอัตโนมัติ วิถีชีวิตการเล่าเรียนก็เริ่มขึ้นและมาหยุดเอาตอนพักกลางวัน เด็ก ๆ ก็จะไปทานข้าวที่โรงอาหาร มีแม่ค้ามาขาย บางคนก็ห่อข้าว ใส่ตลับข้าวมาทานเอง ใส่ปิ่นโต ใส่ห่อใบตองมาก็มี ผมได้สตังค์มาโรงเรียนวันละ 1 บาท ไม่ได้ห่อข้าวมา ชอบมาทานข้าวผัดที่โรงอาหาร เพราะอร่อยถูกปากผม ข้าวผัดมีสีแดงของซอสมะเขือเทศ มีหมูหวาน ๆ และไข่เจียวหันเป็นฝอย ๆ  จานละ ห้าสิบสตางค์ เหลืออีกห้าสิบสตางค์เอาไว้กินขนมและซื้อของเล่น ซึ่งจะมีของเล่นชิ้นละสลึงหนึ่งมาล่อตาล่อใจเด็ก ๆ อยู่เสมอ โรงเรียนที่ผมเรียนอยู่ ตั้งอยู่กลางเมือง หน้าโรงเรียนมีศาลเจ้าพ่อหลักเมืองอยู่ โรงเรียนเลยได้ชื่อว่า โรงเรียนหลักเมืองมหาสารคาม บริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมือง  ร่มรื่นมาก เด็ก ๆ เข้ามาเรียนใหม่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้เล่นฟุตบอลเท่าใดนัก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นเด็กโตเล่นกัน เพราะโรงเรียนมีตั้งแต่ ป.1 ถึง ป.7 พวกเราก็จะมานั่งเล่นที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และมองลงไปก็เป็นสนามฟุตบอล รุ่นพี่ ๆ ก็เตะฟุตบอลกันที่นั้น เล่นกันอย่างสนุกสนาน พอเด็กโตเลิกเล่น เด็กเล็กจึงได้เล่นเพราะสนามว่าง  เด็ก ๆ ในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคามก็จะมาเรียนกันที่โรงเรียนนี้เป็นเสียส่วนใหญ่และเด็กในตลาดบางส่วนก็จะเรียนที่โรงเรียนอนุบาลเมืองมหาสารคาม โรงเรียนเทศบาลอีกสามสี่โรงเรียน  เช่น คุ้มบ้านโนนศรีสวัสดิ์ ก็เรียนที่โรงเรียนเทศบาลศรีสวัสดิ์    คุ้มบ้านส่องนางใย ก็เรียนที่เทศบาลส่องนางใย คุ้มวัดกลางก็เรียนที่เทศบาลบูรพา คุ้มโพธิ์ศรีก็เรียนที่เทศบาลโพธิ์ศรี  คุ้มวัดสามัคคี ก็เรียนที่เทศบาลสามัคคี เป็นต้น ส่วนเด็กชานเมืองก็จะเข้ามาเรียนอีกโรงเรียนหนึ่งซึ่งถือเป็นโรงเรียนคู่แข่งกับโรงเรียนหลักเมืองคือ โรงเรียนเมืองมหาสารคาม ปัจจุบัน ก็คือ โรงเรียนมหาวิชานุกูล ดังนั้นโรงเรียนสำหรับเด็ก ๆ ในตัวเขตเทศบาลมหาสารคามจึงมีมากมายหลากหลายยิ่ง  แต่ผู้คนนิยมส่งลูกไปเรียนที่โรงเรียนหลักเมืองเป็นอันดับหนึ่งในยุคนั้น เพราะ มีครูใหญ่ที่ดี มีครูสอนที่สอนเก่งมากจนเด็กในยุคนั้นได้รางวัลนักเรียนพระราชทานต่อเนื่องมาโดยตลอดทุกปี ช่วงที่ผมเข้าไปศึกษานั้นคือปี พ.ศ.2509    ครูใหญ่ชื่อ นายจวง อุทัยแพน นักเรียนที่เรียนร่วมกับผมคือผู้เกิดปี พ.ศ. 2502 เสียเป็นส่วนใหญ่  ต่อมาครั้นมีอาชีพการงานมีครอบครัวกันแล้ว มีงานเลี้ยงรุ่นและทำบุญ เราเรียกรุ่นพวกเราว่า รุ่น 02 เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในจังหวัดมหาสารคาม รวมเอาคนเกิดใน พ.ศ.นี้ทั้งหมดและไม่ว่าจะจบจากที่ใด รวมทั้งจากโรงเรียนสารคามพิทยาคม โรงเรียนผดุงนารี ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดชายหญิงด้วยเพื่อเป็นเครือข่ายทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์เพื่อส่วนรวมกัน

