เรื่องขำที่คนฟังและพบเห็นอยากหัวเราะ
ช่วงแรกชีวิตการทำงานของผมได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในราชนาวีเกือบ 10 ปี (รวมเวลาทวีคูณ) พวกเราทุกคนต้องผ่านการฝึกอยู่ในทะเลอยู่นานพอสมควร โดยเฉพาะการว่ายน้ำนานๆ ครูฝึกให้พวกเราจับกันเป็นคู่ๆ (buddy) และคอยช่วยเหลือกันในทะเล ครั้งหนึ่งนำพวกเราถูกนำขึ้นเรือไปปล่อยที่เกาะจานแล้วให้พวกเราว่ายน้ำเข้าหาชายฝัง ครูฝึกกำชับเรื่องความปลอดภัย การช่วยเหลือกันของ buddy ในท้องทะเล ท้ายสุดท่านบอกว่าทางน้ำที่เราจะเข้าฝังมักมีฝูงฉลามออกมาล่าเยื่อเสมอๆ พร้อมทั้งแนะนำการเผชิญกับฝูงฉลาม และเพื่อแน่นใจว่าพวกเราสามารถดูแลกันแองได้ ครูท่านเลยถามผมว่าหากคู่เราถูกฉลามไล่จะทำอย่างไร? ผมฟังไม่ชัดหรอกครับเพราะชายทะเลคลื่น ลมแรง ผมเงียบอยู่สักครู่เพื่อนอยู่ข้างต้องสกิดแล้วบอกว่า “หากนายว่ายน้ำอยู่ฉลามตามมาจะทำอย่างไร” ผมลุกขึ้นแล้วบอกครูฝึกด้วยเสียงดังว่า “จะอยากอะไรครับ ผมก็ว่ายน้ำให้เร็วกว่า buddy ผมสิครับ..(ฮา)
เรื่องนี้ผมได้มาตอนที่ก่อนเป็นทหารเรืออ่าน พลนิกรกิมหงวน หนังสืออ่านสบายๆคลายเครียดก่อนสอบที่จริงผมไม่ได้อ่านหรอกพวกเราเกือบสิบคนก็มีเพื่อนคนหนึ่งอ่านให้เราฟังเป็นประจำเพียงแต่จัดหาขนมและน้ำให้พร้อมเท่านั้น ตอนเข้ามาเป็นทหารก็ได้อ่านเรื่องนี้อีกจากการเขียนของรุ่นพี่ชื่อประเทือง ศรีสุข ที่สื่อให้เห็นชีวิตทหารเรือ ในสมัยก่อนก็ก่อนปี 2490 ละครับ เรามีเรือรบหลวงใหญ่ๆไม่กี่ลำหนึ่งในนั้นมีเรือรบหลวงเจ้าพระยา (ส่วนใหญ่ชื่อเรือลบหลวงชื่อตามแม่น้ำ เช่น รล.แม่กลอง รล. ตาปี รล. ประแส เป็นต้น) และได้รับคำสั่งให้ออกไปลาดตระเวณที่น่านน้ำทางภาคตะวันออก ท่านผู้การก็แจ้งกำหนดการให้ทหารทุกคนทราบตอนแถวแปดโมงเช้า (ในเรือเราจะทำกันทุกวันเพื่อเชิญธงสู่ยอดเสาและแจ้งข่าวชาวเรือ) ว่าเราออกเรือจากท่าเวลา 15.00 น. และตอนกลางวันให้ทหารทุกคน(นายทหาร พันจ่า จ่า และพลทหาร)ไปทานอาหารที่ราชนาวีสโมสร (สมัยก่อนเรือจอดเทียบท่าราชวรดิษฐ บริเวณใกล้ๆท่าช้างวังหลัง) ทุกคนทานอาหารตั้งแต่เที่ยงวันจนเกือบ 14.30 น.ท่านผู้บังคับการเรือก็ให้ทุกคนขึ้นเรือประจำที่เตรียมออกเรือ วันนั้นเรือออกตรงเวลามุ่งหน้าออกอ่าวไทยพอถึงป้อมพระจุลจอมเกล้า พระอาทิตย์ก็ลับลงขอบฟ้า (ท้องฟ้าสีคราม เหมือนสีน้ำเงินเจือ ดังเสื้อที่เราสวมใส่....