จีนกับป้าตอนที่ 2


อย่าคาดหวังให้เด็กๆอย่างหนูต้องเรียนรู้อะไรมากมายเกินไปนัก ช่วยเลือกมาให้เฉพาะที่น่าจะจำเป็น

จีนกับป้าตอนที่ 2

ป้าบอกหนูว่ายังคิดไม่ค่อยออกว่าจะเขียนตอนต่อไปเกี่ยวกับอะไรดี ป้าให้หนูช่วยออกความเห็น แต่หนูก็คิดไม่ค่อยได้ เพราะปกติผู้ใหญ่ไม่ค่อยถามความเห็นจากหนูและให้หนูช่วยคิดตัดสินใจ หนูก็ได้แต่สนุกกับการเล่นและถูกกล่าวหาว่าซนไปวันๆ ป้าบอกว่าไม่ใช่แค่เด็กเล็กๆอย่างหนูหรอก พวกหมอหลายคนที่เรียนจบอายุ 20-30 ปีหลายคน ยังถูกผู้ใหญ่ที่อาวุโสกว่ามองว่าเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความคิดเห็น โดยเฉพาะความเห็นที่แตกต่าง น่าเสียดายสติปัญญาที่มีอยู่ในกะโหลกจริงๆ

ป้าเล่าว่าสมองของเด็กพร้อมที่จะเชื่อมโยงสิ่งต่างๆที่จดจำได้จากการเรียนรู้ เมื่อมีทักษะพื้นฐานพร้อมทั้งด้านการกระทำและพูดคุยสื่อสาร สมองส่วนหน้าซึ่งเชื่อมโยงข้อมูลจากส่วนต่างๆของสมองและประมวลผล ในที่สุดจะค่อยๆสามารถคิดตัดสินใจว่าควรทำอะไร พูดอะไร เมื่อใด และอย่างไร ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต การได้รับโอกาสตามสมควรจากผู้ใหญ่จึงจะช่วยพัฒนาสมองส่วนหน้านี้ได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ ป้าเชื่อว่าทักษะพื้นฐานหลายอย่างของเด็กพัฒนามามากพอสมควรในช่วง 5-6 ปีแรกของชีวิต ถ้าได้รับการส่งเสริมตามวัยอย่างที่ควรจะเป็น เด็กวัยนี้จะมีทักษะในการช่วยเหลือตัวเองในชีวิตประจำวัน มีภาษาพูดที่พัฒนามากจนใกล้เคียงกับเด็กโตอื่นๆ น่าจะสามารถควบคุมตนเองทั้งอารมณ์และความต้องการได้ดีเพียงพอที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมนอกบ้าน แต่ถ้ามองเลยต่อไปอีก 2-3 ปี ปัจจุบันมีแนวคิดว่าช่วงปฐมวัยของเด็กหมายถึงหลังเกิดจนถึงอายุประมาณ 8 ปี เนื่องจากการเรียนรู้เพื่ออ่านเขียนและคำนวณเบื้องต้น (ช่วงชั้นประถมต้น) เป็นการเรียนรู้ทักษะพื้นฐานที่นำไปต่อยอด เพื่อเรียนรู้เรื่องอื่นๆที่เด็กแต่ละคนอาจมีความสนใจและความถนัดไม่เหมือนกัน ป้าเล่าว่าคนที่เรียนจบหมอมาทั้งหมดเคยต้องเรียนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์อย่างมากมายมหาศาลประมาณสิบปี แต่สุดท้ายหมอเกือบทั้งหมดใช้ทักษะการคำนวณเหมือนเด็กประถมต้นเท่านั้น และบ่อยครั้งยังใช้เครื่องคิดเลขจนคิดเลขในใจไม่ค่อยถูกแล้ว คงมีหมอไม่กี่คนที่ได้ใช้ความรู้ที่สู้อุตส่าห์เรียนมาอย่างบากบั่นไปทำประโยชน์ในอาชีพอย่างต่อเนื่อง ป้าก็ไม่อยากโทษระบบการศึกษาในสังคมนี้ แต่ระบบการศึกษาที่ไม่มีการปรับเปลี่ยนให้ทันกับยุคสมัย และไม่มีทางเลือกที่หลากหลายมากพอ เมื่อเทียบกับความหลากหลายของมนุษย์ที่นับวันจะมีให้เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ คงทำให้จำนวนเด็กของเราที่อยู่ในระบบการศึกษาไม่สนุกกับการเรียนรู้มากขึ้น หรือส่วนใหญ่เรียนเพราะพ่อแม่บอกว่าต้องเรียน ซึ่งปัญหาทั้งหมดนี้ไม่ยกเว้นแม้แต่ในระบบการศึกษาของแพทย์ มีเด็กเข้ามาเรียนแพทย์จำนวนไม่น้อยที่ไม่อยากเป็นแพทย์ด้วยตัวเอง แม้ในอดีตคนเหล่านี้อาจเรียนจบออกมาเป็นแพทย์ที่ดีได้หลายคน แต่สังคมที่มีทางเลือกมากมายดังเช่นในยุคปัจจุบัน อาจทำให้เด็กกลุ่มนี้ไม่ตั้งใจมุ่งมั่นในการเรียนได้เหมือนนักศึกษาในอดีต และสัดส่วนของคนที่จบออกมากลายเป็นหมอที่ดีก็อาจลดลง ซึ่งดูคล้ายว่ากระแสการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นเพียงในประเทศไทย เพราะในสังคมที่พัฒนาแล้วก็พบว่ามีหมอที่เรียนดีหลายคน เมื่อเรียนจบไม่สนใจอยากทำงานเป็นครูแพทย์ ซึ่งเป็นทางเลือกสำหรับการประกอบอาชีพในฝันของนักศึกษาแพทย์เรียนดีในอดีต จนต้องทำให้มีความพยายามที่จะค้นหาสาเหตุและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งรีบ