                     ปัจจุบันคนรุ่น 02 เริ่มเข้าสู่วัยกลางคน มีภารกิจในสังคมมากมาย มีทั้งที่เป็นนักธุรกิจ ครูบาอาจารย์ นายอำเภอ แพทย์ ตำรวจ ทหาร ทนายความ นักการเมือง แม่บ้าน พ่อบ้าน ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน มีหมดซึ่งนับว่าเป็นรุ่นที่รวมตัวกันได้มากพอสมควร ผมเริ่มเล่นฟุตบอลเป็นก็ที่โรงเรียนนี้ ชอบเป็นชีวิตจิตใจ แต่ยังไม่มีโอกาสติดเป็นตัวแทนของโรงเรียน ในสมัยเข้า ป.1 ผมอยู่ ป.1 ง  มีถึงห้อง จ  นักเรียนห้องละประมาณ 45 คน คิดดูเอาเองว่าโรงเรียนจะมีนักเรียนเยอะมั้ย เมื่อขึ้น ป. 4 มีการปรับมีห้องคิงส์ ห้องควีน ผมถูกคัดมาเรียนที่ ป.4 ก ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจมาก เพื่อนที่เรียนด้วยกันและก็ยังเห็นหน้าเห็นตากันมีครอบมีครัวแล้ว ทำงานที่มหาสารคาม ก็หลายคน เช่น นายอำเภอกันทรวิชัย คุณเมธี สุพรรณฝ่าย คนนี้เก่งที่สุดของผู้ชาย เดียวตอนหลังจะเล่าความเก่งให้ฟัง คุณดุสิต สวัสดี คนนี้ทำงานราชการด้านสาธารณสุขที่เชียงใหม่ เตะฟุตบอลเก่งมาก คุณยุทธศักดิ์ คณาสวัสดิ์ คนนี้ก็เก่งมากลูกชาย คุณจิรศักดิ์ คณาสวัสดิ์ เจ้าของเสริมไทย ตอนนี้ลูกชายคนเล็กน้องคุณยุทธศักดิ์ คือ  หมอติ๋ง นายแพทย์กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ ก็ได้เป็นนายกเทศมนตรี คุณสมหมาย อิฐรัตน์ ลูกชายร้านสมจิตรการค้า คนนี้ก็เก่งมาก ปัจจุบันเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทิ้งทายาทไว้สองคน ทายาทก็เก่งเหมือนพ่อเลย ลูกสาวคนโต ชื่อ น้องณัฐ ก็เรียนหมอที่ มมส  นี้เอง คุณธงชัย ไชยโสดา คนนี้ปัจจุบันก็เป็นคหบดีไปแล้ว คุณสุรศักดิ์ แก้วกองศรี คนนี้เล่นฟุตบอลเก่ง เป็นโค้ชฟุตบอลจังหวัด ตอนนี้ก็ดูแลงานด้านการศึกษาของเทศบาล และก็ยังมีอีกหลาย ๆ คน ซึ่งผมจะได้เล่าในตอนที่เกี่ยวข้องกับรุ่น 02 ให้ฟังในวันหลัง ผมมีโอกาสเรียนที่นี่เพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4  เอาความรู้เรื่องกีฬาฟุตบอลแบบครูพักลักจำไปด้วย เพื่อไปเรียนต่อที่โรงเรียน ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่จังหวัดนครปฐม  สาเหตุที่ต้องไปเรียนเพราะว่า ผู้ปกครองอยากให้ไปฝึกระเบียบวินัยฝึกการช่วยเหลือตนเอง เมื่อจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ด้วยคะแนน 85% ได้อันดับที่25 ของห้องเรียน คนที่ได้ที่หนึ่งเป็นผู้หญิง ส่วนคนที่ได้ที่สองคือ นายอำเภอเมธี สุพรรณฝ่าย ได้ 94%  ดังนั้นชีวิตในการเรียนที่โรงเรียนหลักเมืองของผมจึงเป็นความทรงจำที่ดีมาก โดยเฉพาะการได้ครูบาอาจารย์ที่ดีสอนสั่ง เช่น ครูจันทร์ หินชนะ แม้จะเป็นเวลา 4 ปี เท่านั้นแต่ภาพแห่งความทรงจำในวัยเด็ก การมีโอกาสได้รู้จักเพื่อนที่ดี มีครูที่ดี มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ย่อมนำพาไปสู่การพัฒนาเป็นคนดีของสังคมได้ในอนาคต

กีฬารักบี้ฟุตบอล เด็กราชวิทย์ทุกคนต้องเล่นให้เป็น

              ผมเข้าเรียนที่ ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ ในชั้นประถมศึกษาปีที่5 เมื่อปี          พ.ศ.2512 ก่อนหน้านั้นผู้ปกครองต้องการให้เข้าศึกษาต่อที่ วชิราวุธวิทยาลัย แต่เผอิญว่า กระบวนการสอบคัดเลือกของวชิราวุธวิทยาลัยผ่านพ้นไปได้สองเดือนแล้ว และได้รับคำแนะนำว่ามีโรงเรียนแบบเดียวกับวชิราวุธวิทยาลัย อยู่ที่นครปฐม ถ้าสนใจน่าจะไปติดต่อดู และเป็นความโชคดีของผมและเพื่อนที่ไปด้วยกันคือคุณกิตติศักดิ์ นาคะพงษ์ ปรากฎว่า ที่โรงเรียนกำลังรับสมัครนักเรียนรอบที่สอง ซึ่งรอบแรกมีนักเรียนไม่ครบ  เลยมีการรับสมัครเพิ่ม ผมและเพื่อนจึงได้เข้าเรียนที่ ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา  ผมเรียนที่ ป.5 ข ส่วนคุณกิตติศักดิ์ นาคะพงษ์ เรียนชั้น ป.5 ก และเราทั้งสองคนก็เข้าอยู่บ้าน 4 ซึ่งหอพักที่โรงเรียนแห่งนี้ เรียกว่าเป็นบ้าน มีบ้าน 1 บ้าน 2  บ้าน 3 และบ้าน 4 สมัยที่เรียนอาคารหอพักมีสองหลัง แบ่งกันอยู่ หลังหนึ่งมีสองบ้าน หลักแรกแยกเป็น บ้านหนึ่ง บ้านสอง  หลังที่สองแยกเป็นบ้านสาม บ้านสี่ ครั้นเมื่อสร้างอาคารบ้านหนึ่งใหม่ บ้านสองก็ได้อาคารหลังหนึ่ง บ้านสามก็ได้อาคารหลังหนึ่ง ส่วนบ้านสี่ได้ย้ายไปอาคารรถไฟ ซึ่งเป็นอาคารเก่ามรดกตกทอดมาจากโรงเรียนเตรียมอุดมสามพราน ฟากหนึ่งเป็นที่พักของครู ฟากหนึ่งเป็นบ้านสี่ แต่พวกนักเรียนบ้านสี่ ถูกล้อว่าอยู่ เล้าไก่ ซึ่งก็ดูเป็นสัดเป็นส่วนตั้งแต่นั่นมา ปัจจุบันอาคารเล้าไก่ รื้อสร้างเป็นอาคารบ้าน 4 ใหม่แล้ว  