เป็นบทเพลงทหารเรือครับที่ผมพอนึกได้) นานแสนนานที่เรือรบแล่นออกไปตามความมืดสนิทเหมือนท้องฟ้าที่มีไฟเรือต่างๆเสมือนดวงดาวที่อยู่ใกลๆและหายจากไป และอยู่ต้นหน (นายทหารที่ทำหน้าที่นำทางตามร่องน้ำ)ที่อยู่บนสะพานเดินเรือ (ห้องที่เป็นศูนย์บัญชาการเรือ) แจ้งมาที่ห้องผู้การว่า มีเรือลำหนึ่งแล่นด้วยความเร็วครึ่งหนึ่งของเรา แล่นตรงมาที่เรา คาดว่าจะถึงเรือเราอีก 10 นาที ท่านผู้การขึ้นมาบนสะพานเดินเรือให้ส่งสัญญาณไฟ (สมัยก่อนวิทยุสื่อสารปรับคลื่นอยากไม่รู้ว่าใครอยู่คลื่นไหน) ไปที่เรือลำนั้นเป็นข้อความว่า “นี่เรือรบหลวง หลบเดี่ยวนี้” อีกฝ่ายกระพริบสัญญาณไฟตอบกลับ “หลบไม่ได้” ทัศนสัญญาณ (ตำแหน่งผู้ทำหน้าที่สื่อสาร )แจ้งให้ผู้การเรือทราบ ผู้การให้ส่งไฟใหม่ข้อความว่า “นี่เรือรบหลวงเจ้าพระยา สั่งให้หลบเดี่ยวนี้” อีกฝ่ายกระพริบสัญญาณไฟตอบคงเดิม “หลบไม่ได้” ผู้การเรือหลังจากรับทราบข้อความแจ้งให้ส่งสัญญาณใหม่อีกครังว่า “นาวาเอกหลวง......ผู้บังคับการเรือรบหลวงเจ้าพระยา สั่งให้เรื่อที่แล่นตรงเข้ามา หลบเดี่ยวนี้” อีกฝ่ายกระพริบสัญญาณไฟตอบอย่างช้าๆว่า “เราคือประภาคาร หลบไม่ได้” .....(ฮา)
เรื่องการสื่อสารด้วยความห่วงใย
“เร็วๆขอพูดกับผู้เชี่ยวชาญการทำคลอด” เสียงโทรศัพท์ที่ต่อมาหาoperatorโรงพยาบาล “ใจเย็นๆค่ะเดียวคุณคุยกับผู้เชียวชาญนะค่ะ” operatorส่งสายต่อให้แผนกสูติ-นรีเวช “สวัสดีค่ะหมอเย็นฤดีค่ะ” “เมียผมกำลังจะคลอดปากมดลูกเปิด 3 เช็นต์แล้วผมจะต้องทำอย่างไร” เสียงสามีพูดกรอกสายกลับมาทันที “ใจเย็นๆค่ะ คุณเป็นลูกคนแรกหรือเปล่า” “หมอจะบ้าหรือ” สามีมีอารมณ์โกรธมากขึ้นพร้อมกันพูดว่า “ผมเป็นสามีนะครับไม่ใช่ลูก”.......(ฮา)
ไม่อยากทำตามนักเรียนนอก
สมชายนักเรียนนอกจากอิตาลีกลับมาเมืองไทย ชวนเพื่อนสมศักดิ์ที่สนิทสมัยเรียนชั้นประถมโรงเรียนวัดที่บ้านนอกที่ไม่ได้พบวันมา 30 ปี ชวนไปทานอาหารที่โรงแรมหรูย่านสุขุมวิท เพื่อนอยู่แต่บ้านนอกก็ไม่เคยไปก็ปฏิเสธแต่ก็ต้องยอมเมื่อถูกเพื่อนๆอีกหลายคนชัดชวน โดยบอกว่า "จะไปอยากอะไรเห็นเพื่อนทำอย่างไร นายก็ทำอย่างนั้น" และทานอาหาร
เหมือนเพื่อนทุกรายการ สะปาเกตตี้ เป็นอาหารที่ทานกันอยู่
จู่ๆนักเรียนนอก ก็จามมีเส้นสะปาเกตตี้ย้อยเป็นเส้นออกมาทาง
จมูก เพื่อนที่อยู่บ้านนอกก็มอง และพยายามทำตามอยู่นานและก็ทำไม่ได้ เลยหันมาบอกเพื่อนนักเรียนนอกดังๆว่า "อย่างนี้กินยากโว้ย เราทำเหมือนนายไม่ได้จริง นายทำให้ดูอีกที่ซิ"...ฮา