เป็นอย่างที่พี่รัตน์บอกจริงๆ ค่ะ อยู่ในหุบเขา..จะมีฝนโปรย
และยิ่งช่วงนี้เป็นหน้าฝน ฝนก็ตกทุกวันเลย สลับกับการมีแดดบ้าง ทำให้รู้ว่า แม้ตื่นเช้ามาวันไหนจะมีแดดออก แต่ฝนก็ตกได้ทุกวันสลับกับการมีแดดนั่นแหล่ะ
อยู่มาได้สาม สี่ วัน เป็นอย่างนั้นทุกวัน เมื่อถึงวันที่ต้องซักผ้า เลยตระหนักดีว่าพอผ้าหมาดแล้วและเราจะไม่อยู่ที่ห้อง เราก็จะเก็บผ้าเข้ามาไว้ห้องพักทันทีซึ่งปลอดภัยกว่าตากไว้ข้างนอก เพราะอากาศที่นี่ไว้ใจไม่ได้เลย บางทีแดดออกแต่ก็ยังมีฝนโปรยๆ ตลอด
..อยู่ในหุบเขา จะมีฝนโปรย...จริงๆ ด้วยแฮะ
ก็เลยต้องต้องรีบซักผ้าแต่เช้า เก็บผ้าแล้ว ถึงออกไปทำงาน
แต่ที่ประทับใจมากและตื่นเต้นมากๆ เลย ก็คือ พอหลังฝนโปรย..เราก็จะเห็นรุ้งกินน้ำ ที่นี้ก็จะตั้งใจทุกวัน พอฝนโปรยไปแล้ว เราจะหันหลังให้พระอาทิตย์ เราก็จะเห็นรุ้งกินน้ำสีสวยๆ หล่ะ
และรุ้งคงกินน้ำจริงๆ เพราะพอมีรุ้ง..หยดน้ำฝนก็จะค่อยหมดๆ ไป แต่เราก็ยังพอจะเห็นแสงแวววาวของหยดน้ำบ้างในเวลาที่มันกระทบกับแสงแดด
และถึงแม้เราจะลืมว่าเราอยากจะดูรุ้ง แต่ความที่เราอยู่ในหุบเขาอย่างนี้ สายตาเรามักถูกบังคับและดึงดูดจากความโล่ง สบายให้เราได้มองไปรอบๆ เมื่อนั้นเราก็จะได้เห็นรุ้งกินน้ำอยู่ดี ดังนั้น เราจึงยังคงเห็นรุ้งทุกวัน...ด้วยความบังเอิญของสายตาเราเอง แต่คงเป็นความจงใจของสถานที่แห่งนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี้..เราจึงเชื่อมากขึ้นทุกวันว่าไม่ใช่ความบังเอิญ ไม่ว่าจะเป็นรุ้งกินน้ำ หรือการตัดสินใจมาอยู่ที่นี้ของเราก็ตาม เราก็มีสิ่งที่อยากมาทำที่นี้มากมาย..แต่อยากรู้จังว่าที่นี้ต้องการอะไรจากเรานะ..กำลังคิดหาคำตอบอยู่หล่ะ และคิดมากยิ่งขึ้นว่าสิ่งที่เราจะทำจะเป็นสิ่งที่สถานที่แห่งนี้ต้องการหรือไม่...
...ลา ลา ลา ยังไงก็รู้สึกดีใจจังเลยหล่ะ ที่ได้มาอยู่ในที่แบบนี้..หลงรักที่นี้เข้าให้แล้วสิ
ซักผ้า ก็เป็นเรื่องที่บันทึกได้
ก็ยังดีที่เรียนรู้จากการซักผ้า
น้องชลค๊ะ
ชอบจังเลย เป็นการบรรยายท
ถึงรุ้งกินน้ำที่น่าประทับใจมาก ว่าแต่ผ้าซักให้สะอาดยากมั๊ย
และขอยินดีกับมหาบัณฑิตแห่งท่าพระจันทร์นะ ของขวัญจะส่งไปทางไปรษณีย์ เพราะงานกำลังเข้า หยุดไม่ได้จ๊ะ
คิดถึงค่ะ
พี่ตุ๊ก