 

       เมื่อมาอยู่ปีแรกเราถูกฝึกให้เรียนรู้อยากหลากหลาย การเข้าแถว การฝึกรับประทานอาหาร การฝึกการอยู่ร่วมกัน การเคารพในสิทธิผู้อื่น การเคารพรุ่นพี่รุ่นน้อง การฝึกกิจกรรมกีฬา การมีกิจกรรมอย่างหลากหลายทำให้เรื่องคิดถึงบ้าน สำหรับผมไม่มีเลย แต่สำหรับเพื่อนหลายคน มีการร้องไห้ และหนีกลับบ้านก็มีให้เห็นอยู่สม่ำเสมอ จนอาทิตย์ที่สองที่สามจึงคุ้นเคยกับการเข้าอยู่โรงเรียนประจำ ผมมีโอกาสได้เรียนรู้การดำเนินชีวิตแบบใหม่ การเป็นนักเรียนประจำที่ต้องช่วยตนเอง มีวินัย มีความรักกัน ทั้งในหมู่นักเรียนรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่ ทั้งที่ บ้าน ที่ตนเองสังกัด และ ทั้งโรงเรียน เพื่อน พี่ น้อง จึงมีความสำคัญ และ คำว่า นักเรียน โรงเรียน ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัยฯ จึงมีความหมาย เป็นมงคลนามอย่างยิ่ง และนอกจากนั้นยังมี คำว่า ราชวิทยาลัย หรือ ราชวิทย์ ซึ่งได้รับพระราชทานมาตั้งแต่พระปิยะมหาราชจึงมีคุณค่ายิ่งนัก ณ ที่นี่เองผมได้เรียนรู้กีฬาหลายประเภท ได้ฝึก ฟุตบอล กรีฑา ว่ายน้ำ และกีฬาใหม่อีกชนิดหนึ่งที่ผมไม่เคยรู้จักเลย นั่นคือ กีฬารักบี้ฟุตบอล นี่คือจุดเริ่มต้นสู่แบบแผนที่ดีงาม และการถ่ายทอดซึมซับเอาไว้กับตนเองและกลายเป็นความงามความดี เป็นมรดกทางวัฒนธรรมกีฬาที่ผมได้รับมาและนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้จนพัฒนาเยาวชนในท้องถิ่นอีสานที่จังหวัดร้อยเอ็ดได้รู้จักและสนุกสนาน ร่วมทั้งการรู้จักคุณค่าของกีฬารักบี้ฟุตบอล เหมือนที่ผมได้รับจาก การเป็นนักเรียนโรงเรียน ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์และเป็นนักเรียนเก่าราชวิทย์ ในที่สุด  ที่นี่สอนให้ผมได้เอื้อเฟื้อเผื่อแพร่และสร้างสิ่งที่มีคุณค่าให้กับการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง

อิศรา ประชาไท                                                                                                               จบตอนที่ 1

สมาคมราชวิทยาลัย เอื้อเฟื้อภาพ

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 201180เขียนเมื่อ 15 สิงหาคม 2008 17:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (36)

สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่Comment gotoknow นะค่ะ จะติดตามตอนต่อไปอีกค่ะ อาจารย์ค่ะ ตอนนี้นิสิต ป.โท มีhi5 กันแล้วนะค่ะ แวะมาทักทายกันด้วยนะค่ะ

ขอบคุณน้องใหม่ ที่เข้ามาเยี่ยม

อยากเล่าเรื่อง เกี่ยวกับรักบี้

เพื่อเป็นบท สำหรับ การสืบค้น

และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน

อย่างน้อยก็บันทึก ประวัติศาสตร์

จากผู้ผ่านทางคนหนึ่ง

โสรัจ ราชวิทย์ 23 บ้าน 3 ครับ

สนุกครับเดี๋ยวจะตามไปอ่านตอน 2 ครับ

สุดยอดเลยครับพ่อครู

สวัสดีครับ

ดีใจน่ะครับที่มีผู้เผยแพร่รักบี้สู่ภูมิภาคด้วยจิตใจมุ่งมั่นอย่างแท้จริงอย่างพี่วรรณศักดิ์(พ่อครู) ผมก็เห็นว่ากีฬานี้ช่วยส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงความสามัคคี เข้าใจคำว่า ทีม และที่สำคัญความเป็นสุภาพบุรุษสุภาพสตรี

ถ้าหากทุกคนหรืออย่างน้อย 1ใน3 ของประเทศเคยได้สัมผัสรักบี้ก็คงจะไม่เกิดความวุ่นวายของบ้านเมือง แบ่งพรรคแบ่งพวก เป็นกลุ่มเป็นสี

สุดท้ายนี้ ขอคุณพระช่วยดลบันดาลให้พี่มีสุขภาพแข็งแรง และประสบสำเร็จในสิ่งที่ได้ตั้งใจทุกอย่าง