กลับมาที่เรื่องเด็กๆอย่างหนูดีกว่า หนูต้องคอยเตือนป้าว่าอย่าไถลไปเล่าเรื่องระบบการศึกษาและเรื่องหมอที่ไม่ค่อยสนุกมากนัก สรุปว่าหนูผ่านการพัฒนาทักษะพื้นฐานอย่างที่ป้าว่ามาครึ่งทางแล้ว พอจะช่วยตัวเองได้หลายเรื่อง มีเวลาเหลืออีกประมาณ 4 ปีที่จะพัฒนาทักษะพื้นฐานต่างๆในช่วงปฐมวัย ก่อนที่จะมีอายุมากขึ้นแล้วไปค้นหาทิศทางต่อว่าชีวิตหนูในอนาคตควรจะทำอะไรที่จะหาเงินเพื่อมายังชีพได้อย่างเพียงพอและมีความสุขในสิ่งที่ทำ สามารถทำประโยชน์ให้กับทั้งตัวเองและครอบครัว รวมทั้งเพื่อสังคมโดยรวมได้ตามโอกาส ป้าบอกว่ามีทักษะหลายอย่างที่หนูอาจต้องพัฒนาบ้างเพื่อสามารถมีชีวิตอยู่ในโลกวันข้างหน้าเมื่อไม่มีผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือแล้วด้วย เพื่อช่วยให้หนูสามารถมีทางเลือกในชีวิตได้พอสมควร

เรื่องหนึ่งที่ป้าให้ความสำคัญมากคือการออมเงินที่หามาได้ เพราะป้าบอกด้วยความเสียดายเล็กน้อยว่าป้าไม่ได้เรียนรู้ทักษะเรื่องพวกนี้ตั้งแต่ช่วงแรกๆที่หาเงินได้ เพราะการหาได้มากอาจไม่สำคัญเท่าการเก็บออมไว้อย่างเหมาะสม และรู้จักการทำประโยชน์จากเงินที่มีอยู่ด้วย ป้าบอกว่าป้าฝันอยากให้หนูมีความสุขและมีชีวิตที่ไม่ยากลำบากเกินไป น่าจะมีทางเลือกสำหรับชีวิตไว้บ้าง เพราะป้าได้ยินมาว่าชีวิตคือการลงทุน และลงทุนเพื่อสร้างทางเลือกสำหรับชีวิตของตัวเอง  ถึงป้าจะไม่มีประสบการณ์และเก่งในเรื่องเงินๆทองๆนัก แต่ป้ามั่นใจว่าด้วยความเข้าใจเรื่องของเด็กๆเป็นอย่างดี ป้าน่าจะช่วยปูพื้นฐานให้หนูได้ไม่มากก็น้อย แต่หนูขอสารภาพว่าลึกๆแล้วหนูก็ไม่ค่อยอยากรู้อะไรมากนัก เพราะกลัวจะไม่มีเวลาเหลือให้ได้เล่นสนุก มัวแต่ต้องคอยเรียนรู้ทักษะต่างๆที่ป้าเห็นว่าสำคัญ แต่ถ้าป้าสัญญาว่าจะทำให้ทุกอย่างที่หนูต้องเรียนรู้ไม่เคร่งเครียดมากเกินไป มีอะไรสนุกๆอยู่บ้าง หนูก็คงพยายามร่วมมือตามประสาเด็ก หนูรู้ว่าป้าเข้าใจทฤษฎีที่ว่าเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน  แต่บ่อยครั้งป้าก็อดคาดหวังแบบผู้ใหญ่ทั้งหลาย ที่มักมีความคาดหวังแบบลมๆแล้งๆเมื่อเขารักเด็กไม่ได้ ได้แก่ อยากให้เราเก่งเหมือนคนนั้น เราต้องขยันเหมือนเด็กคนนี้ ทำไมเราไม่เป็นเด็กดีเหมือนลูกบ้านนั้น และอื่นๆอีกมากมาย หนูจึงเสนอป้าว่าเรายังต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกันไปเรื่อยๆ คงไม่ใช่แค่หนูเรียนจากป้าฝ่ายเดียว ซึ่งป้าก็บอกว่าจะพยายาม แล้วหนูค่อยมาเล่าในตอนต่อๆไปว่าป้าเขาพยายามสำเร็จไหม เพราะถ้าป้าทำสำเร็จ หนูเชื่อว่าหนูก็ทำได้และมีการพัฒนาอย่างที่ป้าอยากเห็นเหมือนกัน

 

Tips ของหนูจีน

อย่าคาดหวังให้เด็กๆอย่างหนูต้องเรียนรู้อะไรมากมายเกินไปนัก ช่วยเลือกมาให้เฉพาะที่น่าจะจำเป็น

หมายเลขบันทึก: 191489เขียนเมื่อ 30 มิถุนายน 2008 22:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท