4 Hospital Accreditation ( HA.)แนวคิดการพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล
การพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล คือกลไกกระตุ้นและส่งเสริมให้
โรงพยาบาลมีการพัฒนาคุณภาพทั้งองค์กรอย่างมีระบบ โดยมีกิจกรรมหลัก 3 ขั้นตอน คือ การพัฒนาคุณภาพ การประเมินคุณภาพ และการรับรองคุณภาพ
การรับรองคุณภาพจะกระทำโดยองค์การภายนอกที่เป็นกลาง เพื่อเป็นหลักประกันว่า
ผลการรับรองนั้นจะเป็นที่น่าเชื่อถือ สถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาลเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นโดยข้อบังคับตาม พ.ร.บ.สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ทำหน้าที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพของโรงพยาบาลโดยอาศัยการประเมินตนเองร่วมกับการประเมินจากภายนอกเป็นกลไกกระตุ้นที่สำคัญก่อนที่จะขอรับรองคุณภาพจากสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล เป็นหน้าที่ของโรงพยาบาลที่จะต้องประเมินและพัฒนาคุณภาพตามกรอบมาตรฐานโรงพยาบาลมาก่อน
1) ประโยชน์สำหรับผู้ป่วย ได้แก่ ความเสี่ยงต่อการประสบความสูญเสีย
หรือภาวะแทรกซ้อนลดลงคุณภาพการดูแลรักษาดีขึ้น ได้รับการพิทักษ์สิทธิผู้ป่วยและศักดิ์ศรีของความเป็นคนมากขึ้น
2) ประโยชน์สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ได้แก่ ความเสี่ยงต่อการ
เจ็บป่วยจากการทำงานลดลงความเสี่ยงต่อการเข้าใจผิดระหว่างผู้ป่วยกับเจ้าหน้าที่ลดลง สิ่งแวดล้อมในการทำงานและการประสานงานดีขึ้น เจ้าหน้าที่ได้เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเอง
3) ประโยชน์สำหรับโรงพยาบาล ได้แก่ การเป็นองค์การเรียนรู้ สามารถ
รองรับการเปลี่ยนแปลงและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องสู่ความเป็นเลิศ ทำให้องค์การอยู่รอดและยั่งยืน
1) การกระตุ้นให้โรงพยาบาลเกิดแรงจูงใจในการพัฒนาคุณภาพอย่าง
ต่อเนื่อง
2) การสร้างความรับผิดชอบต่อสังคม (social accountability) ซึ่ง
โรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนจะต้องแสดงออก เพื่อให้สังคมมีความมั่นใจต่อระบบบริการของโรงพยาบาล ด้วยการยินยอมให้องค์การภายนอกซึ่งมีความรู้ความเข้าใจระบบการดูแลผู้ป่วยเข้าไปประเมินตามกรอบที่ตกลงร่วมกัน
3) การให้ข้อมูลข่าวสารเพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้บริโภค
4) การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ร่วมกัน โดยการที่ผู้บริหารและผู้ประกอบวิชาชีพของโรงพยาบาลต่างๆ ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและผู้ประเมินในลักษณะของอาสาสมัคร
กรอบมาตรฐานที่ใช้ในการพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล คือมาตรฐาน
โรงพยาบาลฉบับปีกาญจนาภิเษกมาตรฐานโรงพยาบาลเป็นมาตรฐานที่กล่าวถึงระบบงานที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของโรงพยาบาลในภาพรวม การประเมินตามมาตรฐานนี้จึงมุ่งเน้นที่การประเมินระบบงาน ไม่ได้มุ่งประเมินการทำงานในระดับบุคคลหรือวิธีการดูแลรักษาผู้ป่วยแต่ละราย. ระบบงานที่กำหนดไว้จะส่งเสริมให้มีการนำมาตรฐานวิชาชีพมาปฏิบัติมากขึ้น การพบปัญหาในระดับบุคคลจะนำมาสู่การตั้งคำถามต่อระบบงานที่เกี่ยวข้อง
ในมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากร เช่น คน สถานที่ เครื่องมือ จะเน้นหนักใน
เรื่องการบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรเหล่านั้น เพื่อให้มีทรัพยากรที่มีคุณภาพและพร้อมที่จะใช้งานเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วย มากกว่าที่จะดูเฉพาะปริมาณของทรัพยากรเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้โดยพิจารณาสมดุลของความจำเป็นด้านคุณภาพและขีดจำกัดของโรงพยาบาลแต่ละแห่งควบคู่กันไป
การพัฒนาคุณภาพในที่นี้ คือ การจัดระบบบริหารและระบบการทำงานใน
โรงพยาบาลตามแนวทางที่กำหนดไว้ในมาตรฐานโรงพยาบาล ซึ่งมุ่งเน้นการทำงานด้วยใจที่มุ่งมั่นต่อคุณภาพของเจ้าหน้าที่การทำงานเป็นทีม การตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยและผู้รับผลงานมีระบบตรวจสอบเพื่อแก้ไขปรับปรุงด้วยการประสานกิจกรรมการบริหารความเสี่ยง(risk management-RM) การประกันคุณภาพ (quality assurance-QA) และการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง (continual quality improvement - CQI) เข้าด้วยกัน
1) การบริหารความเสี่ยง คือ การค้นหาโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยง การ
ประเมินความเสี่ยง การวางมาตรการป้องกันความเสี่ยงหรือลดความสูญเสีย และการดำเนินการเมื่อเกิดความสูญเสียขึ้น.