มหามิตรตลอดกาล

OV รุ่น 69

ขอบคุณทุกคนครับ โดยเฉพาะเล่ายาว และ OV รุ่น 69 ครับ ผมไม่รู้ถ้าเทียบทาง โอวี แล้วรุ่นอะไร แต่ที่ราชวิทย์ รุ่น 9 มีรุ่นพี่ โอวี เด็กราชบุรี มาเรียนด้วยรุ่นผมหนึ่งคน ชื่อพี่ปั้ม ปัจจุบัน เสียชีวิตแล้ว เล่น ไม่สกรัมฮาฟ ก็อินไซด์ ขับรถ เซลิก้า ยุคนั้นมีคันเดียว

รุ่น9 ที่โด่งดังที่สุดก็คือ คุณนก ฉัตรชัย เปล่งพานิช เล่น กองหน้า ได้ทั้งแถวสองและแถวสาม ส่วนผม เป็นแค่ สกรัมฮาฟตัวสำรอง เท่านั้นเอง ครับ แต่ รักบี้ให้ชีวิตร่วมหมู่พวกเรามากจริง ๆ และในยุคก่อน ก็มีแค่ วชิราวุธและภ.ป.ร. เท่านั้นที่ทุ่มเทเป็นชีวิตอย่างจริงจัง ครับ ในปัจจุบัน ผมอยากเห็น เด้กไทย ได้เล่น รักบี้ฟุตบอล เพราะรักบี้ให้อะไรมากกว่า กีฬา และการแข่งขัน หรือ เกม รักบี้ให้มากกว่านั้นมากมาย

ขอบคุณครับในการนำเสนอความคิด มหามิตรตลอดกาลเช่นกัน

KC 9

สวัสดีครับ

ผมคนกรุงเทพเข้าเรียน วชิราวุธ ปี 2530(ป.3)จบปี 2540(ม.6)แล้วเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผมก็ได้เล่นรักบี้มาตลอดแม้จะไม่เก่งถึงติดทีมโรงเรียน แต่ฝีมือก็พอทนเล่นกีฬามหาวิทยาลัยได้คับ และถ้าเทียบรุ่นกับพี่กันแล้ว ผมก็ยังเด็กนัก(อายุ 30ปีแล้ว หุหุหุ)

รุ่นผมที่เล่นรักบี้ดังๆก็ ฐัญวิทย์ เครือสินธุ์(เย้),ปฐมรัตน์ ศิริทรัพย์ (บิ๊ก)

โดยส่วนตัวผมเมื่อได้ไปเรียนที่ ม.ช.จึงได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่เล่นรักบี้ด้วยกัน ส่วนใหญ่ไม่เคยมีพื้นฐานมาก่อน โรงเรียนมัธยมที่ยังเล่นในเชียงใหม่ก็มีน้อย แต่มีรุ่นพี่คนหนึ่งมาจากสุรินทร์ สุรวิทยาคาร ฝีเท้าไวมาก ฉายากระต่ายตีนทอง ต่อมาเมื่อผมแต่งงาน ภริยาเป็นคนจังหวัดมุกดาหารที่มาทำงานกรุงเทพ ผมก็เลยเริ่มติดตามว่าจังหวัดในภาคอีสานเล่นรักบี้กันเป็นอย่างไรบ้าง ก็ได้ยินว่านอกจากโคราช ขอนแก่น สุรินทร์ แล้ว ยังมีทีมดังๆอีกคือที่ร้อยเอ็ด สารคาม (ใกล้กับมุกเน่อ)จึงได้ค้นหา ก็โชคดีมาพบเวปของพี่ ผู้มีจิตใจทุ่มเทให้กับวงการรักบี้ภูมิภาค (นับถือคับพี่)

ที่มุกยังไม่มีทีมรักบี้เลย กีฬาเยาวชน 2 ปีที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยได้เหรียญใดกับเขาเลย ฮือออ ถ้าพี่อยู่ร้อยเอ็ด ก็อย่างลืมมาขยายสาขาสอนรักบี้เยาวชนเด็กมุกบ้างน่ะครับ

โจ้ OV 69

อีกนิด

ตำแหน่งที่ผมประจำ คือกองหน้า แถวสอง (ตัวโดด)เพราะตัวสูง 185 ซม.

แล้วผมจะคอยติดตามและคอยลุ้นทีมจากร้อยเอ็ด และสารคาม น่ะครับ และคงจะได้เห็นพัฒนาการของทีมที่สูงๆขึ้นไป ทั้งทีมชายทีมหญิง

แล้วอีกเรื่องคืออยากจะเห็นการแข่งขันรักบี้ 15 คน(ทุกระดับ)ชิงชนะเลิศภาคอีสาน อีกรายการหนึ่ง หรืออาจจะแบ่งเป็นสายอีสานตอนบน ปะทะ อีสานตอนล่าง ประมาณ NFC - AFC ในอเมริกันฟุตบอล ผมว่าน่าจะเป็นกลยุทธ์สร้างกระแสนิยมรักบี้ในภาคอีสานได้เหมือนกัน

มหามิตรตลอดกาล

โจ้ OV69

น้องโจ้OV69

เมื่อก่อนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยมุกดาหาร ทำทีมรักบี้ ปัจจุบัน หาคนทำต่อไม่ได้ ความคิดเรื่องชิงแชมป์ภาคอีสาน อีสานตอนบนกับอีสานตอนล่าง เป็นสิ่งที่ดี น่าจะได้ดำเนินการ

แต่ในขณะนี้ วันที่15-25พค52 ที่โรงกมลาไสย กาฬสินธุ์ คัดกีฬาแห่งชาติ มีห้าทีม สุรินทร์ โคราช ร้อยเอ็ด สารคาม และอุบล

