แม่โทรมาช่วงเช้าเพื่อทวงเอาลายผ้า ไปให้ช่างทอผ้าซึ่งความจริงผมมีแผนจะกลับไปโรงอยู่แล้ว แต่แม่โทรมาบอกวาเขาทอเสร็จกันหมดแล้ว จำเป็นต้องขึ้นผ้าชุดใหม่ ผมจึงจำต้องส่งงานทางรถไฟเพราะช่วงนี้งานที่ต้องสะสางยังไม่จบ
(ภาพจาก http://www.isantextiles.net/)
ปรากฎการณ์ช่วงนี้ที่โรงทอคึกคักช่างแตกต่างจากก่อนหน้านี้นัก เพราะราวเดือนที่แล้วโรงทอของผมเงียบเหงาเพราะช่างทอผ้าลงนากันหมดผ้าที่ลูกค้าสั่งไม่ได้ส่งตามนัด ทำเอาโดนต่อว่าไปเหมือนกัน แต่ช่วงนี้สิผมส่งลายผ้าแทบไม่ทัน แถมช่างทอก็เพิ่มจากสี่กี่เป็นห้ากี่และมีช่างทอขอทอผ้าเพิ่มอีกหลายคน
ความจริงหากเทียบรายได้จากการทอผ้ากับรายได้จากการทำนาดูเหมือนจะใกล้เคียงกัน แต่เมื่อพูดถึงกำไรที่จะได้รับผมมั่นใจว่า การทอผ้าสามารถทำกำไรได้มากกว่า เพราะที่โรงทอผ้าชาวบ้านไม่จำเป็นต้องลงทุนอะไร ลงทุนเฉพาะฝีมือแรงกายเท่านั้น ไม่ต้องจ้างไถ จ้างหว่าน จ้างดำ ซื้อปุ๋ย แถมไม่ต้องเสียงกับน้ำจากฟ้าอีกด้วย
ผมก็ไม่ได้ต่อต้านไม่ให้ช่างทอของผมเลิกทำนาหรอกนะครับ แต่ต้องหาวิธีจัดการการทำนาในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ยุคที่น้ำมันลิตรกว่าครึ่งร้อย ยุคที่ปุ๋ยแพงยังกะทองคำ ยุคที่ค่าจ้างแรงงานชาวนาแพงกว่าค่าแรงขั้นต่ำ ผมเองไม่รู้วิธีหรอก แต่คงต้องหาเครื่องมือที่จะช่วยให้ชาวนาปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลง
จะรอชมนะคะ น้องออต
สวัสดีค่ะคุณออด
* เห็นด้วยค่ะ ช่วงนี้ท้องทุ่งเงียบเหงาจริงๆ
* เพิ่งกลับมาจาก เยี่ยมชาวบ้านเช่นกันค่ะ
* ทุ่งนา ขาดน้ำ ฝนหยุด มาหลายอาทิตย์
* ....
* เคยไปเห็นงานทอ ขนาดระดับครัวเรือนที่ลาวนะคะ
* ยังน่าลุ้นเลยค่ะ เพราะเป็นตลาดเฉพาะ (niche market)
ที่มีแนวโน้มไปได้ดีค่ะ ... เป็นกำลังใจ และชื่นชมค่ะ
* ....
จะรอชม ลายผ้างามๆ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ....
พี่แก้วครับ
คุณปู
อดใจแทบไม่ไหว ที่จะได้ชมของจริงด้วย จะมาแสดงงานที่กรุงเทพเมื่อไหร่บอกันด้วยนะคะ
ดีใจด้วยที่งานคึกคักดีค่ะ