2) การประกันคุณภาพ คือ การวางระบบเพื่อเป็นหลักประกันว่าจะมีการ
ปฏิบัติงานตามมาตรฐานหรือแนวทางปฏิบัติที่กำหนดและมีผลลัพธ์ตามที่คาดไว้ ซึ่งประกอบด้วย การกำหนดมาตรฐาน การวัดผลการปฏิบัติ และการปรับปรุงแก้ไขเมื่อไม่มีการปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดหรือผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาด
3) การพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง คือ การใช้กระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์และความคิดสร้างสรรค์ในการปรับปรุงระบบงานเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้รับผลงานอย่างไม่หยุดยั้ง โดยมุ่งไปสู่ความเป็นเลิศ
การพัฒนาคุณภาพจะต้องทำควบคู่กันไปทั้งในด้านวิชาชีพ และระบบงาน การมีผู้ เชี่ยวชาญทางวิชาชีพเข้าไปให้คำปรึกษาและให้ข้อเสนอแนะจะทำให้พัฒนาไปได้ถูกทิศทางยิ่งขึ้น
เป็นการประเมินตนเองเพื่อตรวจสอบความก้าวหน้าในการพัฒนาคุณภาพ และตรวจสอบความพร้อมที่จะได้รับการประเมินและรับรองจากภายนอก การประเมินตนเองของโรงพยาบาลควรประเมินโดยทีมที่เกี่ยวข้อง โดยควรครอบคลุมการประเมินเพื่อค้นหาโอกาสพัฒนา การตรวจเยี่ยมเพื่อสังเกตการปฏิบัติงานจริง การทบทวนแนวคิด แนวทางปฏิบัติ การปฏิบัติงานจริง และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาและพัฒนาวิธีการทำงานอย่างต่อเนื่อง การใช้แบบประเมินตนเองเพื่อบันทึกและวิเคราะห์ระบบงานตามข้อกำหนดในมาตรฐานโรงพยาบาล
การประเมินโดยผู้ประเมินภายนอกมี 3 ลักษณะ คือ การประเมินความพร้อมของโรงพยาบาล การประเมินเพื่อพิจารณารับรอง และการประเมินหลังการรับรอง
(1) การประเมินความพร้อมของโรงพยาบาล (Preparation
Survey) เป็นการประเมินเพื่อดูว่าโรงพยาบาล ได้ดำเนินการพัฒนาคุณภาพตามข้อกำหนดในกรอบมาตรฐานโรงพยาบาลได้ครบถ้วนแล้วหรือไม่ มีประเด็นความเสี่ยงที่ชัดเจนหลงเหลืออยู่หรือไม่ โรงพยาบาลจะขอให้มีการทำ pre-survey ต่อเมื่อผลการประเมินตนเองอยู่ในระดับที่มั่นใจว่าได้มีการพัฒนาตามมาตรฐานโรงพยาบาลในประเด็นสำคัญๆ ครบถ้วน ผลการประเมินในขั้นตอนนี้คือการให้คำแนะนำเพื่อให้โรงพยาบาลนำไปปรับปรุง การประเมินความพร้อมอาจจะทำเป็นระยะๆ หลายครั้ง จนกว่าจะมั่นใจว่าโรงพยาบาลมีความพร้อมเต็มที่สำหรับการประเมินเพื่อรับรอง
(2) การประเมินเพื่อพิจารณารับรอง (Accreditation Survey) คือการไปรับทราบหลักฐานและความจริงว่าโรงพยาบาลได้มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดในมาตรฐานโรงพยาบาล สิ่งที่ระบุไว้ในนโยบาย/คู่มือการปฏิบัติงานของโรงพยาบาล คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และข้อเสนอเพื่อการปรับปรุงจากการประเมินความพร้อม เครื่องมือสำคัญที่ผู้ประเมินภายนอกจะใช้คือข้อมูลที่โรงพยาบาลประเมินตนเองตามแบบฟอร์มที่กำหนดไว้ซึ่งผู้ประเมินภายนอกจะต้องศึกษาล่วงหน้าก่อนที่จะไปประเมินในพื้นที่ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดของมาตรฐานซึ่งเน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การประเมินจะเน้นกิจกรรมสำคัญที่เกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยและการบริหารองค์การ เพื่อตอบคำถามต่อไปนี้