ในอนาคตเร็ววันกำลังปรึกษาหารือ กันว่า สมาพันธ์รักบี้อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง กำลังคิดตั้ง จะจัดรักบี้คล้าย ๆ ฟรีเมียร์ลีก ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

ทีมจังหวัดร้อยเอ็ด ทีมจังหวัดมหาสารคาม ทีมเวียงจัน บัพฟาโล และทีมเวียงจัน วายด์ฮ็อก จะจัดรักบี้ลีก 15 คน เป็นลีกกลาย ๆ เดือนหนึ่ง 1 ครั้ง หรือ 2 ครั้ง เช่น เดือนที่ 1 มหาสารคามเป็นเจ้าภาพ จัด ทั้งหมด 4 คู่ เดือนที่สอง ขอนแก่น เป็นเจ้าภาพ ก็จัดทั้งหมด 4 คู่ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ในจังหวัดที่มีทีมอยู่ เมื่อแข่งพบกันหมดแล้ว ก็ เอาที่ 1ชิงกับที่2 ที่ 3 ชิงกับที่ 4 ที่5 ชิงกับที่ 6 ที่ 7 ชิงกับที่ 8 ก็จบ ซึ่งแต่ละทีมจะได้เล่น 7 ครั้ง และ 8 ครั้งกับชิงอันดับ ก็ใช้เวลาอย่างน้อยๆ 5-8 เดือน อาจจะเป็นนิมิตรใหม่ของวงการรักบี้ไทยก็ได้นะ

อิ๊ด ราชวิทย์ 9

"เมื่อแมวหมาเล่นกีฬามันท้ากัด เพราะเป็นสัตว์ไร้คิดจิตจึงเขว แต่ผู้ดีมีใจไม่รวนเร ย่อมฮาเฮเล่นกีฬาประสานมิตร"

เป็นบางตอนของเพลง จรรยานักกีฬา ร้องกันก่อนที่จะแข่งขันน่ะครับ ช่วยเตือนสติและจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของกีฬา

จากหลายๆ สถิติการท้าทายเร็วที่สุด ไกลที่สุด สูงที่สุด เป็นเรื่องที่เกินกำลังคนธรรมดาสามัญจนเกินไป การสร้างสถิติ "ถี่ที่สุด" ในเวลาอันจำกัดนี่แหละที่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่รักจะสร้างชื่อไว้ในกินเนสส์บุ๊กทั้งหลาย

สถิติที่ว่านี้มาจากกีฬาลูกผู้ชายอย่าง รักบี้ฟุตบอล บ้างเมื่อนึกถึงกีฬารักบี้ก็ต้องนึกถึงการอัดกันระหว่างนักกีฬาทั้งสองฝ่าย หรือก็คือการ แท็คเกิล เวลาฝึกแท็คเกิลนั้น นักกีฬาจะวิ่งเข้าอัดกระสอบที่เตรียมไว้ ซึ่งเรื่องนี้เองได้กลายเป็นความท้าทายให้นักรักบี้ทีมหนึ่งคิดอยากสร้างสถิติโลกขึ้นมา

ว่าแล้วนักรักบี้รุ่นเยาว์ของทีมแครนเลห์ รุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี จึงรวมตัวกันที่เมืองเซอร์เรย์ของอังกฤษ เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ปี 2005 และผลัดกันวิ่งเข้าแท็คเกิลกระสอบทรายให้ได้มากครั้งที่สุดในเวลา 1 ชั่วโมงผลปรากฏว่าหลังเวียนวนกระแทกใส่กระสอบทรายนาน 60 นาทีเต็มอิ่ม เด็กๆ นักรักบี้ของแครนเลห์ก็กลับบ้านพร้อมรอยยิ้ม และการบันทึกชื่อของพวกเขาว่าสามารถแท็คเกิลได้มากถึง 1,979 ครั้งด้วยกัน!

ถี่จังเลยครับพี่

สนามรักบี้คือห้องเรียนที่ฝึกการแก้ปัญหา ฝึกความอดทน ความกล้าที่จะพุ่งเข้าชนอุปสรรค การควบคุมอารมณ์ ความมุ่งมั่น และรักษาเกียรติของสถาบัน ที่สำคัญคือ การคิดถึงทีม นักรักบี้จะแสดงความยินดีอย่างสงบ ถ่อมตนและวิ่งกลับมายังแดนของตนเมื่อทำคะแนนได้ เพราะนักรักบี้ตระหนักดีว่า ชัยชนะของทีมมาจากความเป็นหนึ่งเดียวของทุกคน

ขอบคุณพี่โจ้มากเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยม

ทุกวันนี้ พี่ไม่ได้จบพลศึกษา แต่ก็อาสาสอน

รักบี้1รักบี้เบื้องต้น ให้นิสิตปี 1 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

เพื่อให้เด็ก ๆได้รู้จักกีฬารักบี้ แม้เป็นคอร์สเล็ก ๆ เขามาเรียน

เพื่อต้องการเกรด อะไร ก็ตาม แต่สิ่งที่เป็นสิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือ

มีคนอีก เทอมละ 40-70 คนรู้จักและเข้าใจมีทัศนคติที่ดีต่อ

กีฬารักบี้

ย่อมนำพาสู่ความรู้ความเข้าใจกีฬาประเภทนี้เพิ่มขึ้น

ขอบคุณ การแลกเปลี่ยน อยากให้ โจ้เขียนบทความเข้ามาหรือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

