... อย่าบอกว่าให้ถอยคนละก้าว แต่บอกว่าให้ก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน ...
ดิฉันเป็นคนไทยที่อยากอยู่เมืองไทยอย่างสันติสุข ไม่อยากให้เมืองไทยเป็นเหมือนฟิลิปปินส์ ก็เลยอยากจะเขียนบันทึกนี้ขึ้นในบล็อกของดิฉันที่ ฉันรู้ ฉันคิด ฉันจึงเขียน ซึ่งเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ดิฉันคงไม่ไปเข้าร่วมเดินขบวนและไม่อยากไป เพราะดิฉันยังคงยุ่งกับภาระกิจที่สำคัญต่อประเทศชาติอยู่เช่นกัน ซึ่งก็คือ การสอนและการพัฒนาระบบการจัดการความรู้
ไม่ใช่อวดรู้นะคะ ดิฉันเพียงแค่อยากเขียนเพื่อระบายความเห็นส่วนตัวในเวลาที่มีอันน้อยนิดที่เจียดจากภาระงานอื่น เผื่อว่าคนสำคัญของประเทศจะได้บังเอิญเข้ามาอ่านบ้าง แล้วจะได้รู้ว่า ดิฉันขอสิทธิ์ในฐานะประชาชนไทยในการแสดงความคิดเห็นต่อภาวะวิกฤตของประเทศคะ
ดิฉันมองว่า สถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันเหมาะมากกับการเป็นแบบฝึกหัดแห่งชีวิตจริงให้ CEO ของทุกฝ่ายเข้าใจถึง การจัดการความรู้ (Knowledge Management)
Dialogue เป็นเทคนิคของ Bohm ที่เข้ามาประยุกต์ใช้กับงานด้านการจัดการความรู้ และตรงกันข้ามกัน Debate ซึ่งดิฉันคิดว่าประเทศเราจะต้องนำมาใช้แล้วคะ เพราะมีประโยชน์มากมายที่เด่นชัดดังนี้ เช่น
อ่านเพิ่มเติมที่ (http://www.co-intelligence.org/P-dialogue.html) หรือ ท่านที่สนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ dialogue ให้พิมพ์ค้นหาที่ด้านบนของ GotoKnow.org ด้วยคำว่า dialogue นะคะ และที่ Co-intlligence เขียนไว้ดีคะ ทำให้เข้าใจถึงข้อแตกต่างระหว่าง Dialogue กับ Debate ดังนี้คะ
ตัวแปรที่สำคัญที่สุด คืออยู่ที่ Knowledge facilitator หรือ คุณอำนวยคะ ต้องรักษาสถานการณ์ให้ได้คะ จะต้องเป็นกลาง ไม่ได้เป็นฟากฝั่งใดของ "จริยธรรม" หรือ "กฎหมาย" ซึ่งดิฉันเชื่อว่า หลายๆ ท่านน่าจะเข้าใจดีว่า หลายๆ กรณี เรื่อง Ethical issues กับเรื่อง Legal issues เป็นเรื่องที่หาข้อสรุปได้ยากยิ่งในสังคมทุกสังคมคะ
... ในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ยอม ก็อย่าเริ่มต้นให้เขาต้องยอม ดังนั้น อย่าบอกว่าให้ถอยคนละก้าว แต่บอกว่าให้ก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน ...
ถูกต้องคะ แล้วก็ทำ Dialogue กัน :)
ถ้าเมืองไทยเรามีนักวิชาการที่มีความคิดความอ่านแบบอาจารย์มากๆ มาช่วยชี้ทางสว่างให้ คนในสังคมคงไม่หลงประเด็น และข่าวสารบ้านเมืองคงไม่ถูกบิดเบือนตามที่ผู้มีอำนาจต้องการได้ง่าย เหมือนในปัจจุบัน
น่าเป็นห่วงลูกหลานของพวกเรา จริงๆ นะครับ
เท่าที่เห็นๆ นักวิชาการก็มีทั้งสองฝ่ายนะคะ เพียงแต่ระบอบมันเปลี่ยนไปเสียจน "ทั้งสองฝ่าย" นั้นไม่ได้มีความเท่าเทียมกันในการเสนอความคิดเห็นและอำนาจในการตัดสินใจ
เราจะมีส่วนอย่างไร ในฐานะประชาชนนี่สิคะ ตัวเองยังหาคำตอบไม่ได้เลย ทั้งๆที่พยายาม"เก็บ"ข้อมูลจากทุกๆด้านแล้ว
เรียน คุณโอ๋-อโณ
คุณต้องพยายามหาแหล่งข้อมูลข่าวสารที่เสนอเฉพาะข้อเท็จจริง ไม่มีความเห็น และติดตามพิจารณาข้อเท็จจริง (ที่ไม่ถูกบิดเบือนและตกแต่งนั้น) ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันให้เพียงพอ
หลังจากใช้หลักเหตุผลพิจารณาและนำมาปะติดปะต่อกันแล้ว คุณจะได้คำตอบ เห็นความชัดเจน และแยกแยะประเด็นได้กระจ่างขึ้นเองครับ
จนถึงปัจจุบัน ไม่ยากและค่อนข้างชัดเจนแล้วครับ เนื่องจากผลแห่งการกระทำบางอย่าง มันได้สำเร็จแล้ว
ขอให้ทุกท่านโชคดี มีปัญญาสว่างไสว สามารถแยกแยะและรู้เท่าทันเหตุและผลได้โดยการปิดหู ปิดปาก แต่เปิดตา และเปิดใจ
ขอบคุณครับ