- มีการออกแบบหรือจัดระบบงานไว้อย่างเหมาะสมหรือไม่(system
design)
- มีการปฏิบัติตามกระบวนการที่กำหนดไว้หรือไม่ (deployment)
- มีการประเมินผลกระบวนการเหล่านั้นหรือไม่ผลการประเมินเป็นอย่างไร
(assessment & result)
- โรงพยาบาลกำลังพยายามปรับปรุงการปฏิบัติงานของตนหรือไม่
(continual improvement)
ข้อสรุปจากการประเมินคือจุดแข็งของโรงพยาบาล ข้อเสนอแนะสำหรับการ
พัฒนาคุณภาพของโรงพยาบาล ข้อเสนอแนะมี 2 ประเภทได้แก่:
- ข้อเสนอแนะประเภทที่ 1 คือข้อเสนอแนะซึ่งมีผลต่อการรับรองคุณภาพ
ในครั้งนี้ โรงพยาบาลจะต้องปรับปรุงแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนจึงจะได้รับการรับรอง การติดตามผลการแก้ไขปรับปรุงอาจจะเป็นการดูรายงานหรือการ survey ซ้ำเฉพาะเรื่อง (focused survey)
- ข้อเสนอแนะประเภทที่ 2 คือข้อแนะนำเพื่อให้โรงพยาบาลพัฒนา
อย่างต่อเนื่องไปสู่ความเป็นเลิศ การได้รับข้อแนะนำประเภทนี้ไม่มีผลต่อคำตัดสินการรับรองในครั้งนั้น แต่อาจจะนำมาพิจารณาในการประเมินรอบต่อไปว่าได้นำข้อแนะนำเหล่านี้มาพิจารณาเพียงใด
(3) การประเมินหลังการรับรองมี 3 ลักษณะได้แก่:
- การประเมินเฝ้าระวัง (Surveillance Survey) เป็นการประเมินตาม
กำหนดเวลาทุก 6-12 เดือน โดยเน้นประเด็นสำคัญหรือประเด็นที่มีแนวโน้มจะมีปัญหาในภาพรวม
- การประเมินเมื่อมีปัญหา (Unscheduled Survey) เป็นการประเมินเมื่อ
ได้รับทราบว่าอาจจะมีปัญหารุนแรงเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยหรือความปลอดภัย
- การประเมินเมื่อมีการปรับเปลี่ยน (Verification Survey) ได้แก่ การเปิด
บริการ การขยายบริการ การเปลี่ยนเจ้าของหรือผู้บริหารระดับสูง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น โรงพยาบาลจะต้องแจ้งให้ทราบภายใน 30 วัน และจะมีการประเมินซ้ำเพื่อยืนยันการรับรองหากอายุการรับรองยังมีเหลือมากกว่า 9 เดือน โดยอายุการรับรองจะไม่ขยายมากกว่าเดิม
การรับรองโรงพยาบาล คือการรับรองว่าโรงพยาบาลมีการจัดระบบงานที่ดี เอื้อต่อ
การให้บริการได้อย่างมีคุณภาพ และปลอดภัย มีความมุ่งมั่นที่จะทำงานให้มีคุณภาพและพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง มีการตรวจสอบตนเองอย่างสม่ำเสมอ
ผู้ตัดสินให้การรับรองโรงพยาบาล คือคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่ง พรพ. แต่งตั้งขึ้น
คณะกรรมการจะตัดสินโดยพิจารณาข้อมูลที่ได้รับจากผู้ประเมินภายนอก ลักษณะของการรับรองมีดังนี้
1) รับรอง 2 ปี สำหรับโรงพยาบาลที่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดในมาตรฐาน
ได้ครบถ้วน บริการส่วนใหญ่อยู่ในระดับดี ไม่มีความเสี่ยงที่ชัดเจน มีหลักฐานของความพยายามในการการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
2) ไม่รับรอง สำหรับโรงพยาบาลที่ไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรฐาน
โรงพยาบาลได้ครบถ้วน ยังมีความเสี่ยงปรากฏอย่างชัดเจน
2.4.4.8 ประสิทธิภาพในการพัฒนาคุณภาพ
เราสามารถพัฒนาคุณภาพให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยยึดหลักดังต่อไปนี้
1) ใช้แนวคิดความเรียบง่าย (simplicity) ในการทำงาน มีเป้าหมายที่ชัดเจน ใช้
แนวคิดและกลยุทธ์มากกว่าการลอกเลียนแบบ
2) ทำในจุดที่ใกล้ผู้ป่วย แก้ปัญหาทันที เช่น การตรวจเยี่ยมผู้ป่วยร่วมกันเพื่อ
ทบทวนปัญหา/โอกาสเกิดปัญหา/การตอบสนองของผู้ป่วย การบันทึกข้อมูลผู้ป่วยเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สะท้อนความเป็นไปของผู้ป่วยที่สำคัญ
3) การเลือกทำในสิ่งที่สำคัญ ด้วยตระหนักในความจำกัดของคนเวลาและทรัพยากร
อื่นๆ
4) การทำเป็นลำดับขั้น
2.4.4.9 การพัฒนาและประเมินองค์การ
ในการพัฒนาและประเมินองค์การ มีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอย่างเชื่อมโยงกัน 3 ประการคือ
1) สถานการณ์เฉพาะหรือบริบทขององค์การ (context) ได้แก่ หน้าที่ เหตุผลของ
การจัดตั้งองค์การ และปัญหาที่ท้าทายขององค์การ
2) เกณฑ์หรือมาตรฐาน(criteria/standards) ซึ่งจะระบุสิ่งที่ควรมีควรปฏิบัติ และ
เป็นเครื่องมือสำหรับประเมินความก้าวหน้าในการปฏิบัติเป็นรูปธรรมของการปฏิบัติที่สามารถประเมินความเหมาะสม ความครอบคลุมและผลลัพธ์ของการปฏิบัติได้
3) ค่านิยมและแนวคิดหลัก(core value concept)ซึ่งเป็นสิ่งที่จะต้องกำกับอยู่ในใจ
ตลอดเวลา ในการนำมาตรฐานไปปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์การ
2.4.4.10 ค่านิยมและแนวคิดหลัก ( Core Value & Concept )
กระบวนการพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล ( Hospital Accreditation ) ดำเนินการภายใต้ค่านิยมและแนวคิดหลักต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่ยอมรับและนำมาปฏิบัติในองค์การที่ประสบความสำเร็จ ค่านิยมและแนวคิดเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาองค์การซึ่งจะต้องกำกับอยู่ในใจและสอดแทรกอยู่ในทุกเรื่อง ทุกที่ ทุกเวลา ทุกคน เป็นสิ่งที่จะเชื่อมโยงการนำข้อกำหนดหรือมาตรฐานต่างๆ ไปปฏิบัติให้สอดคล้องกับบริบทขององค์การเป็นสิ่งที่จะใช้ควบคู่กับข้อกำหนดหรือมาตรฐาน ทั้งในขั้นตอนของการพัฒนา และการประเมินองค์การ
ค่านิยมและแนวคิดหลักชุดนี้เป็นสิ่งที่ใช้ปฏิบัติอยู่ในกระบวนการ Hospital Accreditation ซึ่งนำเอาแนวคิด Total Quality Management มาเป็นพื้นฐานในการดำเนินการ โดยปรับให้เหมาะกับบริบทของระบบบริการสุขภาพ และปรับให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นตามแนวคิด Performance Excellence ใน MBNQA และแนวคิดงานสร้างเสริมสุขภาพ
ในการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป สิ่งที่จะมีการเปลี่ยนแปลงคือตัวข้อกำหนดหรือมาตรฐานเป็นหลัก ขณะที่ค่านิยมหลักและแนวคิดจะเปลี่ยนแปลงช้ากว่าเนื่องจากเป็นหลักการที่ฝังลึกและเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป
ขอบคุณมากค่ะ ที่ช่วยขยายผล