เกี่ยวกับรักบี้ ยิ่งดีใหญ่เลย

ผมยินดีที่จะนำลงตรงนี้

อิ๊ด ราชวิทย์ 9

ยินดีครับพี่อิ๊ด ถ้าผมมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจะนำมาให้อ่านกัน

มีเรื่องหนึ่งที่ผมได้โพสข้อความในสมาคมรักบี้ www.thairugbyunion.com และในwww.rugbygangs.com ซึ่งเป็นนิตยสารรักบี้โดยเฉพาะ(แต่ไม่รู้เปงไง นิตยสารนี้ถึงไม่ยอมออกฉบับใหม่ซักกะที สงสัยขาดนักเขียนคอลัมน์ หรือธุรกิจขาดทุนหรือป่าว) เรื่องที่ว่าคืออยากให้นิตยสารทำนั้นคือ อยากให้มีคอลัมน์และนักเขียนที่หลากหลาย เช่นบทความสอนเทคนิคการเล่นรักบี้,แผนการเล่นต่างๆ หรือการวิเคราะห์เกมส์การแข่งขันระดับโลก,ภายในประเทศ หรือบทความที่สอนกฎกติกาแบบกรรมการผู้ตัดสินเขาเรียนกันเพื่อคนรู้แล้วจะได้รู้ลึกขึ้น คนไม่รู้จะได้เรียนรู้ เพราะเรื่องพวกนี้ไม่มีตำราให้อ่านกันน่ะครับ มีแต่คนที่รู้จริง คลุกคลีกับรักบีจึงจะเขียนบทความเหล่านี้ได้ ซึ่งผมเห็นว่ามีพี่อิ๊ดนี่ละคน๑ที่ทำได้ครับ ก็อยากให้พี่ลองเป็นนักเขียนในนิตยสารรักบี้แก็งส์ลงบทความเหล่านี้ดูบ้าง หรือจะเอาแบบมันส์ๆ(ไม่รับเงิน)ก็เขียนลงในอินเตอร์เน็ทเลย อย่างน้อยบทความจะได้เป็นบันทึกหนึ่งของวงการรักบี้ให้ผู้สนใจได้ศึกษากันต่อไป

รักบี้แก๊งส์ เป็นของ พี่ต๋อ อภิรักษ์ อารีมิตร รองผู้บังคับการวชิราวุธ ภรรยาท่านเป็นคนทำ

ปัจจุบัน น่าจะปิด ตัว หรือ เป็นเหมือนที่ โจ้ ว่า

ควรจะมีแนวคิดอย่างน้องว่าจริง ๆ เพราะยังไม่มีหนังสือฉบับไหน ทำในประเทศไทย เลย

วันนี้ขอแนะนำเวป การสอนและวิธีเล่นรักบี้ (ภาคภาษาอังกฤษ) www.betterrugbycoaching.com ซึ่งเวปแบบนี้บ้านเรายังไม่เคยมีเลยยยย หนังสือให้อ่านให้เรียนรู้ยังมีน้อยมากถึงน้อยที่สุด ดังนั้น หากพี่อิ๊ดหรือใครที่เก่งภาษาอังกฤษช่วยแปลแล้วมาเล่าสู่กันฟัง ก็จะดีมาก เด่อ

คิดถึงไอ้อี้ดไอ้อาท

วันนี้ขอแนะนำเวปสอนเทคนิครักบี้ ผมว่าเวปนี้ใช้ได้เลยอ่ะ www.RugbyTactics.com

เมื่อประมาณปี 2540 - 2546 ผมเคยทำทีมรักบี้ ให้กับช่างกลเทคโนโลยีหมู่บ้านครู กรุงเทพ ส่วนใหญ่จะแพ้มากกว่าชนะ เพราะว่าพื้นฐานเด็กไม่ค่อยดี แต่ก็แอบดีใจเพราะว่าผมได้สร้างกระบวนการ วางแนวทางในการแก้ปัญหาการทำงานเป็นทีม และให้เขาภูมิใจว่ากีฬาสุภาพบุรุษลูกผู้ชายแท้จริงเป็นยังไง ให้กับเด็กช่างกลที่ ชาวบ้านชอบพูดว่าเด็กเหลือเดน แต่มันไม่จริงเลย ถ้าเราให้โอกาสในการเล่นรักบี้ให้กับเขา ตอนนี้ผมไม่ได้ทำทีมแล้ว และมาเป็นวิศวกรไฟฟ้าสังกัดกระทรวงสาธารณสุข อยู่อุบลราชธานี แต่ก็ยังติดตามวงการรักบี้อยู่ และถ้ามีแมทช์แข่งที่ไหนถ้าว่าง ก็จะไปดู ยังไงก็ตาม ผมก็ขอให้พี่มีสุขภาพแข็งแรง และเป็นเสาหลักให้กับวงการรักบี้อีสานต่อไปนาน ๆ นะครับ

ขอบคุณโจ้ OV 69 [IP: 203.147.4.193] และจิ๋ว ราชวิทย์ 19 [IP: 203.147.17.162] เป็นกำลังใจให้กันและกัน สำหรับจิ๋ว ว่างมือไหร่พี่จะไปเยี่ยมที่อุบล เพราะเป็นทางเทียว อยู่แล้ว 21 พย 52 นี้ รักบี้ประเพณี ราชวิทย์- วชิราวุธ สร้างชื่อให้ปรากฎเพื่อเป็นแบบอย่างของการเล่นรักบี้ที่ดี ของประเทศสยาม ตลอดกาลตลอดไป วชิราวุธ-ราชวิทย์ มหามิตรตลอดกาล

ขอบคุณโจ้ OV 69 [IP: 203.147.4.193] และจิ๋ว ราชวิทย์ 19 [IP: 203.147.17.162] เป็นกำลังใจให้กันและกัน สำหรับจิ๋ว ว่างมือไหร่พี่จะไปเยี่ยมที่อุบล เพราะเป็นทางเทียว อยู่แล้ว 21 พย 52 นี้ รักบี้ประเพณี ราชวิทย์- วชิราวุธ สร้างชื่อให้ปรากฎเพื่อเป็นแบบอย่างของการเล่นรักบี้ที่ดี ของประเทศสยาม ตลอดกาลตลอดไป วชิราวุธ-ราชวิทย์ มหามิตรตลอดกาล

วาทะสุดยอด เรียบเรียงเนื้อหาใจความเป็นลำดับ เป็นขั้นตอน ชี้ให้เห็นถึงการมีวิถีชีวิตที่ได้สัมผัสกับกีฬาประเภทนี้มาอย่างซ่ำชองให้ประโยชน์ ข้อคิด ใช้เป็นแนวทางในการประกอบของผู้ที่มีกีฬารักบี้อยู่ในหัวใจ ตลอดกาลครับ อาจารย์

สวัสดีค่ะ อยากทราบว่า มีที่ไหนสอนรักบี้บางค่ะ แบบสอนพิเศษช่วง ปิดเทอม อยากให้ลูกเล่นค่ะ ถ้าทราบช่วยบอกหน่อยนะค่ะ

ขออนุญาตนำข้อความไปโพสต่อใน facebook ของรุ่นนะครับ

ขอบคุณครับ พี่

มีรุ่นน้องท่านหนึ่ง พูดถึงพี่อี๊ดตลอดเวลา ที่สนทนาเรื่องการศึกษา

ชื่อประสิทธิ์ อยู่รุ่น 11 ครับ

ยินดีครับถ้าบทความจะเป็นประโยชน์และสร้างสรรค์เยาวชน

นำไปใช้สอยได้ทั้งหมดครับ ช่วงนี้ ผมไม่ได้ลงมือเขียนต่อ

เท่าใดนักงานเยอะขึ้น แต่งานภาคสนาม ก็ยังคงลงฝึกเด็กเช่นเดิม

ครับ แม้จะมีเวลาน้อยลงก็มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเราแล้วครับ

ที่มหาสารคาม มีรุ่นพี่ที่เป็นนักเรียนราชวิทยาลัย รุ่น ๕ อยู่ หนึ่งท่าน เป็นหมอเด็กอยู่ที่โรงพยาบาลมหาสารคาม ชื่อนายแพทย์เกรียงไกร โกวิทางกูร มีปัญหาเรื่องโรคเด็กปรึกษาพี่เขาได้นะครับอาจารย์อี๊ด

ขอบคุณมาก เป็นหมอประจำครอบครัวผมเลย

ทั้งลูกชายและลูกสาว สมัยเป็นเด็กน้อย

ดูแล เป็นอย่างดี

ปัจจุบัน ท่านเป็นรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม

ลูกชายก็กำลังจะจบหมอ น้องกฤต ที่ มข

มีลูกชายคนเดียว

พี่อำนวย (เวชสิทธิ์) เคยแวะเยี่ยมเมื่อ

พาเด็กราชวิทย์ มาแข่งที่สารคามอยู่ ครับ

คลีนิค แน่นเอียดไปด้วยคนไข้เด็ก ๆ

รักษาดี ราคาย่อมเยา

และถ้ามีปัญหาในช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฟันหรือเรื่องกระดูกโครงหน้าทั้งหมด ทันตแพทย์ศุภผล เอี่ยมเมธาวี ราชวิทย์รุ่น ๕ (รุ่นเดียวกับหมอม่ำ หรือหมอเกรียงไกร) ก็ปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่นั้นด้วย แต่สำนักท่านจะประจำอยู่ที่โคราช เป็นคลีนิกเรื่องทัตนกรรมโดยตรง ชื่อ ศูนย์ทันตกรรม 1991 ครับ

โอ้ อันนี้ใช่เลย ตอนนี้ 51 ปี แต่หยุดอายุไว้ที่35 มีปัญหาเรื่องฟันแล้ว

ไปหาหมอฟันที่ รพ มค ที่จริงระบบดีมาก แต่ผม ผมนะไม่ใช่หมอ

ผมมีเฟิทส์อิมเฟสชั่น ที่ไม่ดีเลย

หนึ่ง หมอมาดูแลผม ที่จะให้ผมมารักษาระบบรากฟัน เหงือก ให้ผม แก่เกินไป ทีจริงเพิ่นน่าจะเป็นรุ่นน้องไล่กันนี้แหละ

แต่แก่ไป ผมถูกนัดสามครั้ง ผมไม่ไปหาเลย เพราะ พบกันแล้ว รู้สึกไม่ชอบ

สอง ห้อง รักษาฟัน ดีมาก แต่รู้มั้ย ที่กินข้าวหมอ อยู่ด้านหลังนั้นแหละ กินหมูปิ้ง ปลาแดกบอง ข้าวจี่ โชยมาด้วย

ธรรมชาติดี รู้เลย หมอเป็นลาวเหมือนผม ผมไปตอนเช้า รอเข้าคิวตั้งแต่เช้า จนแปดดมงเก้าโมงได้ทำ วันนั้นไปถอนฟันกร้ามล่าง หมดดุแล้วว่ารักาไม่ได้ต้องถอน กำแพงเหลือด้านเดียวเอ็กซเรย์ ดู หมอเด็ก ๆ บอก ต้องให้ หมอใหญ่คนนี้แหละดู เพิ่นดูแล้ว บอกว่า ถอน รักษาไม่ได้ เอ้าถอนก็ถอน แต่หมอเด็กๆ เป็นคน ถอนให้ แล้วบอกว่า อาจารยต้องมารักษาระบบเหงือกและรากฟัน แต่พอแทงคนรักษา กลับเป็นหมอใหญ่ ถ้าเป็นหมอเด็กผมจะไปอยู่ แต่พอเป็นหมอใหญ่ ผมเลยตัดใจไม่ไป

ประจวบกับกินหมูปิ้ง ข้าวจี่ ถ้าเป็นกลางวันน่าจะมีกลิ่นส้มตำด้วย ธรรมชาติดี ที่เล่ามา ไม่ได้รังเกียจ หมูปิ้ง ปลาแดกบอง ข้าวจี่ นะครับ แต่เข้าใจใช่มั้ยครับ ไปทำฟัน ตอนเช้า เราก็ต้องเตรียมฟันของเราให้สะอาดที่สุดที่เราคิดว่า สะอาด ข้า ปลาอาหาร ละก้อ ไม่ต้องพูดเลย แทบจะไม่ได้ยัดอะไร ไ ปเลย ไปถึง ฟันจะถูกถอน กลิ่นหมูปิ้งโชยมา นำลายนี้ ไม่ต้องพูดเลย ท้องก็ร้องเลย

ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ เป็นนัดครั้งที่สาม ผมไม่ไปสักครั้งเลย แย่นะ แต่หันมาอ่าน กลูเกิ้ล เสิดหา การรักษาฟฟัน ด้วยตนเอง การรักาโรคฟันด้วยสมุนไพร นี่คือเรื่องจริง เกี่ยวกับ ฟัน และหมอของผม

เปลี่ยน คำว่า กิน เป็น กลิ่นหมูปิ้ง

ไอ้อีด ไอ้อาท คิดถึงเสมอเปิดมาเจอ คิดถึงจริงๆ เดี๋ยวนี้ยังฉี่รดที่ทีนอนแบบเด็กป5 อยู่หรือเปล่าว

มีเมียกี่คนแล้ว ไอ้อาททำอะไรกิน อย่างไรถ้าไปสารคามจะไปหา

บักเหลี่ยม..555 ไม่คิดว่าจะมาเจอที่นี่   คิดถึงเสมอนะเพื่อน...

นายเล่าอดีตซะมองเห็นภาพเลยว่ะ

สุดยอดมาก ช่วยกันส่งเสริมและสนับสนุนรักบี้ให้ก้าวต่อไปใม่มีที่สิ้นสุด จะคอยช่วยเหลือตลอดไป

สวัสดีค่ะพี่ๆทุกคน พอดีอยากจะทราบว่าที่ไหนมีเล่นกีฬารักบี้บ้างค่ะ พอดีคนเล่นที่อยากเล่นมากๆคือชาวต่างชาติค่ะและเค้าได้มาอาศัยอยู่ที่เชียงใหม่รักเชียงใหม่ เค้าเป็นคนอังกฤษอายุ27ปีค่ะ เลยอยากจะขอทราบรายละเอียดว่าเค้าเล่นกันที่ไหนค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ชุมชนรักบี้

เชึยงใหม่ มี4 ทีมหลัก

ระดับโรงเรียน ซ้อมที่ปรินรอแยลส์วิทยาลัย

ระดับมหาวิทยาลัย มี2ทีม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยแม่โจ้

ระดับสโมสร มี 1 Club  มีชาวต่างประเทศด้วย

น่าจะซ้อมที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

Rugby is never going to be on the TAT brochure. Sure, many of us have burned up with rugby fever over the past two months of Rugby World Cup exhilaration, but while the occasional roar from the UN Irish Pub or The Red Lion may have caused a few heads to turn as they walked past, the fourth largest international sporting event in the world - after the FIFA World Cup, Olympics and Tour de France - has hardly caused a ripple in Thailand's busy social calendar.

But for the twenty-odd Thai rugby players in Chiang Mai, this sport is something they are passionate about, and they want to get us all excited too.

In 2004 there were small pockets of rugby being played; Chiang Mai University had a small side, Prince Royal's School had a team and occasionally groups of expats would get together to play together or against the Thai sides. It was pretty small stuff and once graduated, most players had nowhere to continue playing. It was a dead-end sport.

So, a couple of rugby players approached Sandy Cullen of the UN Irish Pub, long known for its sporty pulse, and asked whether he would mind stepping in to coordinate and push rugby in Chiang Mai. A team was formed, the Suas (soon to be changed to Tigers, after the Thai players realised the septic connotation), and the UN Irish Pub has been a sponsor and promoter of it ever since. "Initially we had many expat players, teachers mainly," said Cullen about the early years of the Suas, "but they have mostly left now. So, we have about 20-25 Thai players mainly playing in the team. A couple of expats join in once in a while, though some are getting a bit old."

The Suas have, over the years, welcomed many touring sides, and while budget is tight, have managed to go on a few tours themselves, having attended the Bangkok 7s every year since 2004 and even making it to the finals last year, as well as joining the Pattaya 10s as financing allows.

"We don't do the training, well, we do help train for senior players pre-tournament," continued Sandy, "but the kids are very lucky to have Vinai Sucharit, head of the sports at Prince Royal's College, who is a great coach and is dedicated to their rugby future as well as the development of rugby in Chiang Mai. As a matter of fact, some of the guys are now being picked to join the national team, and two were chosen to represent Thailand in Japan last year...unfortunately the tsunami happened, so the tour didn't."

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท