สร้าง: จ. 19 มิ.ย. 2549 @ 07:25
ร้านน้ำชา กาแฟ ในจังหวัดนครศรีธรรมราชมีมากมายเหลือเกิน
เคยมีรายการโทรทัศน์นำเสนอว่าไม่มีจังหวัดไหนมีมากเท่าที่นี่ มีมากทั้งในชุมชนชนบทและในชุมชนเมือง ยิ่งในชุมชนเมืองจะยิ่งมีถี่มาก เป็นระยะๆในถนนแทบทุกสาย
ที่ร้านน้ำชาก็มักจะมีการพูดคุย แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเป็นปรกติอยู่แล้ว ทั้งเรื่องการเมือง การทำมาหากิน ฯลฯสารพัดเรื่องจะมีการพูดคุยกันที่นั่น
ชาวบ้านจะอาศัยร้านน้ำชา กาแฟ เสมือนเป็นที่เรียนรู้ตามอัธยาศัยของเขา เป็นวัฒนธรรมหนึ่ง เป็นเลือดเนื้อ และเป็นวิถีชีวิตของคนนครศรีธรรมราช
อาจจะกล่าวได้ว่าร้านน้ำชาคือกลยุทธ์หนึ่งที่จะเร่งให้ วิสัยทัศน์ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ว่าเมืองแห่งการเรียนรู้ หรือส่วนที่เรียกว่าส่วนหัวปลา เป็นจริงได้ ถ้าจะได้ส่งเสริมกันให้ถูกวิธี ไม่ต้องลงทุนสร้างอาคารเรียนเหมือนโรงเรียนทั่วไป
สิ่งที่ผู้คนแลกเปลี่ยนกันที่ร้านน้ำชา กาแฟ ก็ไม่พ้น แบ่งปันความรู้และความรู้สึกกัน แต่เท่าที่ฟังจากเพื่อนฝูงเขาพูดๆกัน รวมทั้งที่สังเกตเอง ก็จะพบว่าเป็นเรื่องของความรู้สึกเสียมากกว่า
ทำอย่างไรให้ร้านน้ำชาอบอวลไปด้วยข้อมูลความรู้ขึ้นมาบ้าง ผมว่าโครงการจัดการความรู้เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนเมืองนครศรีธรรมราช ที่เรียกสั้นๆว่า โครงการแก้จนเมืองนครนั่นแหละ คือเครื่องมือวิเศษอย่างหนึ่งที่จะทำให้ร้านน้ำชากาแฟพูดกันดัวยความรู้ (ปฏิบัติ)มากขึ้นได้ ไม่ใช่พูดกันด้วยความรู้สึก หรือข้อมูลประเภท เสียงเขาว่า...............กันเป็นหลัก
ที่กล่าวอย่างนี้เพราะเป้าหมายของโครงการฯนี้ ที่นำโดยท่านผู้ว่า วิชม ทองสงค์ ต้องการให้ผู้คนหรือครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการ ได้จัดการกับความไม่รู้ของตนเอง ครัวเรือนตนเอง เมื่อทำได้แล้ว รู้แล้ว (รู้จากการที่ได้ปฏิบัติมากับมือ) มีหลักฐานร่องรอยการกระทำของตนเอง จะเป็น ภาพถ่าย บันทึก หรือของจริงที่ทำได้ ก็ดี มายืนยันอ้างอิง ก็จะทำให้การพูดคุยในร้านน้ำชา กาแฟ น่าเชื่อถือ ไม่ใช่โม้ จนหาสาระและหลักฐานอ้างอิงไม่ได้เลย
ผมทราบว่าโดยพื้นฐานคนนครฯเรา ชอบเล่าเรื่องอยู่แล้วเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งการเล่าเรื่องที่ตนทำได้มากับมือแล้วนี้ นับว่าต้องตามหลัก Story telling ของ KM เลยครับ ซึ่งนับเป็นเรื่องที่งดงามมาก ชาวนครฯเราคุ้นเคยกับวิธีการเรียนรู้วิธีนี้ดีอยู่แล้ว เมื่อแต่ละคน แต่ละครัวเรือน จะได้เล่ารายละเอียดวิธีทำงานแก้จนของตน ครัวเรือนตน หรือชุมชนของตน ให้ได้รับฟังและแลกเปลี่ยนกัน มันจะทำให้เกิดการเรียนรู้ขึ้นในทุกหย่อมหญ้า การศึกษาภาคประชาชน ที่ท่านผู้ว่าฯวิชม ทองสงค์ กล่าว่า การศึกษาภาค KM เป็นจริงได้แน่นอน
โครงการจัดการความรู้แก้จนเมืองนครฯ เป็นโครงการที่ลงทุนให้ประชาชนได้มีกระบวนการ ทั้งกระบวนการเรียนรู้ กระบวนการแก้ไขปัญหา กระบวนการชุมชนเข้มแข็ง กระบวนการประชาคม....ฯลฯ โดยในการแก้จนใช้ทุนของตนเองเป็นหลัก อาจจะโดยการหนุนเสริมจากหน่วยงานอื่นบ้างตามสมควร เริ่มจากกิจกรรมแก้จนกิจกรรมเล็กๆที่ตนสามารถทำได้เลย ไม่ต้องพึ่งพาใครไปก่อน พึ่งพาคนอื่น หน่วยงานอื่นอาจจะต้องรอภายหลัง
คุณอำนวยทุกระดับ ไม่ว่าระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ผู้ทำหน้าที่ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ จะต้องส่งเสริมให้มีกระบวนการเรียนรู้ในทุกครัวเรือนที่ได้สำรวจไว้แล้ว เมื่อได้รู้จากการปฏิบัติแล้ว ก็ส่งเสริมต่อเนื่องให้นำมาเล่านำมาแบ่งปันแลกเปลี่ยนในเวทีชุมชน ที่จะได้นัดหมายกัน และควรส่งเสริมต่อเนื่องให้เล่าปัญญาปฏิบัตินี้ในร้านน้ำชากาแฟ เพื่อการเผยแพร่ในวงเรียนรู้ที่กว้างขึ้นต่อไป ไม่อยากจะให้วัฒนธรรมดีๆอย่างวัฒนธรรมร้านน้ำชา กาแฟ ไม่มีส่วนในการแก้จนครั้งนี้