วันนี้ (15 มี.ค.49) ประมาณ 14.00 น. เมื่อกลับมาถึงออฟฟิศ หลังจากตลอดช่วงเช้าได้ร่วมประชุม weekly meeting กับคณะของ สคส. และ อ.หมอวิจารณ์ได้พูดถึงบทบาทการทำงานของ สคส.ที่จะลดกิจกรรมการจัด workshop ลง แต่เป็นการสนับสนุนให้ผู้ที่ต้องการจัดเอง โดย สคส.แนะนำวิทยากรให้ ซึ่งจะมีการทำทำเนียบวิทยากรที่ สคส.จะแนะนำในแต่ละด้านขึ้นไว้บนเว็บไซต์ต่อไป (ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ) นั้น
ประเด็นที่จะบอกคือ เมื่อกลับมาก็ได้รับโทรศัพท์จาก คุณสามารถ ซึ่งเป็นปลัด อบต.ที่อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี โทรมาปรึกษาว่า อบต.ท่าวุ้งอยากจะจัด workshop ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ให้กับชาวนาในพื้นที่ (พื้นที่ท่าวุ้งส่วนใหญ่ทำนาเกือบทั้งหมด) และเห็นตัวอย่างนักเรียนชาวนาของโรงเรียนชาวนาสุพรรณบุรี กรณีป้าสำรวย ที่ลงในหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ก็อยากเชิญไปเป็นวิทยากรพูดแนะนำให้ชาวนาของท่าวุ้ง กว่า 100 คน ฟ้งเพื่อกระตุ้นเรื่องการทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ขึ้นมาบ้าง หรือหากมีผู้รู้ที่อื่นก็อยากให้ สคส.แนะนำ
ดิฉันเลยแนะนำให้ติดต่อไปยัง มูลนิธิข้าวขวัญ ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ของการกระตุ้นนักเรียนชาวนาที่สุพรรณบุรี ซึ่งเชื่อว่ามีความพร้อมที่จะส่งวิทยากรทั้งวิทยากรกระบวนการและวิทยากรชาวบ้านไปร่วมขยายผลกับเกษตรกรที่ท่าวุ้ง และยังแนะนำปลัดสามารถต่อไปด้วยว่า การเชิญไปพูดหรือบรรยายอย่างเดียวคงไม่เห็นผล แต่ต้องไปดูของจริงและลงมือทำจริงด้วย ซึ่งก็เป็นหลักของการจัดการความรู้ที่ "ไม่ทำไม่รู้" ซึ่งทางปลัดสามารถก็ดูจะตอบรับและเห็นด้วยและอบต.ก็พร้อมจะสนับสนุน
ที่มาเล่าให้ฟังเพราะเห็นว่า "วิทยากร KM " กำลังเป็นที่ต้องการมากขึ้นจริง ๆ และ สคส.เองซึ่งเป็นองค์กรเล็ก ๆ ก็อยากจะทำบทบาทของการสนับสนุน ส่งเสริม แนะนำ และส่งต่อซึ่งเท่ากับเป็นการขยายเครือข่ายของการจัดการความรู้ให้กว้างมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม สคส.ก็ยังคงติดตามผลและพร้อมเข้าไปสนับสนุนเท่าที่ทำได้ (อันนี้ดิฉันเข้าใจเอาเองนะคะ)
อ้อ...ดิฉันขอเบอร์ติดต่อปลัดสามารถ ไว้ด้วย ที่ 01-5132786 ใครอยากจะให้คำแนะนำเพิ่มเติมก็ติดต่อไปได้นะคะ